ที่มา ประชาไท
กก.สมานฉันท์ฯชงตั้งสสร.3 ภูมิใจไทยไม่นิรโทษกรรม
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - กรรมการสมานฉันท์ฯ ชี้ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญมีมากอาจเสนอตั้ง ส.ส.ร.ขณะที่เพื่อไทย จี้ ปชป. อย่าตีสองหน้าบอกให้ชัดแก้-ไม่แก้ รธน. ขู่นับถอยหลัง 45 วันไม่คืบเสื้อแดงมาแน่ อ้าง "บรรหาร" พรรคร่วมเตรียมกดดันหนัก ด้านหัวหน้า ชทพ.ลั่นแก้หรือไม่แล้วแต่ประชาชนตัดสิน เสนอให้สังคมวิพากษ์ประเด็นยุบพรรค ตร.จับตาแกนนำเสื้อแดง ปลุกมวลชน ละเมิดคำสั่งศาลดำเนินคดีได้ทันที
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในฐานะคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เห็นว่าเป็นสิทธิทางการเมือง ถ้าปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขก็อาจจะทำให้รัฐธรรมนูญเหมาะสมมากขึ้น ควรเปิดใจกว้างรับฟัง ถ้าไม่ฟังเลยก็จะเกิดปัญหาว่าให้คนไม่รู้เรื่องการเมืองมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และท้ายที่สุดกระบวนการรัฐสภาต้องดำเนินการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร กับประเด็นที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ รวบรวมถ้าเห็นว่าต้องแก้ไขหลายมาตราอาจเสนอตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ (ส.ส.ร.) ก็ได้
นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หากลงทั้งฉบับไม่น่ามีประโยชน์ เพราะต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญทั้งฉบับแต่ละประเด็นย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และที่สำคัญยังไม่มีกฎหมายรองรับการทำประชามติ ดังนั้น หากทำเป็นประเด็นสอบถามน่าจะพอรับฟังได้
นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ กล่าวว่า เท่าที่ดูการประชุมคณะกรรมการครั้งแรกหลายฝ่ายยังสงวนท่าที โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ ที่เล่นบทสองหน้า ไม่ชัดเจนว่าจะแก้หรือไม่ให้แก้ ทั้งที่นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าพร้อมจะแก้รัฐธรรมนูญแต่ปรากฏว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์เองกลับออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน
ทั้งนี้ ส.ว.และพรรคร่วมรัฐบาล อาทิเช่น พรรคชาติไทยพัฒนา ก็แสดงความเห็นด้วยว่าควรต้องแก้ประเด็นหลักคือ มาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค มาตรา 190 มาตรา 265 และ 266 รวมทั้งบทบาทขององค์กรอิสระ ซึ่งต้องดูกรอบอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสองมาตรฐานเหมือนที่ผ่านมา การประชุมครั้งต่อไปเขาจะถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไร เพราะไม่อยากให้แก้ไข เพื่อพรรคไทยก็จะไปคุยกับพรรคร่วมอื่นๆ ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลมีประเด็นอะไรออกมาอีกพรรคเพื่อไทย ก็จะไม่เข้าร่วมด้วยอีกแล้ว
"รัฐบาลจะเล่นเกมยื้อเวลาไม่ได้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นการแก้ปัญหาของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเร่งรีบดำเนินการ แต่ถ้านับถอยหลังอีก 45 วันที่วางกรอบเวลาไว้ ยังไม่มีความคืบหน้าในการศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าอารมณ์ของมวลชนก็พร้อมจะระเบิด รัฐบาลอย่าไปคิดว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 เม.ย.สงบแล้ว ความจริงเปล่าเลย เพราะเท่าที่ผมลงพื้นที่ ชาวบ้านบอกว่าเมื่อไหร่นายกฯ จะลาออก ดังนั้น หากไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ยิ่งตอกย้ำความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลซึ่งประชาชนก็จะทนไม่ได้"
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือจะแก้รัฐธรรมนูญก็ได้ ไม่แก้ก็ได้ แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นว่าอย่างไร แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการทำประชามติ เพราะทำไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ควรมีการแยกประเด็นออกมาว่ามาตราไหนของรัฐธรรมนูญที่ควรแก้ แยกออกมา 2-3 ประเด็นอย่างมาตรา 190 และมาตรา 237 แล้วนำมาให้สังคมวิพากษ์ว่าประเด็นดังกล่าวนี้ควรแก้หรือไม่ โดยให้นักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งการที่พรรคชาติไทยพัฒนา เสนอแก้รัฐธรรมนูญนั้นก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แก้ไขเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยหรือจะต้องรอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปอีกพรรค
อย่างไรก็ตาม หากให้สังคมวิพากษ์แล้วสังคมไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตรา 237 พรรคชาติไทยพัฒนาก็พร้อมที่จะฟังเสียงประชาชน
ภท.ชี้ยังไม่ถึงเวลานิรโทษกรรม
ด้านนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และกรรมการประสานงานพรรคร่วม (วิป) รัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคภูมิใจไทยจะประชุมในวันจันทร์ที่ 11 พ.ค.นี้ เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนนำข้อสรุปเสนอคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ
"มาตราที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม ควรรับฟังความเห็นประชาชนจะดีกว่า ส่วนตัวผมคิดว่ายังไม่ถึงเวลา แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่เพียงคนเดียวประเทศก็เดินหน้าได้ ดังนั้น หากจะสมานฉันท์ เมื่อศาลตัดสินแล้วคนที่รับโทษก็ควรปฏิบัติตนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และเหลือเวลาไม่กี่ปีก็จะได้รับการคืนสิทธิทางการเมืองแล้ว อีกทั้ง หากจะนิรโทษกรรมให้กับคนที่ไม่ทำผิดบางคน ก็จะมีปัญหาตามมาภายหลังอีก"
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แม้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่หากคนในสังคมยังเห็นแตกต่าง ขัดแย้งและไม่ยอมรับกฎกติกาของบ้านเมือง รวมทั้งยังไม่ปรองดองสามัคคีกัน ไม่มีทางแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันได้แน่นอน
ตร.450 นายดูแลชุมนุมเสื้อแดง
ด้านการเตรียมความพร้อมรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ลานใกล้วัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง ในวันนี้ (10 พ.ค.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จะใช้ชุดควบคุมฝูงชนของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองร้อย และจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 กองร้อย รวม 450 นาย ซึ่งแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประสานให้ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานมือที่
3 เตรียมก่อความวุ่นวาย
พร้อมกันนี้ยังกำชับตำรวจจับตาแกนนำที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว หากปราศรัยผิดเงื่อนไขการประกันตัว หรือพูดจายั่วยุ ให้ทำรายงานแจ้งต่อศาลและดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนคดีกลุ่มผู้ชุมนุมก่อเหตุทุบรถยนต์นายกรัฐมนตรีในกระทรวงมหาดไทย ได้เร่งรัดให้ทีมสืบสวน ติดตามจับกุม โดยพบตัวแล้ว 1 ราย การที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1 ในแกนนำ ออกมาระบุว่ามีทหารแฝงตัวในเหตุการณ์ทุบรถนายกรัฐมนตรี เท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่พบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น กลุ่มเสรีชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นมวลชนคนเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี ประกาศระดมสมาชิกไปร่วมชุมนุมกับ 3 แกนนำ นปช.ที่วัดไผ่เขียว โดยจะเดินทางไปทางรถทัวร์ประจำทางเวลาประมาณ 19.00 น.ซึ่งนายอ้วน ไอพี แกนนำกลุ่มเสรีชนฯ ระบุว่า มีสมาชิกแจ้งความประสงค์ร่วมเดินทางแล้วกว่า 30 คน
ด้าน น.ส.กัญญาภัค มณีจักร แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช. นั้น กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไม่ได้มีการระดมมวลชนคนเสื้อแดงเข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว เพราะไม่มีผู้นำทัพเสื้อแดงเคลื่อนพลไปซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มฯ จึงไม่ได้ระดมพลไปร่วม แต่หากเสื้อแดงคนใดอยากไปสมทบกับการชุมนุมก็สามารถไปได้
พท.แจกซีดีสลายแดง 2 ล้านแผ่น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯ และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้หารือกันให้ชัดเจน เพื่อกำชับคนของรัฐบาลไม่ให้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการชุมนุมทางการเมือง จนกว่าผลศึกษาของคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเรียบร้อย และขอให้อดใจรอดูการทำงานของคณะกรรมการ โดยยังไม่ต้องออกมาดิสเครดิตกันด้วยการแถลงข่าวหรือโต้แย้งก่อนทั้งที่ยังไม่ได้สอบสวน เนื่องจากจะทำให้ประชาชนสับสนต่อข้อมูลที่ออกมาพูดกันคนละทีโดยไม่รู้ว่าข้อมูลใดเป็นความจริงกันแน่
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยที่ได้เตรียมหลักฐานชี้แจงต่อประชาชนกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมนั้น ขณะนี้ได้เดินหน้าทำสงครามซีดีเต็มรูปแบบ เพื่อชี้แจงข้อมูลอีกด้านหนึ่งให้ประชาชนทราบ โดยได้เตรียมแจกแผ่นซีดี 2 ล้านแผ่น มีเนื้อในช่วงที่อภิปรายรัฐบาลในเรื่องนี้ มีคลิปพฤติกรรมของเสื้อสีน้ำเงิน ถ่ายทำโดยฝรั่ง และสำนักข่าวปักกิ่ง รวมถึงมีเนื้อหาโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เรียกร้องให้เคลื่อนไหวโดยสันติ ทั้งนี้ซีดีดังกล่าวจะนำไปจำหน่ายที่งานชุมนุมเสื้อแดงในวันที่ 10 พ.ค.นี้ที่วัดไผ่เขียว กทม.ด้วย
"อนุพงษ์"ตอกย้ำทหารไม่เป็นศัตรูประชาชน
เว็บไซต์สยามรัฐ - พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับลวงพราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของทหารกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ช่วงที่ผ่านมาบ้านเมืองเราไม่ปกติและสถาบันต่างๆถูกดึงเข้าไปในสถานการณ์ด้วย ส่วนกองทัพจะดูบทบาทของตัวเองว่า จะต้องอยู่ในจุดไหนอย่างไร ซึ่งตนมีแนวคิดง่าย ๆ คือจะไม่เป็นศัตรูกับประชาชนและไม่นำกองทัพไปเป็นผู้ต้องหาอย่างในเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ในอดีตที่ผ่านมาคือไม่ทำร้ายประชาชน ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งรัฐบาล เช่นเดียวกับอธิบดีในกระทรวงต่างๆ เพราะผู้ถืออำนาจรัฐคือรัฐบาล เมื่อสั่งการอะไรเราก็ทำ แต่จะทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับส่วนรวมและไม่ผิดหลักการเบื้องต้น โดยเฉพาะจะต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด และเป็นหลักได้เมื่อบ้านเมืองวิกฤติ
“หลายเหตุการณ์เกิดจากคนไม่เข้าใจ เราก็ต้องทำความเข้าใจเท่าที่จะทำได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์จะโอนเอนออกไป และต้องพยายามยืนหลักให้ได้แต่หากมีโอกาสทำความเข้าใจได้ก็จะทำ ส่วนคนเข้าใจและให้กำลังใจก็มีเยอะ ในทางกลับกันคนไม่เข้าใจก็มีมาก แต่เราไม่มีสิทธิ์จะไปแสดงตัวโอนอ่อนตามกระแส คงเหมือนกับทุกสถาบันแม้กระทั่งสื่อสารมวลชนที่คนไม่เข้าใจก็จะมองว่า บางสื่อเอียงข้าง แต่ทุกคนในสังคมได้บทเรียนมากจากสถานการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีความก้าวหน้าของการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
'ชุมพล'ค้านทำประชามติแก้รธน.เชื่อไม่มีประโยชน์
เว็บไซต์ไทยรัฐ - ควรแยกประเด็นออกมาว่ามาตราไหนที่ควรแก้ แล้วนำมาให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเด็นดังเหล่านี้ควรแก้หรือไม่ โดยให้นักวิชาการ สื่อมวลชนและประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน
นาย ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนาจะแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วแต่ประชาชนส่วน ใหญ่จะเห็นว่าอย่างไร แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ทำประชามติ เพราะไม่มีประโยชน์ ควรแยกประเด็นออกมาว่ามาตราไหนที่ควรแก้ แล้วนำมาให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเด็นดังเหล่านี้ควรแก้หรือไม่ โดยให้นักวิชาการ สื่อมวลชนและประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน
"ที่พรรค ชาติไทยพัฒนาเสนอแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย หรือจะต้องรอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปอีกพรรค หากให้สังคมวิพากษ์แล้วสังคมไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตรา 237 พรรคชาติไทยพัฒนาก็พร้อมฟังเสียงประชาชน" นายชุมพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ในประเด็นการแก้ไข รัฐธรรมนูญ นายชุมพล กล่าวว่าไม่มีการพูดคุยกัน ไม่เคยเชื่อมโยงอะไรกับพรรคไหนทั้งสิ้น พรรคชาติไทยพัฒนามีจุดยืนเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหารือกับใคร ส่วนใครจะไปหารือกับใครอาจเป็นเรื่องส่วนตัว.
ผบ.ทบ.ยันความจำเป็นใช้ทหาร รปภ.ประชุมอาเซียน
เว็บไซต์เดลินิวส์ - พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึง การรักษาความปลอดภัยประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนหน้าว่า อาจใช้ทหารเป็นกำลังหลัก เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่เกิดความรุนแรง เพราะเพียงกำลังตำรวจคงไม่พอในการรับมือหากเกิดการชุมนุม ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นด้วยหากรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้มีอำนาจในการรักษาสถานการณ์
"ส่วนการนัดรวมพลของคนเสื้อแดงในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) ย่านดอนเมืองนั้น ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของตำรวจ ยกเว้นหากมีการร้องขอ ถึงจะส่งกำลังไปช่วยสนับสนุน" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว.
ผบช.ภ.8ซ้อมคุมฝูงชนรองรับประชุมอาเซียนจ.ภูเก็ต
เว็บไซต์สยามรัฐ - ที่ลานฝึกหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มาตรวจติดตามการฝึกซ้อมทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชนของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตทั้ง 8 สถานี จำนวน 2 กองร้อย รวม 300 นาย เพื่อเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา ซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนมิถุนายนนี้ โดยมีพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นผู้อำนวยการฝึก, พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นผู้ควบคุมการฝึก, พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผกก.สภ.กะทู้ เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 1 และ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.ถลาง เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 2
สำหรับการฝึกดังกล่าว ได้กำหนดให้กองร้อยที่ 1 ทำการฝึกในส่วนของการฝึกแถวกระบอง การต่อสู้ด้วยกระบอง การเคลื่อนของรูปขบวนต่างๆ ในระดับกองร้อย ส่วนกองร้อยที่ 2 เป็นชุดควบคุมฝูงชน มีการกำหนดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปยังสถานที่จัดประชุม ชุดควบคุมฝูงชนจึงได้เข้าควบคุมตามขั้นตอนและความรุนแรงของสถานการณ์ คือ การเจรจา การใช้กำลังเข้าผลักดัน การใช้น้ำจากรถดับเพลิง และแก๊สน้ำตาสลาย ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้
ทั้งนี้พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวกับผู้เข้าร่วมทำการฝึกซ้อมฯ ว่า พอใจการฝึกซ้อมในระดับหนึ่งในด้านความพร้อมเพรียงและการคัดเลือกกำลังเจ้าหน้าที่ที่อายุน้อยและมีประสิทธิภาพเข้มแข็ง ในส่วนการสมมุติสถานการณ์เข้าควบคุมฝูงชน สำหรับผู้ชุมนุมดูเหมือนจะค่อนข้างอ่อนแอเล็กน้อย อาจเนื่องมาจากภูเก็ตยังไม่เคยมีเหตุการณ์ปะทะที่รุนแรงอย่างเช่นบางจังหวัด
“ในเหตุการณ์จริงผู้มาร่วมชุมนุมมักจะมีอารมณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงและมุ่งมั่น เนื่องจากการถูกโน้มน้าวหรือเกิดจากการได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และอาวุธที่ใช้ก็จะมีความรุนแรงจนทำให้อุปกรณ์โดยเฉพาะโล่ของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทานการปะทะกันได้ ดังนั้นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ มีความมุ่งมั่นตั้งใจเช่นกัน โดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นจะอยู่เคียงข้าง”
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวด้วยว่า เนื่องจากการประชุมอาเซียนซัมมิตที่จะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ที่ จ.ภูเก็ต มีความสำคัญกับประเทศไทยและอาเซียนเป็นอย่างมาก จากความล้มเหลวที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบกับทุกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดเจน และเราไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง เพราะความเสียหายจะมีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะกับประเทศไทย เนื่องจากจะทำให้ความเชื่อมั่นต่างๆ ลดน้อยลง เช่น การปล่อยเงินกู้ของต่างชาติ การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในราคาสูง เป็นต้น จึงหวังว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จด้วยดี และอยากให้ทุกฝ่ายเห็นกับประเทศชาติเป็นสำคัญ
ในส่วนของการฝึกซ้อมนั้น พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า จะมีการทดสอบในระดับกองร้อยอีกอย่างน้อย 1-2 ครั้ง และจะมีการฝึกซ้อมร่วมครั้งใหญ่ระดับกองพันด้วย เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายประสบความสำเร็จ เท่าที่ทราบเบื้องต้นในส่วนของตำรวจจะมีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในเส้นทางต่างๆ การเฝ้าระวังมิให้เกิดการชุมนุมปิดถนน หรือการดูแลการชุมนุมที่จะต้องห่างจากสถานที่จัดการประชุมอย่างน้อย 5 กิโลเมตร
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยว่า กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำมาใช้ดูแลรักษาความปลอดภัยของการประชุม นอกจากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 14 กองร้อยแล้ว จะมีการขอสนับสนุนกำลังเพิ่มเติมจากส่วนกลางและตำรวจตระเวนชายแดนอีก 3-4 กองร้อย เพื่อให้การประชุมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ในแง่ข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ พล.ต.ท. สัณฐาน ยอมรับว่า มีข่าวการเคลื่อนไหวเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพียงข่าว เพราะจากความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในครั้งที่ผ่านมาทุกฝ่ายรับทราบถึงความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติและลูกหลานที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งหากจะมีการชุมนุมประท้วงก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ผิดกฎหมายและไม่ขัดขวางการประชุม ส่วนที่จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นคิดว่าจะมาช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น และไม่น่าจะมีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจในสถานการณ์กันเป็นอย่างดี
กรณ์ เอาแน่!ลุยเก็บภาษีทรัพย์สิน-ที่ดิน
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - รมว.คลัง ยันเดินหน้าเก็บภาษีทรัพย์สิน-ที่ดิน เพื่อสร้างความเท่าเทียม-ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง การพิจารณาจัดเก็บภาษีท้องถิ่นในเรื่อง ภาษีทรัพย์สินและที่ดินนั้น ว่า จะดำเนินการตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบัน โดยมิติของการจัดเก็บที่สำคัญคือ เพื่อสร้างความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม มากกว่าการสร้างรายได้ให้กับรัฐ โดยอยู่ระหว่างกำหนดเกณฑ์ในการจัดเก็บ เบื้องต้นจะแบ่งพื้นที่ทำกินของเกษตรกรออกอย่างชัดเจน เพื่อกำหนดระยะเวลาการผ่อนปรน ให้กับเกษตรกรที่มีมูลค่าที่ดินไม่มาก
สำหรับการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะพิจารณาจัดเก็บในอัตราก้าวหน้า เพื่อผลักดันให้ทรัพย์สินที่ดินส่วนใหญ่ที่อยู่ในมือคนรวยนำออกมาใช้ ทำให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวมมากขึ้น ที่ผ่านมาเท่าที่คุย และทำความเข้าใจกับกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านก็ได้รับการสนับสนุนจากบางส่วน
พันธมิตรฯประชุมใหญ่โหวตตั้งพรรค24-25พ.ค.นี้
เว็บไซต์ไทยรัฐ - แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ระบุ พร้อมนัดระดมความคิดเห็นจากแกนนำพันธมิตรฯ ทั่วประเทศพิจารณาตั้งพรรคการเมือง เปิดทางให้ปชช.มีส่วนร่วม ขณะเดียวกันค้านรัฐคิดแก้รธน.
นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(สร.กฟผ.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่น 2 กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคการเมืองที่จะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิ ว่า หลักการของพันธมิตรฯชัดเจน การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่ทำเพื่อฟอกคนผิดให้กลับมาถูกหรือฟอกมาร เอื้อประโยชน์ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือการยุบองค์กรอิสระ แทรกแซงศาล แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีการดำเนินการพันธมิตรฯก็บอกได้คำเดียวว่าพร้อม
นายศิริชัย กล่าวต่อไปว่า การกำหนดท่าทีของพันธมิตรฯจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากมีกลุ่มคนที่ฉกฉวยโอกาสจากความขัดแย้งในบ้านเมือง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯคงไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเป่านกหวีดเรียกคนมาชุมนุม แต่จะส่งสัญญาณกดดันไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยประกาศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของคนบางพวก ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลงจุดยืนพันธมิตรฯก็พร้อมจะลงมือทำเอง เพราะเรายอมไม่ได้อยู่แล้ว
นายศิริชัย ยังกล่าวถึงการจัดประชุมใหญ่ประจำปีของพันธมิตรฯในวันที่ 24-25 พ.ค.ว่า ในวันที่ 24 พ.ค.นั้นจะเป็นการประชุมแกนนำพันธมิตรฯทั่วประเทศ จังหวัดละประมาณ 10 คน รวมประมาณ 700-800 คน โดยจะพิจารณากันว่าพันธมิตรฯควรจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ โดยจะตัดสินด้วยการโหวตสองรอบ คือรอบแรกโหวตระดับแกนนำในวันที่ 24 พ.ค.และให้มวลชนทั้งหมดซึ่งคาดว่าจะมาไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคนได้ร่วมโหวตในวันที่ 25 พ.ค. หากเสียงส่วนใหญ่มีมติให้ตั้งพรรคการเมืองก็จะทำการสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป แต่ยืนยันว่าพันธมิตรฯจะมีพื้นที่สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรคให้ สามารถเคลื่อนไหวมวลชนได้ไม่ใช่ว่าจะเฮโลไปทำพรรคการเมืองทั้งหมด แต่หากมีมติไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรค เราก็จะโหวตว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดที่มีอยู่หรือพรรคที่กำลังจะจัดตั้ง ใหม่อย่างพรรคประชาภิวัฒน์ ให้เข้าไปต่อสู้เรื่องการเมืองใหม่แทนพันธมิตรฯในสภาฯ
ฮูเผยติดเชื้อ29ประเทศทั่วโลก3,440 คนแล้ว
เว็บไซต์ไทยรัฐ - องค์การอนามัยโลกยืนยัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่พุ่งขึ้นจาก 2,500 คน เมื่อวานนี้ เป็น 3,440 คน ในวันนี้ โดยพบใน 29 ประเทศ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อนี้อยู่ที่ 48 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (9 พ.ค.) องค์การอนามัยโลกยืนยัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่พุ่งขึ้นจาก 2,500 คน เมื่อวานนี้ เป็น 3,440 คน ในวันนี้ โดยพบใน 29 ประเทศ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อนี้อยู่ที่ 48 คน
สำหรับประเทศ ล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรก มีอยู่ 4 ประเทศ คือ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และปานามา โดยอาร์เจนตินาและออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อประเทศละ 1 คน ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อถึง 3 คน และปานามาพบผู้ติดเชื้อ 2 คน
ส่วนประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในขณะนี้แซงหน้าจากเม็กซิโกขึ้นมาเป็นสหรัฐ โดยพบผู้ติดเชื้อสูงถึง 1,639 คน มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน ขณะที่เม็กซิโก พบผู้ติดเชื้อ 1,364 คน แต่มีผู้เสียชีวิตถึง 45 คน แคนาดาพบผู้ติดเชื้อ 242 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน
ประเทศแถบยุโรป ที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ นำโดยสเปนพบผู้ติดเชื้อ 88 คน อังกฤษ พบผู้ติดเชื้อ 34 คน ฝรั่งเศส 12 คน และเยอรมนี 11 คน ส่วนประเทศในแถบเอเชียนอกจากญี่ปุ่นแล้ว ก็มีเกาหลีใต้ที่พบผู้ติดเชื้อ 3 คน และฮ่องกงที่พบผู้ติดเชื้อ 1 คน
ไข้หวัด2009ยังระบาดไปหลายประเทศ
เว็บไซต์คมชัดลึก - โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังคงระบาดลุกลามไปในหลายประเทศ ออสเตรเลียเป็นประเทศล่าสุด ที่เพิ่งยืนยันในวันนี้ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัส เอช 1 เอ็น 1 เป็นรายแรกโดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขนาง นิโคลา โรซอน บอกว่า ผู้ป่วยเป็นหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วแต่เธอหายป่วยแล้วตอนที่เดินทางมาถึง ซึ่งเธอได้แจ้งเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่สนามบินบริสเบน จึงได้มีการตรวจหาเชื้อ และพบเชื้อไวรัสขนาดอ่อนที่ไม่อยู่ในภาวะแพร่เชื้อได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เจ้าหน้าที่จึงกำลังติดต่อกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกับเธอจากนครลอสแองเจลิส เพื่อให้มาตรวจร่างกาย
นางโรซอนบอกด้วยว่า รัฐบาลยังไม่ตัดสินใจเพิ่มระดับเตือนภัยคุกคามการระบาด แม้จะมีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อเป็นรายแรก เพราะยังไม่มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อ ซึ่งตอนนี้มีชาวออสเตรเลียได้รับการตรวจหาเชื้อแล้ว 567 คน กำลังรอผลอยู่ 18 คน
ส่วนที่บราซิลและอาร์เจนตินา เป็นประเทศล่าสุดในละตินอเมริกา ที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรก หลังจากก่อนหน้านี้มีเพียงโคลัมเบียประเทศเดียวในอเมริกาใต้ที่พบผู้ติดเชื้อ โดยบราซิลเพิ่งแจ้งต่อองค์การอนามัยโลกเมื่อวานนี้ว่าพบผู้ติดเชื้อ 4 คน ในนครเซา เปาโล , ริโอเด จาเนโร และ เบโล ฮอริซอนเต้ และมีผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีก 15 คน แต่ประธานาธิบดีบราซิล ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา เดอ ซิลวา ยืนยันว่าสามารถควบคุมการระบาดได้ ส่วนที่อาร์เจนตินา ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายคนหนึ่งที่เดินทางกลับจากเม็กซิโกเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
สธ.พบคนไทยเข้าข่ายเฝ้าระวังไข้หวัด2009แล้ว1ราย
เว็บไซต์สยามรัฐ - นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยมีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 25 ราย โดย 15 ราย ได้รับผลตรวจยืนยันว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จึงตัดออกจากบัญชีเหลือเพียง 10 ราย ซึ่งมีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่มีการแพร่ระบาด แต่ขณะนี้ไม่มีอาการใด ๆ ล่าสุด ก.สาธารณสุข ส่งตัวอย่างเชื้อของผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 1 ราย ไปตรวจสอบที่ศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติ สหรัฐ หลังผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของไทยพบมีเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น 1 แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์ใด คาดทราบผลในสัปดาห์หน้า
โฆษกปชป.ตอกเสื้อแดงบิดเบือน จี้สื่อร่วมตรวจสอบ
เว็บไซต์ไทยรัฐ - ปัดรับคำท้า'สุพร'ย้ำคนไม่น่าเชื่อถือไม่โต้ แต่ขอสื่อร่วมตรวจสอบจริงหรือโกหกเหตุใด พท.ไม่ยื่นเรื่องศพหายให้ ปปช.สอบ ตอก “อริสมันต์”ทำลายชาติ ย้ำอย่าตกเป็นเครื่องมือ เผยเสื้อแดงเปลี่ยนยุทธวิธี ปรับ3แนวรุกโฆษก ชง ปชป. 195 สาขาเดินหน้ารับฟังชาวบ้านทั่ว ปท.โฆษก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่บุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทยและก่อเหตุทุบรถนายกรัฐมนตรีและทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปสาบานที่วัดไม่ได้จัดฉากสร้างสถานการณ์ว่า คงไม่มีใครไปรับคำท้าจากคนที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ พูดบิดเบือนแม้แต่กรณีการทำร้ายนายนิพนธ์ โดยอ้างว่าเพราะมีการคาดการณ์ว่าจะมีการขนศพผู้ที่ถูกสลายการชุมนุมไปทำลาย มีการบิดเบือนว่าต้องการเข้าไปช่วยเหลือนายนิพนธ์ การบิดเบือนว่าทหารเข้าไปทุบรถนายกรัฐมนตรี
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคประประชาธิปัตย์จะไม่ตอบโต้ต่อการบิดเบือนความจริง แต่ขอเรียกร้องสื่อมวลชนร่วมกันตรวจสอบว่าข้อกล่าวหาของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ว่า เป็นเรื่องจริงหรือโกหก และขอให้สื่อมวลชนร่วมทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องอื่นๆที่ถูกกล่าวอ้าง เช่น มีการกล่าวหาว่ามีการนำศพไปทำลายที่วัดสุ่นประชาสรรค์ ย่านลาดพร้าว แต่ได้รับการปฏิเสธโดยญาติคือลูกสาว มีการกล่าวหาว่าเชือกที่พบที่ศพของชายสองคนที่พบศพในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเชือกที่ใช้ในทางทหารเท่านั้น ทั้งๆ ที่เป็นเชือกไนล่อนที่หาซื้อได้ทั่วไป มีการตัดต่อภาพว่าทหารใช้กระสุนปืนจริงยิงผู้ชุมนุม โดยเอาภาพทหารยิงล้อรถเมล์ที่พยายามถอยมาชนทหาร ซึ่งเป็นการป้องกันตัว รวมทั้งการอ้างว่านำศพไปทำลายที่ จ.ลพบุรี
"วันนี้พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ แต่ทำไมจึงไม่ร้องเรียนในเรื่องศพหายอยู่ในสำนวน หากมีการใช้กำลังแล้วมีผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์การสลาย ชุมนุมออกมา พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ลงโทษผู้รับผิดชอบและไม่ปกป้องใครที่ทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหากรณีพิพาทของหญิงเสื้อแดงอีกด้วย จึงขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนร่วมกันตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา"นพ.บุรณัชย์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่ม นปช.ออกมาระบุว่าไม่รับประกันความสงบในการประชุมอาเซียนซัมมิตบวก 3 บวก 6 ที่ จ.ภูเก็ตนั้น ก็เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยที่ต้องการทำลายประเทศ ไม่ต้องการสมานฉันท์ ซึ่งเชื่อว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ต้องการทำลายประเทศ และพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพร่วมกับคนไทยทุก ทั้งนี้ไม่อยากให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมตกเป็นเหยื่อของคนที่ไม่ต้องการบ้าน เมืองสงบ ขณะนี้ก็มีการเคลื่อนไหว มีการกำหนดจากคนที่อยู่นอกประเทศและในประเทศจริง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยทำนายว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน จากนั้นก็มีการเผาบ้านเผาเมืองจริง เหมือนคำทำนาย โดยการเคลื่อนไหวมีการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธี 3 แนวทางคือ 1.เปลี่ยนจากการใช้มวลชนในการต่อสู้มาเป็นตัวการจำนวนน้อย โดยใช้ความหวาดกลัว เช่น การลอบสังหารผู้นำ ลอบสังหารบุคคลสำคัญ การพยายามให้เกิดความวุ่นวายและความไม่สงบ 2.การเปลี่ยนจากแนวทางการกล่าวหาระบอบอำมาตยาธิปไตย มาเป็นการสร้างเหตุแห่งความไม่เป็นธรรม กล่าวหาว่ามีคนตาย ทหารใช้ความรุนแรง บิดเบือนความจริง เกิดจากสร้างสถานการณ์โดยรัฐบาล ดำเนินการปลุกระดม ตอกย้ำ พูดซ้ำจนทำให้คนหลงเชื่อ 3.เปลี่ยนจากโลกหรืออาศัยประเทศขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือล้อมประเทศไทย เพื่อลดความน่าเชื่อถือ มาเป็นการใช้ประเทศเล็กที่พร้อมเป็นที่ให้ที่พักพิงเป็นฐานในการเคลื่อนไหว ซึ่งทั้งสามแนวทางพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าจะถูกปฏิเสธโดยประชาชนอีกครั้ง เพราะความบอบช้ำที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิด ขึ้นอีก
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์จะให้สาขาพรรคทั้ง 195 สาขา เดินหน้ารับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายไม่ใช่เฉพาะสมาชิกพรรคพรรค เพื่อสะท้อนผ่านไปยังพรรคผ่านไปยังคณะกรรมการของพรรคที่มีอยู่ในทั้งสองชุด ทั้งนี้การชุมนุมแสดงความคิดเห็นสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องไม่เป็นการปลุกระดม เพราะอาจจะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นมาได้ ทุกฝ่ายต้องใช้สิทธิในขอบเขต ทั้งนี้นายกฯ ได้พูดว่าอยากให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ การจัดการประชุมที่ จ.ภูเก็ตก็ขอให้ท้องถิ่นเข้ามาช่วยดูแล แสดงสิทธิได้ด้วยความสงบปราศจากอาวุธ เพราะไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่ง
กลัวไม่มีเงินเรียนต่อ นักเรียนใหม่ แห่กู้เงินกยส.เพียบ
เว็บไซต์ไทยรัฐ - สกอ.เผยยอดร้องเรียนขอกู้เงินมาเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่เด็กนครสวรรค์สอบติดมหาวิทยาลัย เครียดครอบครัวยากจน กลัวไม่มีเงินเรียนต่อ ร้องศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เปิดศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาใหม่ที่ยากจน ปี 2552 โดยให้คำปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะกรณี อาทิ ปัญหาค่าลงทะเบียนเรียน ค่าหน่วยกิต หอพัก ค่าครองชีพ โดยติดต่อทางโทร.0-2610-5416-17 ในเวลา 8.30-20.00 และ
นายสุริยา เสถียรอำไพ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาใหม่ที่ยากจน ปีการศึกษา 2552 เปิดเผยว่า จากการเปิดศูนย์เฉพาะกิจฯ 2 วัน คือ วันที่ 8-9 พ.ค.มีผู้โทรศัพท์เข้ามาร้องเรียน 84 ราย ส่วนใหญ่เป็นว่าที่นักศึกษาใหม่ที่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. และสอบถามขอทุนการศึกษา ซึ่งทางศูนย์เฉพาะกิจฯ จะให้คำแนะนำเบื้องต้นว่า เรามี กยศ.ให้นิสิตนักศึกษากู้ยืมได้ ซึ่งก็จะให้เด็กมุ่งไปทาง กยศ.ก่อน อย่างไรก็ตามก็ยังเปิดรับให้ผู้ประสงค์จะรับอุปการะให้การช่วยเหลือนิสิต นักศึกษาที่ยากจน ติดต่อให้ทุนการศึกษา แต่ขณะนี้มีผู้ติดต่อเข้ามาเพียง 1 ราย ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้การที่คนติดต่อเข้ามาน้อย คาดว่าเป็นเพราะยังไม่มีกรณีนักศึกษายากจนที่มีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ เกิดขึ้น
นายณัฐพล สาระดี สามารถสอบติด คณะวิทยาการจัดการ สาขาการวิเคราะห์และการประเมินสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต(มสด.)หนึ่งในนักเรียนที่โทรมาที่ศูนย์เฉพาะกิจฯ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลการกู้ยืมกยศ. กล่าวว่า ตนโทรศัพท์มาสอบถามเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะที่บ้านมีฐานะยากจนมาก แม่ทำงานรับจ้างเสริมสวยเพียงคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงดูตนเอง และยาย มีรายได้ต่อเดือน 5,000 บาท ซึ่งเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้รู้สึกดีใจมาก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีเงินเรียนหรือไม่ ในสมัยที่เรียนอยู่ม.ปลาย ตนเรียนที่ ร.ร.สตรีนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ก็รับจ้างทำรายงาน และงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ แต่การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยต้องใช้เงินมาก และไม่มั่นใจว่าจะกู้เงิน กยศ.ได้หรือไม่ ทั้งแม่และตนรู้สึกเครียดมาก เพราะกลัวไม่ได้เรียนต่อ
นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเปิดเผยว่า ในวันนี้มีนักเรียนที่เดินทางมาร้องเรียนที่สกอ.เอง และร้องเรียนผ่านทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับปัญหาแอดมิชชั่น เพิ่มขึ้นอีก 47 ราย รวม 2 วันมีนักเรียนร้องเรียนทั้งหมด 114 ราย โดยส่วนใหญ่จะร้องเรียนเรื่องการถูกตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นถึง 59 ราย อย่างไรก็ตามความผิดพลาดในเรื่องการคืนสิทธิ์ครั้งนี้ส่วนใหญ่เกิดจากความ เข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างนักเรียนกับมหาวิทยาลัย ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะรู้คะแนนล่วงหน้าแล้วว่าตนเองมีสิทธิ์จะสอบติดใน คณะใด จึงมาร้องเพื่อขอให้คืนสิทธิ์ ซึ่งสกอ.ให้มหาวิทยาลัยเร่งส่งรายชื่อตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ทั้งนี้ สกอ.จะประสานไปยังมหาวิยาลัยเพื่อขอคืนสิทธิ์การแอดมิชชั่นให้ กับนักศึกษาต่อไป ส่วน ศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาใหม่ที่ยากจน ขณะนี้มีผู้มาร้องเรียรวม 84 ราย สวนใหญ่ยังมีความไม่เข้าใจถึงวิธีการกู้ยืมกยศ.และเป็นเด็กยากจน 8 ราย
ด้าน นางศศิธร อหิสโก ผอ.กลุ่มรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของสกอ.กล่าวว่า ทางสกอ.ติดต่อประสานไปยังมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยได้ทำการคืนสิทธิ์ให้แก่นักเรียนแล้ว จำนวน 4 ราย ส่วนกรณีที่เหลือต้องรอให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบ และส่งข้อมูลมายังสกอ. อย่างไรก็ตาม ทุกกรณีที่นักเรียนร้องเรียนมานั้น ทางสกอ.ได้ชี้แจ้ง และทำความเข้าใจกับนักเรียน รวมถึงเร่งดำเนินการติดต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ จึงไม่อยากให้นักเรียนรู้สึกกังวล เพราะสกอ.จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นทันเปิดเรียนอย่างแน่นอน