WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 15, 2009

ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2552

ที่มา ประชาไท

การเมือง

พมธ. ขอตั้ง พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เว็บไซต์แนวหน้า - เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า สำนักกิจการพรรคการเมืองได้รับจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยใช้ชื่อว่า พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชื่อย่อภาษาไทย พ.ป.ป. ชื่อย่อภาษาอังกฤษ PAD โดยได้ยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสมาชิกภาพและหลักเกณฑ์ข้อบังคับพรรค นโยบายพรรคให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และเมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจะนำเสนอนายทะเบียนพรรคการเมือง ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต. เพื่อพิจารณารับรองหรือไม่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอย่างอื่นได้ เนื่องจากฝ่ายกิจการพรรคการเมืองยังไม่ได้มีการตอบรับอย่างเป็นทางการด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่ทราบชื่อพรรคพันธมิตรฯ คงต้องรอการตรวจสอบจากทางสำนักกิจการพรรคการเมืองก่อนว่าจะให้ใช้ชื่อนี้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ การตั้งชื่อพรรคจะต้องไม่สร้างความสับสน หรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และต้องไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในเรื่องเชื้อชาติหรือศาสนา ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยของประเทศ

นปช.นัดรวมพลัง เสื้อแดงรำลึก 17 ปี พฤษภาทมิฬ ปลุกกระแสต้าน รัฐบาลมาร์ค

เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ได้กำหนดจัดงานรวมพลังรำลึก 17 ปี “พฤษาทมิฬ ทวงคนรัฐธรรมนูญ 2540” โดยวันที่ 15 พ.ค. 13.00-17.00 น. สัมมนาหัวข้อ 17 ปี พฤษภาทมิฬ ยังฆ่าประชาชนไม่หมดที่ห้องเพทาย โรงแรมรัตนโกสินทร์ 16-17 พ.ค. เวลา 16.00-23.00 น. ที่ท้องสนามหลวง ฟังอภิปรายและการปราศรัยทวงคืนประชาธิปไตย เอาดีสเตชั่นและรัฐธรรมนูญ 2540 คืนมา ส่วนวันเสาร์ที่ 16 พ.ค. เวลา 17.45น.ที่ท้องสนามหลวง เชิญชวนคนเสื้อแดงที่มีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ ให้นำมาร่วมพิธีฉีกและเผา เพื่อเป็นการประท้วงการให้การสนับสนุนต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์

วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. เวลา06.00 น. ร่วมพิธีสงฆ์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา20.00 น. ร่วมกันเดินขบวนจากสนามหลวงมาที่สะพานผ่านฟ้า จุดเทียนรำลึกวีรชนประชาธิปไตย ปล่อยกระทงสู่ท้องน้ำคลองผ่านฟ้า ร่วมกันขับขานบทเพลงปณิธานเสรีชนให้กึกก้องสะพานผ่านฟ้า ( ทำกระทงที่มีเทียนลอยน้ำได้พร้อมข้อความมาเข้าร่วมด้วย)

และในวันจันทร์ที่ 18 พ.ค. เวลา 10.00 น. ได้นัดรวมพลังชาวเสื้อแดง ประกาศเจตนารมณ์ทวงคืนรัฐธรรมนูญ 2540 ที่บริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อเข้ายื่นหนังสือถึงวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

นอกจากนี้ ทาง นปช.จะจัดงานระดมทุน ในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. เวลา 17.00 ดินเนอร์ทอล์ค เรื่อง อนาคตประชาธิปไตยใต้ฟ้าสีเทาระดมทุนเพื่อผลิต นสพ.รายสัปดาห์ Red News ที่ห้องคอนเวนชั่น ชั้น 6 ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยพบกับ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิ นายอดิศร เพียงเกษ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา และนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน แกนนำ นปช. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายวิบูลย์ แช่มชื่น ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แ กนนำ นปช.รุ่น2

ทั้งนี้ ได้มีการจัดจำหน่ายบัตรร่วมงานดังกล่าว บัตรละ 1000 บาท หรือโต๊ะละ 10,000 บาท โดยติดต่อ ที่หน้าร้านกาแฟความจริงวันนี้ ชั้น 6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว

อนุฯ แก้ รธน.เลือก “พล.อ.เลิศรัตน์” เป็น ปธ.

เว็บไซต์เดลินิวส์ - วันนี้(13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานอนุกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หารือวางกรอบการทำงาน ซึ่งอนุกรรมการให้นำข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญจากพรรคการเมือง ที่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้ ศึกษาร่วมกับผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ที่มีนายกระมล ทองธรรมชาติ เป็นประธาน รวมทั้งเปิดช่องทางให้องค์กรต่างๆ เสนอความเห็นด้วย

ล่าสุด พรรคเพื่อไทยได้สรุปประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญส่งให้อนุกรรมการฯ เนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายพรรคการเมืองอื่นคือ เสนอเรื่องการยุบพรรค มาตรา 68 มาตรา 237 ส่วนการเลือกตั้งให้เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน ไม่มีการสรรหา รวมทั้งแก้มาตรา 190 ด้วย อย่างไรก็ตาม เหลือเพียงพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวเท่านั้นที่ยังไม่เสนอประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นอกจากที่ประชุมยังได้เลือก พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เป็นประธาน โดยมีนายถวิล ไพรสนฑ์ และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นรองประธาน ขณะเดียวกัน ได้เลือก นายประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช เป็นเลขานุการ โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

สภาเห็นชอบตั้ง กมธ.ประจำสภาฯ 35 คณะฉลุย! หลังยืดเยื้อยาวกว่า 4 เดือน

เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการเลือกกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาลได้เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนหลังจากค้างการพิจารณา โดยนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ได้เสนอรายชื่อ ส.ส.ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย เข้าเป็นกรรมาธิการครบทั้ง 35 คณะซึ่งที่ประชุมได้รับรอง บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้การทำงานของคณะกรรมาธิการของสภาสามารถดำเนินการไปได้ ก่อนหน้านี้ทุกพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ในสภาได้เสนอรายชื่อตามสัดส่วนเสร็จเรียบร้อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังจากนี้แต่ละคณะกรรมาธิการจะได้นัดประชุม เพื่อเลือกประธาน และตำแหน่งต่างๆโดยส่วนใหญ่ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการต่างๆ จะคงตามเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงเพียง 3 คณะคือประธานคณะกรรมาธิการการตมนาคม จะเป็นสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย ส่วนประธานคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยและประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง เป็นสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หลังวิปทั้งสองฝ่ายได้ประชุมหารือมีข้อยุติแล้วเพื่อให้งานตรวจสอบของกรรมาธิการเดินหน้าไปได้ หลังจากการเลือกกรรมาธิการสามัญประจำสภาฯได้ค้างการพิจารณามายาวนานตั้งเปิดสมัยประชุมเกือบ 4 เดือน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ที่เสนอโดยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและนายนิพิฎฐ์ อินทสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ลงมติรับหลักการด้วยเสียง 275 ต่อ 0 งดออกเสียง 13 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 36 คนไปพิจารณาแปรญัตติตามข้อบังคับ 7 วัน ใช้ร่างผู้ตรวจการแผ่นดินฯเป็นหลักในการพิจารณา

นายกรัฐมนตรีระบุการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา

สำนักโฆษก - วันนี้เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชว่า ไม่น่าจะเป็นประเด็นคำตอบ เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องของหลักการที่พูดถึงว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาหรือกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา แต่จะกลายเป็นถูกมองว่าทุกพรรคจะมาแบ่งปันผลประโยชน์มากกว่าถ้าไปสรุปอย่านั้น และส่วนตัวไม่ได้มองว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ เพราะประเด็นพื้นฐานที่มีการเรียกร้องนั้นเป็นเรื่องอื่น

ต่อข้อถามว่า คณะกรรมการสมานฉันท์ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 3 ชุด แต่ไม่มีคนนอกเลยเท่ากับไม่เป็นการเปิดกว้างให้คนเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการใหญ่นั้นมีบุคคลภายนอกอยู่ ซึ่งเชื่อว่าคณะอนุกรรมการแต่ละชุดก็คงจะไปหากรอบความคิดหรือกรอบการทำงานในส่วนของเขาก่อน และคิดว่าคงไม่ได้ไปปิดกั้นการมีส่วนร่วมจากข้างนอกซึ่งตนเชื่ออย่างนั้น

ป.ป.ช.ตั้ง กรรมการชุดใหญ่สอบกรณีถอดถอน 5 รมต. มาร์ค

เว็บไซต์แนวหน้า - นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรื่องขอให้ถอดถอน รัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำนวน 5 คนออกจากตำแหน่ง ว่า ด้วยประธานวุฒิสภา ได้มีหนังสือลงวันที่ 23 มี.ค.52 ส่งคำร้องของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะจำนวน 171 คนซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ถอดถอนนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกษิต ภิรมณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกจากตำแหน่ง กรณีมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในหลายข้อกล่าวหา

คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้ถอดถอนดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพ.ศ.2542 โดยกำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริงและมอบหมายให้นายกล้านรงค์ จันทิก และนายใจเด็ด พรไชยา เป็นกรรมการป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบสำนวน

เพื่อไทยยื่นหนังสือถึงยูเอ็นตรวจสอบสลายชุมนุม

เว็บไซต์เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ (13 พ.ค.) ที่สำนักงานสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะ ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โดยได้นำเอกสารภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ในวีซีดีมามอบให้ เพื่อขอให้ตรวจสอบการสลายชุมนุมของทหาร เมื่อวันที่ 13-14 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด

นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จะประสานไปยังองค์กรสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลการปฏิบัติการของฝ่ายทหารต่อกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง โดยยอดผู้สูญหายจากที่ได้รับแจ้งมีจำนวนมาก และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ครอบครัวไม่กล้าไปแจ้งความ ดังนั้น ทางพรรคจะเร่งรวบรวมข้อมูลที่เหลือส่งให้สหประชาชาติ และองค์กรสิทธิมนุษยชนต่อไป

นายกรัฐมนตรีมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีพบโครงกระดูกมนุษย์ที่แสมสาร

สำนักโฆษก - วันนี้เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเบาะแสพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ในทะเลอ่าวไทย ที่ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ที่คาดว่าอาจจะเป็นศพหรือโครงกระดูกผู้สูญหายในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬว่า กำลังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการที่จะส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความพร้อมลงไปดูในเรื่องดังกล่าวโดยได้ประสานทางวาจาไปแล้ว ส่วนได้มีการประสานไปทางกองทัพเรือหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็น ซึ่งขณะนี้ตนทราบมาว่ามีเรื่องเก่าที่เคยมีข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นเรื่องของขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ ดังนั้นจึงอยากจะให้นำข้อมูลทั้งหมดมารวบรวมก่อน และให้บุคคลที่มีความพร้อมทางด้านปฏิบัติไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป ซึ่งก็จะได้เร่งดำเนินการให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว

ท่านผู้หญิงวิระยาเล็งฟ้องสนธิ ปกป้องชื่อเสียง

เว็บไซต์ไทยรัฐ - ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าววันนี้ (13 พ.ค.) กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อเตรียมยื่นเรื่องฟ้องหมิ่นประมาทนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเว็บไซต์สำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กล่าวหาว่าตนเป็นคนฉ้อโกง และเป็นสิบแปดมงกุฎ ซึ่งทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง

ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวต่อว่า การฟ้องร้องครั้งนี้ คงไม่เรียกค่าเสียหายใดๆ แต่เป็นการฟ้องเพื่อปกป้องเกียรติยศ และชื่อเสียงของตน ส่วนคดีลอบสังหารนายสนธินั้น ยืนยันว่า ตนไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีตำรวจมาสอบปากคำ หรือมาขอข้อมูลจากตน ทั้งนี้ ตนยังมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีผู้ให้กำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า ผู้ที่บริจาคเงิน 10,000 บาท ให้กับมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจฯ จะได้รับพระพุทธปฏิมากรนั้น ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และตนไม่เคยนำพระดังกล่าวมาจำหน่าย นอกจากมอบให้ทหารด้วยใจศรัทธา เพื่อปกป้องคุ้มครอง

เศรษฐกิจ

ครม.ไฟเขียวคลังกู้พันล้านดอลล์ ฟื้นเศรษฐกิจ-โครงสร้างพื้นฐาน

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.วานนี้ (13 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารโลก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันประเทศในระยะยาว หลังจากได้เคยอนุมัติในหลักการให้กู้เงินจาก ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี และ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า วงเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 72,000 ล้านบาท หลังจากนี้ให้นำร่างสัญญาเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ภายใต้โครงการ Public Sector Reform Development Policy Loan (PSRDPL) เสนอสภาขอความเห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามสัญญาเงินกู้ รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลไทย และ ครม.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเตรียมความเห็นทางกฎหมายโดยด่วน

ทั้งนี้เงินกู้ดังกล่าว กระทรวงการคลังจะกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวเฉลี่ย 15 ปี ที่ 3.55% ระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ภายในวันที่ 1 ส.ค. 2553 หรือขยายเวลาออกไปได้ตามความจำเป็น รวมเวลา 20 ปี ปลอดดอกเบี้ย 8 ปี ชำระคืนต้นเงินกู้ 24 งวด หรือกำหนดชำระปีละ 2 ครั้ง ส่วนการคำนวณอัตราดอกเบี้ยให้คำนวณตามต้นทุนการกู้ยืมเงินของธนาคารโลกบวกอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยธนาคารโลกจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน

รายงานข่าวระบุว่า ครม. เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2552 เห็นชอบหลักการการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะกู้เงินจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ธนาคารโลก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2552 รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแล้ว

นายวัชระ ระบุว่า ครม.ยังมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ครบกำหนดอายุสัญญาวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา อีก 1 ปี เพื่อให้ ร.ฟ.ท.ใช้เป็นเงินสดสำรองกรณีมีปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนช่วงใดช่วงหนึ่ง ขณะที่ ร.ฟ.ท.ได้ประมาณการงบประมาณประจำปี 2552 พบว่า ร.ฟ.ท.ได้ประมาณการรายได้ไว้ที่ 8,771 ล้านบาท รายจ่าย 12,729 ล้านบาท หรือมีผลขาดทุน 3,958 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ 7,578 ล้านบาท จะทำให้ ร.ฟ.ท.มีผลขาดทุนสุทธิ 11,536 ล้านบาท

ทุนนอกลุยหุ้นเอเชีย หุ้นไทยรับอานิสงส์ทะยานกว่า 30%

เว็บไซต์ไทยรัฐ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินทุนต่างชาติได้ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทย อย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันรวมกว่า 9 สัปดาห์แล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้นมาแล้วกว่า 30% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีได้ปรับขึ้นมาถึง 123.5 จุด หรือประมาณ 30% จากระดับต่ำสุดของเดือน มี.ค.52 ซึ่งอยู่ที่ 411.27 จุด บวกขึ้นมาล่าสุด 11 พ.ค.อยู่ที่ 534 จุด

โดยนักลงทุนต่างชาติได้เข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยนับจากเดือน มี.ค.ถึงปัจจุบัน 12,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการกลับเข้ามาซื้อหุ้นของต่างชาติ หลังจากที่ได้เทขายหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันถึง 16 เดือน นับแต่เดือน พ.ย.50 รวมเป็นเม็ดเงินที่ขายสุทธิออกมากว่า 225,059 ล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงไปกว่า 47.56% จากสิ้นปี 50 ที่ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ 858.10 จุด

ส่วนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐฯก็ได้ทะยานปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 33.97% หากนับจากจุดต่ำสุดของดัชนีที่ลงลึกไปในวิกฤติรอบนี้ถึง 6,400 จุด โดยล่าสุดได้ทะยานขึ้นมายืนเหนือระดับ 8,574.65 จุดได้ (8 พ.ค.52) หรือปรับขึ้นมาได้กว่า 2,174.65 จุด

ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทหลักทรัพย์ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) กล่าวว่าเงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชียจำนวนมหาศาลได้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นทุกตลาดในเอเชียทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงและต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของซิตี้คอร์ปพบว่า เงินทุนที่ไหลออกจากตลาดเอเชียนับจากเดือน พ.ย.ปี 50 ต่อเนื่องถึง ก.พ.52 กว่า 240,000-250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้น ขณะนี้พบว่าได้มีเงินทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียแล้วประมาณ 24% หรือร่วม 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้นจึงยังมีเงินที่ออกไปและยังไม่ได้ไหลกลับเข้ามาที่เหลืออีก 180,000 เหรียญสหรัฐฯที่อาจจะกำลังทยอยเข้ามา

แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของซิตี้คอร์ปมองว่าเงินที่ไหลกลับเข้ามาในเอเชียรอบนี้ ตลาดหุ้นไทยได้ส่วนแบ่งน้อยมาก เพราะขนาดของตลาดที่เล็กกว่าประเทศอื่น ประกอบกับปัญหาการเมืองภายใน แม้จะคลี่คลายลงแต่ต่างชาติมองว่าปัญหาที่แท้จริงยังไม่จบ บางส่วนจึงไม่มั่นใจที่จะกลับทุ่มเงินเข้ามาลงทุน

ขณะที่ผลสำรวจล่าสุด นักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่ปรับเพิ่มการคาดการณ์ดัชนีหุ้นปลายปีนี้ขึ้นมาเป็นเฉลี่ย 535 จุด เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 495 จุด และคาดว่าดัชนีสูงสุดของปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 582 จุด โดยบางแห่งให้ดัชนีสิ้นปีนี้สูงสุดถึง 610 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆทั่วโลกเริ่มสร้างความมั่นใจ โดยนักวิเคราะห์ ส่วนใหญ่ 53% คาดว่าดัชนีหุ้นจะปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดได้ในไตรมาส 4 แต่อีก 33% คาดว่าจะอยู่ในไตรมาส 2

“ตั้งแต่กลาง มี.ค.เงินทุนเริ่มไหลเข้าซื้อสุทธิ 12,000 ล้านบาท ส่วนจะเป็นการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวนั้น ยังต้องจับตา แต่อย่างน้อยแรงซื้อที่เข้ามาได้ทำให้ภาพรวมทั้งปีพลิกจากขายสุทธิมาเป็นการซื้อสุทธิแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี”

นักวิเคราะห์ยังได้ประเมินจุดต่ำสุดของดัชนีปีนี้เฉลี่ยไว้ที่ 391 จุดโดยปัจจัยลบที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ถึง 78% ให้น้ำหนักมากที่สุดคือปัญหาการเมืองภายในประเทศ และความขัดแย้งของกลุ่มต่างๆ รวมถึงเสถียรภาพของรัฐบาล

คุณภาพชีวิต

สามีช่วยภรรยาแบกภาระได้แล้วยาคุมผู้ชายได้ผล

เว็บไซต์ไทยรัฐ - วารสารการแพทย์ “วิทยาต่อมไร้ท่อและโรคเบาหวาน” ของสหรัฐฯ แจ้งว่า ผลการทดลองยาฉีดคุมกำเนิดผู้ชายในจีนได้ผลดี มีผู้ชายเพียงคนเดียวในจำนวน 100 คนเท่านั้นที่ยังมีลูก คนที่เข้ารับการทดลองต่างถูกฉีดยาให้เดือนละ 1 เข็ม และเมื่อเลิกฉีดยานาน 6 เดือน ปรากฏว่าต่างก็กลับมีปริมาณตัวอสุจิจำนวนเท่าเดิม

ผู้เชี่ยวชาญปัญหาการคุมกำเนิด พากันแซ่ซ้อง ความสำเร็จครั้งนี้ และให้ความเห็นว่ายาฉีดคุมกำเนิดของผู้ชายจะทำให้ผู้ชายช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องการคุมกำเนิดจากผู้หญิงได้บ้าง อย่างไรก็ดี ยังจำเป็นจะต้องมีการทดลอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยกันต่ออีก ถ้าหากว่าการทดลองต่อไปสำเร็จเรียบร้อยดี ยานี้ก็คงจะได้ออกโรงภายในเวลา 5 ปีนี้

คาดเกณฑ์วิทยุชุมชนมีผล มิ.ย.นี้

เว็บไซต์เดลินิวส์ - พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะทำงานด้านกิจการกระจายเสียงวิทยุชุมชน ในคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กล่าวภายหลังร่วมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) และร่างมาตรฐานทางเทคนิคกิจการบริการชุมชน (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) ฉบับชั่วคราวเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ ผ่านมา ว่าจากการทำประชาพิจารณ์ พบว่า ผู้ประกอบการมีข้อเสนอให้ยืดระยะเวลาการขอใบอนุญาตออกไปเป็น 1 ปี นับจากวันลงทะเบียนเป็นผู้ทดลองออกอากาศ รวมทั้งขอให้มีการโฆษณาในรายการได้

สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานหลังรับฟังความคิดเห็น คณะทำงานจะนำไปปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ และยื่นร่างหลักเกณฑ์ที่ได้ปรับปรุงให้คณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์พิจารณาในวันที่ 15 พ.ค. หลังจากนั้นส่งเรื่องให้ กทช.พิจารณาในวันที่ 20 พ.ค.นี้ โดย กทช.จะใช้เวลาพิจารณาและปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมอีกประมาณ 7 วัน ก่อนนำข้อมูลแสดงบนเว็บไซต์เป็นเวลา 7 วัน คาดจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา และบังคับใช้ได้ประมาณต้นเดือน มิ.ย.นี้

พ.อ.ดร.นที กล่าวว่า การยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุชุมชนชั่วคราวมีค่าธรรมเนียมเพียงปีละ 500 บาทเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยให้สถานีวิทยุชุมชนต่าง ๆ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุชุมชนได้ แต่ต้องใช้เงิน 6-7 แสนบาท ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และสถานีวิทยุชุมชนต่าง ๆ จะไม่สามารถขอใบอนุญาตได้ ถ้าไม่มี คุณสมบัติและเนื้อหาตามที่กฎหมายกำหนด

ทช.เร่งปลูกป่าแก้น้ำเซาะชายฝั่ง

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายสำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงการนำร่องใช้ธรรมชาติมาช่วยแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จ.สมุทรสาครถึงสมุทรปราการให้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะนอกจากแนวไม้ไผ่ซึ่งกรมและชุมชนร่วมกันนำไปปักไว้จะช่วยชะลอความรุนแรงของกระแสน้ำที่กัดเซาะชายฝั่งแล้ว พบว่ายังทำให้เกิดการทับถมของตะกอนดินที่ถูกกระแสน้ำพัดมาเฉลี่ยถึงปีละ 57 เซนติเมตรด้วย

“ในเบื้องต้นกรมเตรียมนำพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด อาทิ โกงกาง แสม ลำพู เป็นต้น ให้ชุมชนนำไปปลูกป่าชายเลนในแนวตะกอนดินดังกล่าว ควบคู่ไปกับการปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ด้านหลังแนวไม้ไผ่ ที่เรียกว่าแนวถอยร่นเฉลี่ยพื้นที่ละ 50-100 เมตร เพื่อทำหน้าที่เป็นกำแพงธรรมชาติในการป้องกันปัญหาการกัดเซาะในระยะยาวต่อไป”

นายสำราญกล่าวด้วยว่า พื้นที่อ่าวไทยตอนบนเป็นทะเลเปิด ไม่มีเกาะหรืออ่าวที่จะช่วยชะลอความรุนแรงของคลื่นลม ประกอบกับการขยายตัวของชุมชนเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ป่าชายเลนในพื้นที่จ.สมุทรสาครถึงสมุทรปราการ ซึ่งเดิมมีประมาณ 3 หมื่นไร่ เหลือเพียง 1 หมื่นไร่ จึงเป็นเหตุให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น กรมจึงร่วมกับชุมชนในพื้นที่นำไม้ไผ่ปักตลอดแนวชายฝั่ง พบว่าวิธีดังกล่าวช่วยลดความรุนแรงของปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและทำให้มีพื้นที่ปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้น

สภามีมติรับ ร่าง กม.คุ้มครองอุ้มบุญ “ลูกบุญธรรม” แล้ว

เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนฯทำหน้าประธาน ซึ่งได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้เสนอโดยสาระสำคัญของร่างเนื่องจากขณะนี้ไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก และความร่วมมือ ในการรับรองบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ โดยกำหนดให้รัฐภาคีต้องมาจัดการกระทำ ดังกล่าวเป็นความผิดในเรื่องของการค้าเด็ก ค้าประเวณี และสื่อลามกต่างๆ จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะให้คนไทยด้วยกันรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมากกว่าจะให้ชาวต่างชาติ แต่ก็พบปัญหา อุปสรรคและข้อจำกัดต่าง ๆในเรื่องค่านิยม ความเชื่อ และวัฒนธรรมของไทย ได้แก่คนไทยจะไม่นิยมรับเด็กที่มีสภาพผิดปกติ พิการ ป่วย หรือเมื่อรับไปเลี้ยงดูสักระยะหนึ่งแล้วเกิดมีบุตรเป็นของตนเอง หรือรู้สึกว่าเป็นภาระไม่อยากเลี้ยงดูอีกต่อไป ก็จะนำเด็กกลับมาคืนที่สถานสงเคราะห์ ในกรณีนี้ยังไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่จะเป็นกรอบหลักเกณฑ์ ที่จะปฏิบัติเพื่อให้การคุ้มครอง และปกป้องสิทธิเด็ก อีกทั้งยังไม่ครอบคลุมถึงกรณีที่มีการรับบุตรบุญธรรมโดยแอบแฝงเพื่อประโยชน์การค้ามนุษย์ นอกจากนั้น กฎหมายนี้ยังมีลักษณะเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศที่สามารถปกป้องคุ้มครองสิทธิของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากสมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นทั้งสนับสนุนพร้อมแสดงความเป็นห่วงตั้งข้อสังเกตอย่างกว้างขวาง ในที่ประชุมที่ประชุมลงมติรับหลักการของร่างด้วยเสียง 263 เสียง ต่อ 1 งดออกเสียง 3 ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 36 คนพิจารณาแปรญัตติตามข้อบังคับ 7 วัน ก่อนประธานสั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 18.15น.

ต่างประเทศ

เผยยอดติดเชื้อทั่วโลก 6 พันคน เตือนจำกัดใช้ยา

เว็บไซต์ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เมื่อ 13 พ.ค.ว่าองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยตัวเลขผู้ป่วยล่าสุดมีเกือบ 6,000 คนแล้ว คือ อยู่ที่ 5,915 คนใน 33 ประเทศทั่วโลก ส่วนผู้เสียชีวิตมี 61 คน แบ่งเป็นในเม็กซิโก 56 คน สหรัฐฯ 3 คน แคนาดาและคอสตาริกามีชาติละ 1คน โดยสหรัฐฯ ขึ้นแท่นชาติที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในโลกแทนเม็กซิโก ต้นตอการระบาด ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน 3,009 คนใน 45 รัฐทั่วประเทศ ส่วนเม็กซิโก มีผู้ป่วย2,059 คน แคนาดา 358 คน คอสตาริกา 8 คน

ส่วนชาติอื่นๆ อาร์เจนตินา 1 คน ออสเตรเลีย 1 คน ออสเตรีย1คน บราซิล 8 คน อังกฤษ 68 คน จีน 4 คน(จีนแผ่นดินใหญ่ 2 คนและฮ่องกง 2 คน) โคลอมเบีย 6 คน คิวบา 1 คน เดนมาร์ก 1 คน เอลซัลวาดอร์ 4 คน ฟินแลนด์ 2 คน ฝรั่งเศส 13 คน เยอรมนี 12 คน กัวเตมาลา 3 คน ไอร์แลนด์ 1 คน อิสราเอล 7 คน อิตาลี 9 คน ญี่ปุ่น 4 คน เนเธอร์แลนด์ 3 คน นิวซีแลนด์ 7 คน นอรเวย์ 2 คน ปานามา 29 คน โปแลนด์ 1 คน โปรตุเกส 1 คน เกาหลีใต้ 3 คน สเปน 98 คน สวีเดน 2 คน สวิตเซอร์แลนด์ 1 คนและไทย 2 คน

ด้านดร.นิกโกะ ชินโดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO กล่าวเตือนเจ้าหน้าที่ชาติต่างๆ ให้จำกัดการใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่2009 เฉพาะกรณีที่อาการรุนแรงหรือเสี่ยงต่อชีวิตจริงๆเท่านั้น เพื่อเก็บสต็อคยาหรือวัคซีนไว้ใช้กรณีเกิดระบาดในวงกว้างและว่าควรใช้กับผู้ ป่วยที่มีอาการป่วยอื่นๆหรือมีอาการแทรกซ้อน อย่างเช่น ผู้ตั้งครรภ์ เพราะผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อนเหล่านี้ อาจมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงไม่พอต้านเชื้อไวรัสอยู่ ซึ่งกรณีดังกล่าวดร.แอนน์ ชูแชต จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(ซีดีซี)ของสหรัฐฯ เผยว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยติดไวรัส ควรได้รับยาต้านไวรัส เพราะความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสที่มีต่อทารกในครรภ์มีมากกว่าความเสี่ยงจากยา ต้านไวรัส อย่าง ทามิฟลูและ เรเลนซาด้วยซ้ำ ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้หญิงตั้งครรภ์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ เสียชีวิตจากไวรัสไข้หวัดใหญ่2009และอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ขณะนี้ในสหรัฐฯยังมีผู้ป่วยติดไวรัสที่เป็นผู้หญิงตั้งครรภ์อย่างน้อย 20 คนซึ่งรวมทั้งบางคนมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงอื่นๆด้วย

ผู้นำปากีฯ วอนนานาชาติช่วยแก้วิกฤติมนุษยธรรม

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - สหประชาชาติ - นายอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ประธานาธิบดีปากีสถาน เรียกร้องให้นานาประเทศยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพลเรือนกว่าครึ่งล้านคน ที่ต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย ผลพวงจากการสู้รบอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

“ผมและในนามของนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขอวิงวอนให้ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจหายนะภัยของมนุษยชาติที่กำลังเกิดขึ้นในปากีสถาน พลเรือนหลายแสนคนกำลังสูญเสียแหล่งทำกิน รายได้ บ้านและอนาคต” ผู้นำปากีสถานกล่าว

ถ้อยแถลงของนายซาร์ดารี มีขึ้นหลังจากกองทัพปากีสถานโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มตาลีบันอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง เป็นเหตุให้พลเรือนกว่า 5 แสนคน ต้องอพยพหนีภัยสงคราม ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่หนีออกมาจาก 3 ตำบลในภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่ได้รับผลกระทบหนัก เพราะการโจมตีทางอากาศของกองทัพ สำนักงานผู้ลี้ภัยของยูเอ็น ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. มีผู้อพยพไปขึ้นทะเบียนรับการช่วยเหลือ 501,496 คน

ล่าสุดเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพได้ส่งหน่วยคอมมานโดเข้าไปในสวัท วัลเลย์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของตาลีบัน เพื่อเดินหน้าโจมตีแหล่งกบดานของกลุ่มต่อต้าน หลังจากบดขยี้ไปได้กว่า 750 คนในการสู้รบช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน กลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬอีแลมในศรีลังกา เผยว่ากองทัพได้โจมตีด้วยปืนใหญ่ใส่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองมัลลิไวกัล ทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 49 คน ทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ดี โฆษกกองทัพปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงปืนใหญ่โจมตีโรงพยาบาล

เหตุปะทะระหว่างกองทัพศรีลังกาและกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตกว่า 400 คน และอีกกว่า 1,300 คนได้รับบาดเจ็บ

เดลล์เลิกส่งขยะคอมพ์ไปโลกที่3

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ซีแอตเติล - เดลล์ อิงค์ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการยกเลิกการส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ จอภาพ และชิ้นส่วนต่างๆ ที่ใช้การไม่ได้แล้ว ไปยังประเทศกำลังพัฒนา หลังจากมีเสียงร้องเรียนว่า การที่สหรัฐไม่มีกฎหมายความปลอดภัยแรงงานและสิ่งแวดล้อม ทำให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ฉวยโอกาสส่งออกขยะอันตรายไปยังประเทศโลกที่สาม จนทำให้อุตสาหกรรมรีไซเคิลเฟื่องฟู

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแสดงความหวังว่า การยกเลิกส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ของเดลล์ จะเป็นการสร้างมาตรฐานให้ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายอื่นปฏิบัติตาม โดยทางกลุ่มต้องการกดดันให้ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ปรับปรุงพฤติกรรมเกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากสหรัฐยังไม่มีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้

นางบาร์บารา ไคลี ผู้ประสานงานประจำสหรัฐ กลุ่มพันธมิตรเรียกคืนขยะอิเล็กทรอนิกส์ ชื่นชมความเคลื่อนไหวของเดลล์ หลังจากกดดัน เดลล์ และผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายอื่นๆ มานาน ให้ปรับปรุงโครงการรีไซเคิลของแต่ละบริษัท พร้อมชี้ว่า สิ่งที่เดลล์ทำ คือ การสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนว่า บริษัทจะไม่ล้ำเส้นที่ขีดไว้

อย่างไรก็ตาม เดลล์ ระบุคำจำกัดความขยะอิเล็กทรอนิกส์ในนโยบายที่แก้ไขใหม่ ว่า คือ ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ไม่ทำงาน ขณะที่นิยามในอนุสัญญาบาเซิลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนและการกำจัดของเสียอันตราย ให้ความสำคัญกับการมีสารอันตรายเป็นส่วนประกอบมากกว่า

เหลืองจับขโมยใส่เสื้อประจาน

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ กัวลาลัมเปอร์ - นายโมฮาหมัด บากรี ไซนิน ผู้อำนวยการฝ่ายสอบสวนคดีอาญาของมาเลเซีย ได้แนวคิดใหม่ว่าหากหัวขโมยที่ฉกชิงวิ่งราว ไม่กลัวถูกเฆี่ยนหรือการเข้าคุก ก็น่าจะอับอายหากถูกประจานในที่สาธารณะ ดังนั้น ตำรวจจึงเสนอแนวคิดให้หัวขโมยทำงานบริการสาธารณะอย่างกวาดถนนในเขตที่โจรลงมือก่อคดี พร้อมใส่เสื้อยืดที่มีข้อความ "ฉันเป็นขโมยมือไว" ทั้งนี้ การฉกชิงวิ่งราวมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปีและเฆี่ยน การฉกชิงวิ่งราวซึ่งมักกระทำโดยหัวขโมย 2 คนที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์หลังจากมีผู้หญิงท้อง 2 คนเสียชีวิต เนื่องจากล้มลงกับพื้นขณะถูกฉกชิงวิ่งราว

ตู้เย็นเน่าทำคนเข้า รพ.

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ แคลิฟอร์เนีย - พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งบนอาคารเอทีแอนด์ที เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ทำความสะอาดตู้เย็นของสำนักงาน ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารกลางวันที่เน่าเสีย โดยนำอาหารที่ยังดีไปไว้ในห้องประชุม และใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดสองชนิดทำความสะอาดตู้เย็น ทำให้เกิดกลิ่นที่เป็นพิษ จนต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการฉุกเฉิน ปรากฏว่าเมื่อทีมรับมือกับวัตถุอันตรายเดินทางถึงที่เกิดเหตุ ก็พบตู้เย็นที่เต็มไปด้วยอาหารเน่าเสีย มีผู้ล้มป่วยเพราะอาเจียนและวิงเวียน 28 คน รวมทั้งเพื่อนร่วมงาน 7 คนของพนักงานคนนี้ ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล