WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, May 13, 2009

อนุพงษ์แจงสลายเสื้อแดงเพราะปิดถนนทำประเทศไม่สงบ ไม่สลายเสื้อเหลืองเพราะขู่ปิดสนามบิน ตัดน้ำ-ไฟ

ที่มา ประชาไท

ผบ.ทบ.สัมภาษณ์วิทยุ ‘ลับลวงพราง’ บ่นนักการเมืองมาก็อยากใช้ทหาร ยันไม่มีสิทธิชอบสีไหนเพราะเป็นทหารของชาติ แจงสลายพันธมิตรฯ ไม่ได้ เพราะมีขู่ตัดน้ำ-ไฟ ปิดสนามบิน เดี๋ยวประเทศเสียหาย ส่วนเสื้อแดงปิดการจราจร ทำให้เกิดความไม่สงบในประเทศ จึงต้องแก้ไข ใช้ทหารไม่กี่กองร้อยและมีแค่ ‘กระสุนแบลงก์’ ยันไม่ใช่สลายชุมนุม เพราะเสื้อแดงอยู่ทำเนียบได้ถึงวันสุดท้าย บ่นสื่อทำ ‘ป๊อก’ เหนื่อย เป็นคนไม่มีทางเลือกต้องโดนด่าสามฝ่าย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์รายการลับลวงพราง ออกอากาศทางวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกกะเฮิร์ซเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ตอบคำถามผู้ดำเนินรายในกรณีที่ ผบ.ทบ.ที่เนื้อหอมที่ทุกรัฐบาลอย่างสร้างความสนิทสนมด้วย กล่าวว่า หากฝ่ายทหารไม่คิดพิเรนทร์อยากไปถืออำนาจรัฐหรือเป็นนายกฯ แล้วทำงานตามบทบาทหน้าที่ นักการเมืองคนใดมาก็อยากใช้ทหารทั้งนั้น เพราะเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ มีวินัย โดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาของตนทั้ง 200,000 คน ในขณะนี้ไม่มีใครคิดนอกกรอบอะไร ซึ่งก็คงมีคนชอบกลุ่มเสือเหลืองและเสื้อแดง แต่ได้ บอกไปว่า ไม่มีสิทธิไปชอบใคร เพราะเป็นทหารของชาติ ซึ่งน่าชื่นชมทุกคนที่มีความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เพราะได้ทำให้กองทัพมีความหมาย แต่ถ้ากองทัพแตกแยกและมีสีหมด ใครมาก็คงไม่อยากจะใช้

ยันสลายพันธมิตรฯ ไม่ได้ เพราะมีการขู่ตัดน้ำ-ไฟ ปิดสนามบิน ประเทศเสียหาย

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวย้อนไปถึงเหตุการณ์ในช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงกับผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองยกพวกตะลุมบอนกัน ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า คืนนั้นตนนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้เด็ดขาดซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้สั่งทหาร 3 กองร้อยเพื่อไม่ให้ตีกันก่อน เนื่องจากกำลังตำรวจไม่เพียงพอ พอตอนตี 5 นายสมัคร สั่งให้ตนไปแก้ไขปัญหาที่ทำเนียบรัฐบาล (ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดอยู่) จึงบอกไปว่าไม่สามารถทำได้ เพราะมีคำขู่จากผู้ชุมนุมว่าหากมีการใช้กำลัง จะมีการปิดน้ำ ปิดไฟและปิดสนามบิน ซึ่งประเทศจะเสียหายมาก อีกทั้งทหารก็มีเครื่องมือน้อยกว่าตำรวจ หากต้องใช้กำลังจำนวนมากจะต้องมีคนบาดเจ็บ ล้มตายมากจนยากที่จะทำความเข้าใจเหมือนที่ตำรวจโดนอยู่ตอนนี้ที่กำลังมีการ สอบสวน ที่มีโทษวินัย อาญายังไม่จบ

ผู้ดำเนินรายการถามว่า กองทัพวางตัวในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ใครมาเป็นรัฐบาลแล้วให้เราทำงานที่ถูกต้องเราก็ต้องทำ หากย้อนไปในสมัยของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ขอให้กองทัพแสดงบทบาทด้านความมั่นคง อย่างเรื่องชายแดน เรื่องภาคใต้ โดยใช้คำว่าอย่าไปแตะตัวประชาชน แม้กระทั่งการปกครองภายในกองทัพซึ่งตอนนั้นรัฐบาลมีนโยบายไม่ใช้กำลังทหารไปสลายผู้ชุมนุมเหมือนนโยบายสมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ แต่ไม่ได้ใช้ตน จนสื่อมวลชนเองมองว่า ตนเดินตามนายสมัครเพราะกลัวว่าจะหลุดออกจากตำแหน่ง ยืนยันได้ว่า รัฐบาลนายสมัครกับตนนั้นมีความเข้าใจกันดี แม้กระทั่งวันที่หมดอำนาจและนายสมัครไม่สบาย ตนก็ยังไปเยี่ยม

"สิ่งที่ท่านสั่งบางอัน ผมก็เรียนว่า ทำไม่ได้ ท่านก็โอเค ตอนที่ท่านสั่งให้ผมไปสลาย ผมก็บอกว่าทำไม่ได้ ท่านก็เข้าใจแล้วก็ปรึกษาหารือกันว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งท่านก็เตรียมจะยกเลิก แต่เผอิญโดนคดีชิมไปบ่นไปเสียก่อน ซึ่งท่านสมัครก็ให้เกียรติเรา" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

เสื้อแดงปิดจราจรเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ ไม่ชุมนุมโดยสงบ จึงต้องแก้ไข

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จนกระทั่งรัฐบาลสมชาย ก็คล้ายๆ กันคือไม่ใช้ทหาร จนกระทั่งถูกกดดันจากสังคม ทำให้ตนไม่มีจุดจะยืนก็ออกไปช่วยตำรวจรักษาการตามจุดต่างๆ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เช่นเดียวกันการดำเนินการที่ผ่านมาก็สนับสนุนตามขอบเขต ตามกฎหมาย ในขณะที่มีการประชุมก็ได้หารือกัน ซึ่งรัฐบาล (นายอภิสิทธิ์) และกองทัพเห็นตรงกันคือไม่จำเป็นต้องสลาย เพราะหากชุมนุมโดยสงบจะไม่มีใครทำอะไรเสื้อแดงไม่ได้ แต่ฝ่ายเสื้อแดงไปทำผิดกฎหมายมาก มีการปิดการจราจรทั้งหมด จนทูตหลายประเทศก็เห็นตรงกันว่าไม่มีความชอบธรรม กระแสสังคมก็มองอย่างนั้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เป็นการไปรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลสามารถอยู่ได้จนถึงวันสุดท้าย และหากยังมีการชุมนุมอีกก็ขอรับรองด้วยเกียรติว่า จะไม่มีการสลาย เพียงแต่อาจจะมีการล้อมเอาไว้ไม่ให้คนมาใหม่เข้าไปได้ ซึ่งสามารถตอบคำถามได้ว่าไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำหมดทั้งสิ้น

ผู้ดำเนินรายถามว่า การเอาทหารออกมาในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาก็กระทบกับภาพพจน์มาก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จุดที่สังคมและต่างชาติเห็นว่าผู้ชุมนุมเริ่มทำไม่ถูกคือการบุกเข้าทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำเอาเซียน โดยจากการประชุมกับต่างชาติที่มาร่วมประชุม รู้เลยว่าผลที่ตามมาคืออะไร ซึ่งเราตอบคำถามต่างชาตินับ 10 ประเทศไม่ได้ยังถามถึงบรรทัดฐานของเราไม่ว่าจะการรักษาความปลอดภัย แผนการใช้เครื่องมือหรืออาวุธ และการปฏิบัติตามมาตรฐาน

ผบ.ทบ.กล่าวว่า ที่ สำคัญคือการปิดถนนใน กทม. ซึ่งสร้างผลกระทบมากมาย ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศชาติ ที่ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ ซึ่งก็ต้องแก้ไขปัญหา แล้วทหารก็มีเครื่องมือน้อย ไม่กี่กองร้อยเท่านั้น เราจึงต้องใช้เครื่องมือคือกระสุนแบล๊งก์ (ไม่มีหัวกระสุน) แม้จะไม่อยู่ในมาตรฐานมากนัก แต่ไม่มีวิธีอื่นๆ ไม่อย่างนั้นก็ต้องจบด้วยการทำอะไรไม่ได้ แล้วถ้ายังปิดถนนกันจนถึงวันนี้ประเทศชาติจะต้องเสียหายมากมาย แล้วทหารก็ต้องโดนอยู่แล้ว

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเราก็เสนอให้รัฐบาลซื้อเครื่องมือมาให้เพื่อเตรียมพร้อม เอาไว้ในอนาคต แล้วเอากำลังทหารของเรามาฝึกฝนเอาไว้

ผู้ดำเนินรายการถามว่า เมื่อมีทหารออกมาแล้วทำให้ต่างชาติมองว่าสถานการณ์ไม่ปกติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากตำรวจทำงานได้รัฐบาลก็คงใช้ และคงต้องไปถามรัฐบาลว่าทำไมใช้ทหาร แต่ตนคิดว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาไม่ปกติ เพราะขณะนั้นมีการปิดสถานที่ต่างๆ ซึ่งรัฐบาลบอกว่าทำไม่ได้มันผิดกฎหมาย

หวั่นผู้นำอาเซียนยกทีม รปภ.ติดอาวุธร่วมประชุม จะทำให้ประเทศเสียหาย

ผู้ดำเนินรายการถามถึง การรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา รอบใหม่ ที่จะจัดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต ที่อาจจะต้องใช้ทหารเป็นกำลังหลัก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากต้องการบล็อกไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นตามความคิดของรัฐบาล เราก็ต้องทำตามนั้น โดยเราต้องคุยกับส่วนล่วงหน้าของ 15 ชาติที่จะมาคุยเรื่องแผนการรักษาความปลอดภัยก่อน หากไม่มั่นใจก็อาจจะมีการขอแรงๆ อย่างเอาชุด รปภ. และติดอาวุธมาเอง มันจะทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่ากำลังตำรวจไม่เพียงพออย่างแน่นอนและอาจจะเอาไม่อยู่

ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากบางประเทศต้องการเอา รปภ.ติดอาวุธมาเองเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การถือติดอาวุธโดยโจ่งแจ้ง จะไม่มีใครทำตามมารยาท แต่ตนไม่สามารถพูดขณะนี้ได้

ผู้ดำเนินรายการถามว่าจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นการคิดง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ซึ่งถ้าใช้กฎหมายปกติทำได้ก็ทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมาดูว่าจะใช้กฎหมายอะไร ฝ่ายปฏิบัติเลยเสนอไปว่าถ้ามีอำนาจก็รักษาสถานการณ์ได้ แต่ถ้าไม่มีอำนาจเลยก็รักษาสถานการณ์ไม่ได้

เมื่อถามว่า เสื้อแดงสงสัยว่า ทหารวางพล็อตเรื่องที่เกิดในกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คนคิดกันด้วยเหตุด้วยผล จะมีใครไปวางพลอตอะไรได้ ซึ่งช่างคิดกันได้จริง ยืนยันว่า ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย แต่ได้รับการร้องขอจากตำรวจว่าขอทหารเพิ่มเติมก็ส่งไปให้ โดยไม่ได้มีการทำแผนอะไรเลย จึงทำอะไรไม่ถูก และคนที่ไปทำได้เพียงควบคุมฝูงชน แต่ไม่ได้ฝึกเฉพาะเรื่อง รปภ.บุคคลสำคัญ และที่สำคัญตนไม่เคยคิดอะไรเลย โดยวุฒิภาวะและความรู้ของตนไม่คิดว่าใครจะไปคิดแผนอะไรอย่างนั้นได้ ซึ่งตนไม่เชื่อโดยสิ้นเชิงว่าจะมีการสร้างสถานการณ์

ซัด โกวิท มีอำนาจแต่ไม่ยอมจัดการพันธมิตรฯ ปิดสนามบิน

เมื่อถามว่า เสื้อแดงบอกว่าการปิดถนนนั้นทหารบอกว่าสร้างความเดือดร้อน แต่การปิดสนามบินไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากย้อนกลับไปดูนาทีนั้นรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบ ที่ดอนเมืองให้ตำรวจนครบาลร่วมกับทหารอากาศรับผิดชอบ ส่วนที่สุวรรณภูมิให้พล.ต.ท.ฉลอง สมใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รับผิดชอบ หากมีปัญหาให้ขอกำลังทหารเรือ หากไม่พอให้ขอกำลังทหารบก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 3 ซึ่งก็ได้ส่งไป 3 กองร้อย

ท่านเห็นไหมว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ท่านทำได้ไหม ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ แล้วจะให้พล.อ.อนุพงษ์ วันดีคืนดียกกำลังไปแล้วทำเลย มีอำนาจหน้าที่อะไร ถ้าเขาถามแล้วมาได้อย่างไร ใครสั่งให้มา แล้วจะตอบอย่างไร ถ้ามีการสูญเสีย ไปขึ้นศาลแล้วถูกถามว่า เอากำลังออกไปใครเป็นคนสั่งจะตอบอย่างไร มันไม่ใช่สองมาตรฐานนะ ไม่ใช่โจรปล้นที่โน่น ทหารบอกทำไมไม่ไปแก้ล่ะ หรือนักเรียนตีกันแล้วทหารบกไม่ไปทำอะไร ก็มันไม่ใช่หน้าที่ ผมอธิบายไม่ได้ว่าเขาสั่งใคร เพราะอำนาจหน้าที่เราไม่มีอยู่แล้ว นอกจากนั้นเขาสั่งภาวะฉุกเฉินก็ให้พล.ต.อ.โกวิท รับผิดชอบ แล้วผมเป็น ผบ.ทบ.จะให้ทำอย่างไร ไม่ใช่สองมาตรฐาน ก็ให้ไปถามพล.ต.อ.โกวิทว่า ทำไมไม่ทำ ไม่ใช่มาถามผม ถ้าเรียนผมผมก็ตอบว่าเขาก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าจะทำผมก็จะเรียนว่าต้องทำอย่างนี้ จะมีการสูญเสียอย่างนี้ ตำรวจทำได้ไหม แล้วให้เขาสั่งคงไม่มีใครกล้าสั่งหรอก เพราะไปก็อาบเจ็บล้มตายกันอีก คำตอบคงต้องไปถามพล.ต.อ.โกวิท ว่าทำไมไม่ทำ ทำไมสองมาตรฐาน ครั้งหนึ่งทำไม 7 ต.ค.ทำแล้วครั้งนี้ไม่ทำพล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

บ่นสื่อทำให้ป๊อกเหนื่อย เป็นคนไม่มีทางเลือกต้องโดนด่าสามฝ่าย

ผู้ดำเนินรายการถามว่า สถานการณ์การเมืองอย่างนี้เหนื่อยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตนเหนื่อยนั้นคือ สื่อมวลชน ที่ทำให้ตนเหนื่อยมากที่สุด และความไม่เข้าใจของคนที่ไม่เข้าใจ ทำให้เหนื่อยใจ อย่างมาถามว่าทำไมทหารไม่ไป ก็ไม่รู้หรือว่าเขาไม่ได้สั่งให้ทหารรับผิดชอบ แล้วมานั่งถามคนที่เขาไม่ได้สั่งไป เอาอะไรมายัดให้สถาบันกองทัพ เมื่อถามว่า ที่ไม่ทำอะไรเพราะอาจจะกลัวเสียตำแหน่ง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผ่านมามันค้านกับที่ทุกคนคิด ที่ตนมาก็ทำงานไปตามบทบาทภารกิจ ตอนนั้นหากรักตัวกลัวตาย นายสมัครสั่งอะไรก็ต้องทำ แต่ตนได้อธิบายไปว่าทำไม่ได้ ทุกคนวิพากษ์มาทั้งหมดว่าตนเดินตามนายสมัครเพราะกลัวเสียตำแหน่ง แต่ตอนนั้นได้อธิบายไปว่าไม่ทำ ซึ่งถ้าจะปลดจะย้ายตนก็มีอำนาจทำได้ แต่นายสมัครก็ไม่ได้คิดจะทำอะไร ซึ่งก็ฟังว่าเรามีเหตุผลอะไรแล้วตนจะกลัวเสียตำแหน่งอะไร ซึ่งตนไม่เลือกทางด้านใดเลยทำให้ต้องโดนด่าสามฝ่าย หนึ่งเสื้อสีหนึ่ง อีกหนึ่งเสื้อสีหนึ่ง อีกหนึ่งคือสื่อมวลชน

โยนตำรวจคุมเวทีเสื้อแดงหน้าวัดไผ่เขียว เมินโต้ สนธิ

ผู้ดำเนินรายการถามถึงการนัดรวมพลของคนเสื้อแดงวันที่ 10 พฤษภาคม.ที่หน้าวัดเขียว ย่านดอนเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนสถานที่ที่ยังมีทหารอยู่ก็คงเป็นทำเนียบรัฐบาล ส่วนพื้นที่อื่นเป็นเพียงการเตรียมหากมีการร้องขอ ก็ออกไปสนับสนุนเท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯที่โจมตีผบ.ทบ.อย่างต่อเนื่อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้ผู้เกี่ยวข้องดูว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป หากใครรู้อะไรหรือมีหลักฐานอะไรก็ให้ไปบอกตำรวจ จะได้จับคนถูกว่า ชื่อใครอย่างไร พลทหารคนนี้ นายสิบคนนี้ นายร้อยหรือนายพันคนนี้

ผู้ดำเนินรายการถามว่า เหมือนเป็นเกมการเมืองหนึ่งหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าต้องไปถามคนที่สร้างกระแส เมื่อถามว่า ได้ตัวผู้ต้องหาหรือยัง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผมไม่รู้เรื่อง ผมจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร ผมไม่เคยเห็นปลอกกระสุน ไม่เคยเห็นรถ ไม่เคยเห็นสำนวนแม้แต่ตัวเดียว ไม่เคยคุยกับใครทั้งสิ้นที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เคยเห็นกล้อง ไม่เคยเห็นภาพ สื่อมวลชนเองก็ไม่เคยเห็นแล้วจะไปวิพากษ์ได้อย่างไร ผมไม่ทราบ ผมเห็นแค่นั้นผมจะไปรู้อย่างไร

ผู้ดำเนินรายการถามถึงความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนกับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร คือตนก็ทำงานไป และไม่ได้ไปทานข้าว ไม่ได้เจอและไม่ได้โทรคุยกัน ซึ่งมีครั้งเดียวที่เคยโทรคุยกันตอนตั้งรัฐบาลเพื่อให้ข้อคิดเรื่อง รมว.กลาโหม ครั้งเดียวที่เคยคุยกัน ครั้งอื่นไม่มี เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าคงไม่มีอะไร เพราะจะเป็นประเด็น แต่ตนคิดเหมือนประชาชนทุกคน ประชาชนคิดอย่างไรตนก็คิดอย่างนั้น อยากให้ประเทศชาติเรียบร้อย

ที่มา: เรียบเรียงจากมติชนออนไลน์