ที่มา ประชาไท
‘ชัย’ หักเพื่อไทย-ท้ายื่นศาล รธน.ตีความ
ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และรัฐบาลปะทะคารมจนหวิดวางมวยกันกลางที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงระหว่างประเทศ 4 ฉบับ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ประกอบด้วย 1.ร่างพิธีสารฉบับที่ 3 เพื่อแก้ไขสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2.กรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 ภายใต้แผนการก่อหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 600.43 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 19,814.19 ล้านบาท 3.ข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน 4.กรอบการเจรจาร่างพิธีสารว่าด้วยการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย ตามการเสนอของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐสภาที่มีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม เปิดให้สมาชิกอภิปรายรายฉบับ หลังจากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบได้เสนอหลักการไปแล้วในวันก่อนหน้านี้ ก่อนเริ่มอภิปรายร่างพิธีสารฉบับที่ 3 ส.ส. พรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ลุกขึ้นคัดค้านขอให้พิจารณาทีละฉบับ แทนที่การพิจารณาไปพร้อมกัน เนื่องจากมีรายละเอียดแตกต่างกัน และขอให้รัฐบาลถอนออกไปและเสนอเข้ามาใหม่ แต่นายชัยยืนยันว่าทำได้และพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง พร้อมทั้งท้าให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำเนินการดังกล่าว
สมคิดปรี่ใส่หวิดเจอประมวลถีบ
จากนั้นนายชัยสั่งนับองค์ประชุมก่อนเข้าสู่การพิจารณา ระหว่างรอการนับองค์ประชุม นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พท. ลุกขึ้นขออนุญาตประธานเดินตรวจการเสียบบัตรลงคะแนนของสมาชิกรอบห้องประชุม โดยระบุว่าอาจมีการเสียบบัตรแทนกัน เพราะเท่าที่ดูเห็นว่าสมาชิกไม่น่าครบองค์ประชุม ทำให้นายชัยกล่าวว่า "เป็นถึงครูบาอาจารย์ ขอให้มีมารยาทหน่อย" นายสมคิดตอบโต้ว่า คนที่ไม่มีมารยาทคือพวกที่ชอบเสียบบัตรแทนกัน และเริ่มเดินตรวจ
ต่อมานายกัมพล สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นกวักมือเรียกนายสมคิดที่นั่งอยู่ในซีกของฝ่ายค้าน ให้ข้ามมาตรวจสอบการเสียบบัตร นายสมคิดเดินปรี่เข้าไปหาทันที ทั้งสองใช้คำพูดหยาบคายด่าตอบโต้กันไปมาลั่นห้องประชุม
ขณะเดียวกันนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่นั่งอยู่ในใกล้กับนายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี ก็ลุกขึ้นปรี่เข้ามาเหวี่ยงหมัดและถีบนายสมคิดทันทีแต่ไม่โดน เนื่องจาก ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ลุกขึ้นมาห้ามปรามและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ขณะที่นายชัยพยามยามขอร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบและขอให้ทุกคนเสียบบัตรแสดงตนอีกครั้ง
ช่วงนั้นนายสมคิดเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้วลุกขึ้นกวักมือเรียกนายประมวล โดยกล่าวว่า “มาเลย ผมไม่กลัว” ทำให้ประธานขอร้องให้ทุกฝ่ายยุติ โดยกล่าวว่า จะเรียกทั้งคู่มาหารือกันเพราะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น
ร่างพิธีสารฉบับ 3 ต้องลงมติ 2 รอบ
เมื่อทั้งสองฝ่ายสงบสติอารมณ์ บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลง นายชัยแจ้งต่อที่ประชุมว่ามีผู้เสียบบัตรแสดงตน 311 คน ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง ครบองค์ประชุมแล้ว จากนั้นให้ที่ประชุมลงมติร่างพิธีสารฉบับที่ 3 โดยมีผู้อยู่ในห้องประชุม 307 คน เห็นชอบ 287 ต่อ 0 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 12 เสียง ทำให้นายสุรพงษ์ประท้วงว่า องค์ประชุมไม่ครบ ประธานอย่ามั่วเนื่องจากมีผู้อยู่ในที่ประชุมแค่ 307 เสียงยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งที่ 311 คน ทำให้นายชัย สั่งพักประชุม 5 นาที
เมื่อเปิดประชุมอีกครั้ง ที่ประชุมยังถกเถียงเรื่ององค์ประชุม นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบล ราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ลงมติใหม่ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 77 ที่กำหนดว่า เสนอให้ลงมติใหม่ได้หากมีเสียงแตกต่างกันไม่เกิน 20 เสียง แต่ นพ.ชลน่านแย้งว่า ร่างพิธีสารฯ ตก ไปแล้วเพราะการลงคะแนนสิ้นสุดแล้ว และกรณีนี้ไม่ใช่เสียงเห็นชอบและไม่เห็นชอบใกล้เคียงกัน แต่เป็นเรื่ององค์ประชุม อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงกันนานกว่าสิบนาที
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจาก พท. อภิปรายว่า กรณีนี้ไม่ครบองค์ประชุม เท่ากับการลงมติเป็นโมฆะ ทางออกจึงไม่ใช่การนับองค์ประชุมใหม่ แต่ประธานสามารถสั่งให้มีการลงมติอีกครั้งหนึ่งเพราะถือว่าครั้งแรกไม่สมบูรณ์
ในที่สุดนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการนับองค์ประชุมใหม่อีกครั้ง ผลปรากฏว่ามีสมาชิกอยู่ในห้องประชุม 328 คน จากนั้นมีการลงมติใหม่ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ 302 ต่อ 0 งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ถือว่าร่างพิธีสารฯ ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา อย่างไรก็ตาม นายสุนัยกล่าวว่า จะส่งร่างพิธีสารฯให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญต่อไป จากนั้นจึงเข้าสู่การอภิปรายกรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2552 ต่อไป
สมคิดอ้างถูก ส.ส.ปชป.ด่าไอ้สัตว์ก่อนปรี่เข้าชก
ในช่วงเดียวกันนั้น นายสมคิด บาลไธสง นายสุนัย จุลพงศธร นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา นายสมคิดกล่าวว่า ภายหลังที่ประธานรัฐสภาอนุญาตให้เดินตรวจการเสียบบัตรลงมติ มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง กวักมือเรียก ก็นึกว่ามีอะไรจะพูดคุยหรือไม่จึงได้เดินเข้าไปหา แต่ใกล้จะไปถึงกลับบอกว่า “มึงมานี่” ตนก็จึงได้เดินเข้าไป เพราะไม่กลัวคำขู่ พอเข้าไปใกล้ ส.ส.คนดังกล่าวก็ได้ตะโกนด่าว่า "ไอ้สัตว์ กูอดทนกับมึงมานานแล้ว" จึงพูดสวนกลับไปว่า "กูนึกว่ามึงเป็นคน มึงเป็นสัตว์เหมือนกูเหรอ" จากนั้น ส.ส.คนดังกล่าวได้พยายามปรี่เข้ามาเพื่อจะชก แต่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ดึงตัวไว้ โดยมีนายอภิชาติ สุภาแพ่ง และนายประมวล เอมเปีย เข้ามาร่วมผสมโรงจะเอาเรื่องด้วย แต่ก็มีการห้ามปรามไว้จนเกิดเหตุชุลมุน
“ผมก็ยืนดูว่าจะมีสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์เดินเข้ามาชกผมอีกหรือไม่ หากมีการชกจริงผมก็จะไม่ตอบโต้แต่จะยืนให้ชก ซึ่งจากพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่เคยใส่ใจ ครั้งก่อนเขาเคยด่าผมว่า ผมเข้าไปเห่าหอนในสภาตอนที่อภิปรายเหตุการณ์สลายม็อบช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ” นายสมคิดกล่าว
นายสุชาติกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สภาไทยคล้ายกับสภาเกาหลีและไต้หวันเข้าไปทุกวัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เอานักเลงโตมาไว้ในสภา และยังมีนักเลงยืนเบื้องหลังเหตุการณ์สลายม็อบด้วย
จี้ประธานสภากำชับบิ๊ก ปชป. คุมลูกพรรค
นายสุนัยกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากประธานรัฐสภาปฏิบัติตามระเบียบบังคับการประชุมรัฐสภา แต่เมื่อองค์ประชุมไม่ครบนายชัยกลับดำเนินการประชุมต่อ โดยอ้างว่ามีสมาชิกครบองค์ประชุม 311 เสียง แต่จากการลงมติลงคะแนนออกมีเพียง 307 เสียงเท่านั้น ดังนั้น เมื่อการเสียบบัตรนับองค์ประชุมใหม่ก็เป็นสิทธิของ ส.ส.ที่สามารถเดินตรวจสมาชิกในการลงคะแนนเพื่อป้องกันการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว
"ขอให้ประธานสภากำชับไปยังผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้ปรามลูกพรรคของตัวเองให้ประพฤติตัวให้เหมาะสม ซึ่งการตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการเดินตรวจสามารถทำได้ เพราะได้รับอนุญาตจากประธานสภาแล้ว พวกผมไม่คิดหวังว่าจะมีการลงโทษอย่างรุนแรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ควบคุมลูกพรรคของตัวเองให้ดี" นายสุนัยกล่าว
ปชป. แถลงโต้ได้กลิ่นเหล้าคลุ้ง
ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายกัมพล สุภาแพ่ง นายประมวล เอมเปีย นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายพุฒิพงษ์ สงวนวงศ์ชัย ส.ส.สัดส่วน ยกขบวนมาแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยนายกัมพลกล่าวว่า ไม่ได้เปิดฉากด่านายสมคิด บาลไธสงก่อน แต่เห็นการเดินเข้ามาของนายสมคิดเหมือนเป็นการท้าทาย จึงกวักมือเรียกให้มาพูดคุยกันดีๆ แต่ปรากฏว่านายสมคิดกลับพูดท้าทายให้ไปเจอกันนอกห้อง นายสรวุฒิกล่าวเสริมว่า นายสมคิดกล่าวท้าทายเช่นนั้นจริงๆ โดยกล่าวว่า "มึงออกมาเจอกับกูข้างนอกดีกว่า" จากนั้นก็พูดด่าคนอื่นอีกหลายคำ และจากที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ได้กลิ่นเหล้าจากตัวนายสมคิดด้วย จึงอยากให้สื่อไปตรวจสอบว่านายสมคิดดื่มเหล้าก่อนมาประชุมหรือไม่
นายประมวลซึ่งปรี่เข้าไปหานายสมคิดกล่าวว่า ปกติไม่ใช่คนเกเร แต่พฤติกรรมของนายสมคิดเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้เป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ก็ไม่อยากให้สภาไทยมีสิ่งที่แปดเปื้อน ที่เดินเข้าไปหานายสมคิดเพื่อไปรับคำท้าไปเจอกันนอกห้อง
นายประมวลยังกล่าวว่า เดินเข้าไปหานายสมคิดจริง เพราะนายสมคิดบอกว่าให้ไปเจอกันข้างนอก จึงตั้งใจจะไปเจอข้างนอก หากอยู่ในที่ประชุมขอยืนยันว่าไม่มีทางใช้กำลังเด็ดขาด เพราะเห็นแก่สภาอันทรงเกียรติ แต่หากอยู่ข้างนอกก็ไม่รับประกันว่าจะเป็นอย่างไร
สรรุฒิอ้างทีวีถ่ายมุมสูง-ปัดง้างหมัด เห็นพ้อง ส.ส.เพื่อไทย สภาไทยเริ่มคล้ายไต้หวัน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานีโทรทัศน์หลายช่องที่ส่งผู้สื่อข่าวและช่างภาพไปบันทึกการประชุม จับภาพได้ว่า นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ง้างหมัดขึ้นมาด้วยนั้น นายสรวุฒิกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่เดินไปห้ามไม่ให้มีการปะทะกัน ยืนยันว่า จุดที่นายอภิชาติยืนอยู่ห่างจากนายสมคิดมาก ไม่มีทางที่นายอภิชาติจะง้างหมัดเพื่อกระโจนไปต่อยนายสมคิดได้ แต่โทรทัศน์ถ่ายภาพจากมุมสูง จึงอาจทำให้ดูเหมือนอยู่ใกล้กัน ทั้งที่จริงๆ แล้วทั้ง 2 คน ยืนกันคนละแถว”
“ผมอยากให้กลับไปทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ว่ามาจากการที่นายสมคิดเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนท้าทาย ทั้งที่หากต้องการตรวจสอบว่ามีการเสียบบัตรแทนกันหรือไม่ ก็สามารถดูจากที่นั่งที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ได้ ผมไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นเดียวกับที่อาจารย์สมเกียรติ (พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำพันธมิตร อ้างว่าถูกนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พท.กระโดดถีบ) เพราะภาพของสภาไทยวันนี้ ใกล้เคียงกับสภาไต้หวันไปทุกวันแล้ว” นายสรวุฒิกล่าว
อภิชาตแจงถูกหยามเชิงชาย ยันไม่ได้ชก แค่ไล่สมคิด
นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุที่เกิดเพราะนายสมคิดมารวนเราก่อน ที่เดินไปไม่ตั้งใจจะไปหาเรื่อง เพียงตั้งใจแค่ไปไล่ให้นายสมคิดกลับที่นั่งเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงภาพง้างหมัดที่มีโทรทัศน์หลายช่องจับภาพไว้ได้ นายอภิชาติกล่าวว่า ไม่ได้ง้างหมัด แต่พอถูกเพื่อนล็อคไว้ แขนมันเลยชูขึ้น เจตนาจริงๆ แค่จะไล่ให้นายสมคิดไปเฉยๆ
"ผมไม่ใช่คนใจร้อน แต่ไม่ชอบให้ใครมีเรื่องกับเรา อยากให้ประชาชนคิดเองว่า ถ้าไม่ลุกเดินมาหาเรื่อง จะมีเรื่องไหม แล้วเราไปด่าทออะไรเขาหรือเปล่า เขากลับเป็นฝ่ายหาเรื่อง แล้วท่าทีก็เหมือนคนเมา เขาเดินเข้ามาถึงในบ้านของเรา เป็นใครใครก็ไม่ยอม มันหยามเชิงชายกันเกินไป ผมไม่ใช่นักเลง เพียงแต่ผมไม่ยอมนักเลง ผมเป็นคนตรงไปตรงมา และชอบความยุติธรรม ใครมารวนอีก ผมไม่ยอม ก็จะเจอแบบนี้อีก เพราะผมมีศักดิ์ศรีพอ แต่คิดว่านายสมคิดคงไม่กล้าหรอก" นายอภิชาตกล่าว
สราวุฒิ-ยศศักดิ์อ้าง ‘สมคิด’ มีกลิ่นแอลกอฮอล์
ด้านนายยศศักดิ์ ชีววิญญู ส.ส.ราชบุรี กล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่นายสมคิดเดินเข้ามายังที่นั่งสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลได้พยายามเอาโทรศัพท์มือถือมาบันทึกการกดคะแนนแทนกัน และยืนในตำแหน่งใกล้กับที่นั่งของตนเอง ปรากฏว่าได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากนายสมคิดอย่างชัดเจน จึงอยากให้ตรวจสอบว่ามีการดื่มสุราก่อนเข้าห้องประชุมหรือไม่ และไม่ได้มีเจตนาที่จะตรวจสอบการกดบัตรแทนกัน แต่มาในลักษณะของคนที่มาหาเรื่องมากกว่า
ด้านนายสรวุฒิกล่าวว่า นั่งอยู่ข้างหลังเห็นชัดเจนว่านายสมคิดเดินมาตามที่นายกำพลกวักมือเรียก แล้วตะโกนบอกว่า “มึงกับกูไปเจอกันข้างนอก” แต่นายกำพลก็ไม่ได้ด่าว่าอะไร นอกจากนี้ตอนที่นายสมคิดพูดอยู่ใกล้ๆ นั้นได้กลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจน จึงมาป่วนให้การประชุมเป็นไปอย่างไม่เรียบร้อย
นายประมวลกล่าวว่า เดินเข้าไปหานายสมคิดจริง เพราะนายสมคิดบอกว่าให้ไปเจอกันข้างนอก จึงตั้งใจจะไปเจอข้างนอก หากอยู่ในที่ประชุมขอยืนยันว่าไม่มีทางใช้กำลังเด็ดขาด เพราะเห็นแก่สภาอันทรงเกียรติ แต่หากอยู่ข้างนอกก็ไม่รับประกันว่าจะเป็นอย่างไร
ที่มา: เรียบเรียงจากมติชนและโลกวันนี้