ที่มา ประชาไท
Tue, 2012-08-07 20:03
7 สิงหาคม 2555 เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN :
Thailand Pesticide Alert Network) ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ
ได้ดำเนินการสุ่มตรวจผัก 7 ชนิดซึ่งเป็นผักที่บริโภคกันทั่วไป
โดยสุ่มเก็บจากผักที่ได้รับมาตรฐาน Q และผักตราห้าง (house
brand)ที่ขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆในเขตกรุงเทพมหา
นคร และพบว่าพืชผักดังกล่าวมีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินค่ามาตรฐาน[1]ถึง
6 ตัวอย่างจากจำนวนที่สุ่มเก็บมา 14 ตัวอย่าง หรือคิดเป็น 43%
ของตัวอย่างทั้งหมด ซึ่งได้แถลงไปเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2555
ที่ผ่านมานั้น
นายพชร
แกล้วกล้า โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกการคุ้มครองความปลอดภัยด้าน
อาหารโดยผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
แฉผลการทดสอบสารเคมีในผักโดยระบุว่า
เครือข่ายไทยแพนและนิตยสารฉลาดซื้อยังได้สุ่มผักจำนวน 7 ชนิด
ซึ่งประกอบไปด้วย กะหล่ำปลี คะน้า ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ผักชี
และพริกจินดา ที่ขายในตลาดสดทั่วไป 2 ตลาด ได้แก่ ตลาดห้วยขวาง
และตลาดประชานิเวศน์ รวมถึงผักที่ขายในรถเร่
ไปวิเคราะห์หาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มออร์แกโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต
ที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
จากจำนวนตัวอย่างผักที่สุ่มตรวจจากตลาดห้วยขวาง 7 ตัวอย่าง
ตลาดประชานิเวศน์หนึ่ง 7 ตัวอย่าง และจากรถเร่ 7 ตัวอย่าง
พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐานทั้งหมด 8 ตัวอย่างจากทั้งหมด 21
ตัวอย่าง หรือคิดเป็น 38.1 %
ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผลการสุ่มตรวจผักที่มีตรามาตรฐาน Q
ของกรมวิชาการเกษตรและผักที่ขายในห้างซึ่งพบว่ามีผักที่พบสารเคมีกำจัดศัตรู
พืชตกค้างเกินมาตรฐาน 43 %
ทั้งๆที่ผักดังกล่าวมีราคาแพงมากกว่าผักที่ขายในตลาดสดตั้งแต่ 2-10 เท่า
ชี้ “ผักชี ถั่วฝักยาว พริกจินดา คือผัก 3 ชนิดที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุด
1) ถั่วฝักยาว พบสารตกค้างเกิน
มาตรฐาน 6 ชนิด ได้แก่ Acephate, Carbofuran, EPN, Ethion,
Methomyl และ Omethoate เช่น
ถั่วฝักยาวตราผักดอกเตอร์มี CarbofuranและMethomyl เกินค่ามาตรฐานยุโรป
3.5 และ 4 เท่าตามลำดับ
ถั่วฝักยาวที่ได้จากห้างเทสโก้พระรามสองพบ Ethion เกินมาตรฐาน 5 เท่า
ในขณะที่ถั่วฝักยาวที่ได้จากตลาดห้วยขวางพบ EPNเกินค่ามาตรฐานถึง 34 เท่า
2) ผักชี พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 5 ชนิด ได้แก่ Carbofuran,
Chlorpyrifos, EPN,
Methidathion และ Methomy ที่น่าสนใจคือผักชีจากกูร์เมต์ มาร์เก็ต
(สยามพารากอน) พบCarbofuran เกินค่ามาตรฐาน 37.5 เท่า
ผักชีตลาดประชานิเวศน์ พบ Carbofuran เกิน 56.5 เท่า ในขณะที่ตลาดห้วยขวาง
พบ EPN เกิน 102 เท่า
3) พริกจินดา พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 2 ชนิด
ได้แก่ Methidathion และ Triazophos โดยพริกจินดาจากรถเร่
มี Methidathion ตกค้างสูงกว่าค่ามาตรฐานถึง 121 เท่า
ในขณะที่พบจากตลาดห้วยขวางและประชานิเวศน์ประมาณ 5 เท่า
4) คะน้า พบสารตกค้างเกินมาตรฐาน 2 ชนิด
ได้แก่ Dicrotophos และ Methidathion โดยพบสารเคมี Dicrotophos ตกค้างมาก
ที่สุดที่ตลาดห้วยขวาง โดยพบสูงกว่า 202 เท่าเทียบกับมาตรฐานของยุโรป
นอกจากนี้ยังมีสากำจัดศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวังหรือห้ามใช้
นอกเหนือจากวัตถุอันตรายร้ายแรง 4 ชนิด (Carbofuran, Methomyl,
Dicrotophos และ EPN) คือ Carbofuran, Methomyl, Dicrotophos, EPN
ที่เป็นสารอันตรายร้ายแรงและอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของกรมวิชาการเกษตรแล้ว
ยังมีสารเคมีที่น่ากังวลอีก คือ Methidathion (ยุโรปห้ามใช้แล้ว)
ที่พบในผักหลายชนิด พบจากทุกแหล่งซื้อ
และมีปริมาณที่ตกค้างสูงมากจนน่ากังวล เช่น ในพริกจินดา
ที่พบตกค้างมากเกินค่า MRL ถึง 121 เท่า
นางสาวปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงาน
เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN : Thailand Pesticide
Alert Network) เสนอทางออก ดังนี้
1. กรมวิชาการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องดำเนินการควบคุมการส่งเสริมการใช้สารเคมีกำจัด
ศัตรูพืชของบริษัทสารเคมีและเกษตรกรให้เข้มงวดเท่าเทียมกับที่มีมาตรการที่
ใช้กับผักส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่ติดตรา Q
ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กรมวิชาการเกษตรกำกับอยู่
ทั้งนี้รวมทั้งการยกเลิกการขึ้นทะเบียนและห้ามมิให้มีการใช้สารเคมีกำจัด
ศัตรูพืชที่หลายประเทศห้ามใช้แล้วโดยทันที
2. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุขต้องมีมาตรการในการสุ่มตรวจดูความปลอดภัยของผักและผลไม้โดย
อาจประสานความร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาสังคมและองค์กรผู้บริโภค
ทั้งนี้โดยทำงานในเชิงรุกร่วมกับห้างขนาดใหญ่
และตลาดสดที่อยู่ภายใต้กำกับของกรุงเทพมหานคร องค์กรท้องถิ่น หรือภาคเอกชน
เพื่อให้ผักและผลไม้ภายในประเทศปลอดภัยยิ่งกว่านี้
3. ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปร่วมกันสนับสนุนและผลักดันเกษตรกรรม
อินทรีย์
เกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งปฏิเสธและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้เป็น
แนวทางหลักของระบบเกษตรและอาหารของประเทศ
อีกทั้งร่วมอุดหนุนผักและผลไม้จากระบบการผลิตดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น
4. ในระยะเฉพาะหน้านี้
ผู้บริโภคอาจสามารถลดผลกระทบจากปัญหานี้ได้โดยการเลือกซื้อหรือบริโภคพืชผัก
ที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อย ผักพื้นบ้าน
ผักที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
การลดสารเคมีตกค้างในผักโดยการล้างด้วยน้ำหลายๆครั้งหรือการใช้ด่างทับทิม
(อาจไม่ได้ผลเสมอไปเพราะสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดเป็นประเภทดูดซึม)
ไปจนถึงการปลูกผักเพื่อบริโภคเอง
โดยอาจหาข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องได้จากเว็บไซท์ที่เกี่ยวข้อง เช่น www.consumerthai.org , www.thaipan.org และ www.ฉลาดซื้อ.com
ส่วน นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ
แนะผู้บริโภค ควรบริโภคผัก ผลไม้ตามฤดูกาล หรือผักพื้นบ้าน
เพราะปลอดภัยจากสารฆ่าแมลง
นอกจากนี้ผู้บริโภคควรเป็นผู้กำหนดวิถีการกินได้ด้วยตนเอง
โดยต้องเข้มแข็งในการเลือกอาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์
ไม่ใช่ให้ผู้ประกอบการมีบทบาทกำหนดสินค้าในตลาดได้อีกต่อไป
โดยนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี ( BioThai)
กล่าวเชิญชวนสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการแสดงพลังในการฉลาดเลือกที่จะบริโภค
อาหารที่ปลอดภัย และรักสุขภาพ
ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องการแบนสารเคมีอันตรายทั้ง 4
ชนิดในเวทีสาธารณะที่กรมวิชาการเกษตร ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้
[1]
ในการวิเคราะห์นี้ใช้ค่ามาตรฐาน MRL ของสหภาพยุโรปเป็นค่าเปรียบเทียบ