ที่มา Thai E-News
โดยระยิบ เผ่ามโน
๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
เมื่อวันที่
๔ สิงหาคม พล.อ. ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์
ได้ไปบรรยายพิเศษในการประชุมของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หัวข้อ
“ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้”
มีเนื้อความน่าสนใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชินีนาถ
“พระราชินีฯ มีรับสั่งให้ผมไปดูแลปัญหาชาวไทยพุทธในพื้นที่” พล.อ. ณพลกล่าวในการบรรยาย“ปัจจุบันยังมีจดหมายร้องทุกข์จาก 3 จังหวัดภาคใต้จำนวนมากผ่านกองราชเลขาฯ ในพระองค์สมเด็จพระราชินี ทรงให้ส่งคนไปดูแล ทรงให้การช่วยเหลือด้านการประกอบอาชีพสำหรับประชาชน และจัดหาที่อยู่ให้กับผู้ได้รับผลกระทบ” และ “ผมยังคงต้องลงไปในพื้นที่ทุกเดือน ไปแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ล่วงหน้า”*(1)
นับ เป็นการเปิดเผยถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ เหมาะเจาะกับช่วงเวลาในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ ๑๒ สิงหาคมที่จะมาถึง แล้วยังเป็นการเปิดเผยถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ในประเด็นที่เป็น “ข้อมูลใหม่” ทีเดียวสำหรับพสกนิกรจำนวนไม่น้อย
ดังที่พล.อ. ณพล กล่าวตอนหนึ่งว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ มิได้เพียงแต่ทรงสนพระทัยในเรื่องทุกข์ของราษฎรในสามจังหวัดภาคใต้เท่านั้น แม้แต่ที่ชุมชนบ่อนไก่ในใจกลางกรุงเทพมหานครก็ทรงเอื้ออาทรมอบหมายให้รองสมุหราชองครักษ์นำพระราชทรัพย์ลงไปช่วยเหลือถึง ๒๐ ล้านบาทแล้ว
“เพราะท่านรู้ว่ามีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ก็มีคนค้านว่าจะไปช่วยทำไมตรงนั้น บ่อนไก่แดงทั้งเมือง พระองค์ท่านก็ไม่ว่าอะไร รับสั่งให้ผมลงไป เพราะเชื่อว่าผมจัดการได้ พร้อมพระราชทานเงินเบื้องต้นใส่ถุงมา 2 ล้านบาท”*(2)
รองสมุหราชองครักษ์ยังบรรยายด้วยว่าตัวท่านเองลงไปปฏิบัติภารกิจอย่างกลมกลืนกับสภาพพื้นที่ คือท่านใส่เสื้อขมุกขมอมไปคุยหาข่าวตามร้านส้มตำ ไก่ย่าง ทราบว่าชาวบ้านเดือดร้อนจากการที่เคยถูกทหารไล่ยิง ชาวบ้านบอกทหารตัวดี ถ้าเจอจะเอาทุเรียนตบหน้า
เป็นที่ทราบกันอยู่ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงทางการเมืองระหว่างการชุมนุมของเสื้อแดงในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วงเดือนเมษายน และพฤษภาคม ๒๕๕๓ มีประชาชนเสียชีวิตนับร้อย จากการส่งกำลังทหารใช้กระสุนจริงเข้าปราบปราม เฉพาะบริเวณพื้นที่รายรอบราชประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นปทุมวัน ศาลาแดง แยกประตูน้ำ สามเหลี่ยมดินแดง และบ่อนไก่ มีประชาชนมือเปล่าที่อย่างดีก็มีแต่หนังสติ๊ก และหลาวไม้ไผ่เป็นอาวุธ ต้องตายไปอย่างน้อย ๙๒ คน
คำว่า “ก็มีคนค้านว่าจะไปช่วยทำไมตรงนั้น บ่อนไก่แดงทั้งเมือง” จึงมีนัยยะน่าคิดยิ่ง
คนที่ค้านดังกล่าวจะเป็นใครก็ตาม การกล่าวเช่นนั้นแสดงถึงการเลือกที่รักมักที่ชังอันไม่บังควรอย่างยิ่งต่อการประกาศพระเกียรติคุณของสมเด็จพระราชินี เดชะบุญในส่วนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ นั้นทรง “ไม่ว่าอะไร” ซ้ำกลับรับสั่งให้ท่านรองสมุหฯ ลงไปดำเนินการ
พระเมตตาของพระองค์ต่อพสกนิกรที่ได้รับความทุกข์ร้อนเนื่องจากเข้าร่วมประท้วงทางการเมืองเคยปรากฏต่อกลุ่มเสื้อเหลืองมาแล้ว ด้วยการพระราชทานทรัพย์ช่วยเหลืองานศพ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วระเบิดปิงปองที่บังเอิญอยู่ในกระเป๋าคล้องไหล่ของเธอเกิดระเบิดขึ้นทำให้เสียชีวิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ ยังเสด็จไปร่วมงานศพด้วยพระองค์เอง
มาคราวนี้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณล้นเหลือต่อคนเสื้อแดงบ้าง แม้จะห่างจากเหตุการณ์มานานกว่าสองปีก็ตาม ทั้งนี้อาจจะเกี่ยวเนื่องถึงข้อความที่ท่านรองสมุหราชองครักษ์กล่าวด้วยว่า
“เท่าที่ฟังชาวบ้านไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการ เพราะหาบเร่ รถเข็นไม่มีใบทะเบียนการค้าที่จะได้รับสิทธิได้เงินชดเชย” ประกอบกับปรากฏว่าคนในชุมชนบ่อนไก่ไปแจ้งความจำนงขอพระราชทานความช่วยเหลือ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณรายละ ๒ พันบาท เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวถึง ๒ พันราย
ท่าน รองสมุหฯ กล่าวเพียงคร่าวๆ ถึงปัญหาความช่วยเหลือของทางการ ทำให้กระทบถึงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยไม่ตั้งใจ ในฐานะที่น.ส. ยิ่งลักณษ์ได้รับเลือกตั้งเข้ามาบริหารงานแทนที่รัฐบาลซึ่งทำให้มีคนตาย และบาดเจ็บจำนวนมาก ก็ต้องรับภาระไปเต็มๆ ด้วยความเต็มใจ แม้ว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการเยียวยา มูลค่าไม่ต่ำกว่า ๒ พันล้านบาท ได้ดำเนินการไปแล้วหลายขั้นตอนที่ครอบคลุมผู้เสียหายย้อนไปถึงปี ๒๕๕๑ ซึ่งรวมการประท้วงของพันธมิตรฯ ด้วย*(3)
ข้อน่าสังเกตุอยู่ที่ระยะนี้มีการอ้างอิงถึงคนเสื้อแดง และทวงคืนสีแดงโดยนักการเมืองระดับนำของพรรคฝ่ายค้าน อันเป็นกลุ่มคนที่ควรจะต้องรับผิดชอบทั้งทางอาญา และทางสิทธิมนุษยชนต่อการตายของประชาชนเมื่อปี ๒๕๕๓ ดังเช่นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สวมเสื้อแดงไปขึ้นปาฐกถาที่อาคารกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง แล้วนายกรณ์ จาติกวนิช กับนายเทพไท เสนพงษ์ ออกมากล่าวว่าสีแดงเป็นสีธงชาติใครก็ใช้ได้ ไม่ควรมีใครผูกขาด
โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์พยายามเรียกร้องให้สวมเสื้อแดงเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ฝ่ายค้าน และกลุ่มการเมืองหลังพิงสถาบันกษัตริย์ของนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อ้างว่าเป็นกฏหมายที่มุ่งอภัยโทษแก่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เหมือนดังว่ากลุ่มการเมืองที่ถูกคนเสื้อแดงตราหน้าว่าสังหารประชาชนในเหตุการณ์พฤษภา ๕๓ กำลังพยายามทำดีต่อผู้เสียหาย เพื่อที่จะแยกปลากับน้ำจากกันให้ได้ หลังจากที่ใช้ไม้แข็งทั้งก่อกวน และข่มขู่ให้เสื้อแดงแหยงมาแล้วไม่ได้ผล
ขนาดหมอตุลย์ที่ควรรักษาภาพของ “คนดีมีความรู้” ก็ยังหลงไปกับวิธีการก้าวร้าวต่างๆ ที่กลุ่มคนรักเจ้าแสดงไว้ตามโซเชียลมีเดีย ถึงกับหลุดออกมาในการลงข้อความโต้กับ อจ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ว่า"เลิก ๑๑๒ ให้ก็ได้ แล้วมึงกับพวกเอา .๓๕๘ ไปก็แล้วกัน"
บวกกับท่าทีใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ระหว่างการยึดสนามบินสุวรรณภูมิว่า “อาหารดี ดนตรีเพราะ” เดินทางไปกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศข้อหารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินนโยบายฆ่าตัดตอนในเหตุการณ์กรือแซะ และตากใบ*(4)
ตีความอย่างอคติก็ว่าเป็นการแก้เกี้ยวต่อการที่คดีฆ่า ๙๒ ศพซึ่งแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ไว้แล้วเป็นปี ขณะนี้คดีคืบหน้ารอเวลาอัยการศาลฯ เข้าไปไต่สวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเทศ
การ “อินเทร็นด์” ของปชป. จะช่วยเปิดช่องทางให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดการประกาศรับอำนาจศาลฯ เป็นการชั่วคราว ให้สองคดีแล่นฉุยทั้งคู่ รู้แล้วรู้รอดไป
เว้นแต่ถ้าตีความโดยพยายามทำความเข้าใจยุทธวิธีของฝ่ายค้าน ก็อ่านว่าเป็นการ “บลั๊ฟ” รัฐบาลไม่ให้เดินหน้าเรื่องการรับอำนาจศาลฯ ชั่วคราวที่ ส.ส. จารุพรรณ กุลดิลก พรรคเพื่อไทยยื่นกระทู้เรียกร้องไว้แล้ว*(5) คือถ้ารัฐบาลไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเป็นกังวลกับข้อหาระดับนานาชาติอีกหนึ่งคดี ก็อาจทำนิ่งเฉยกับการรับอำนาจศาลฯ ต่อไป
รูปการณ์ทางการเมืองขณะนี้ดูทีว่าฝ่ายประชาธิปัตย์ และจัดตั้ง (หมอตุลย์ + แก้วสรร + สายล่อฟ้า) กำลังเพลี่ยงพล้ำถลำลงอย่างต่อเนื่อง กำหนดเดินทางท่องสหรัฐของอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นเวลาสองสัปดาห์ รวมทั้งที่ได้มีการเตรียมต้อนรับอย่างมโหฬารจากกลุ่มเสื้อแดงในนครลอส แองเจลีส น่าจะเป็นสาเหตุให้ฝ่ายค้าน และฝ่ายแค้นของคุณทักษิณออกอาการแปลกๆ อย่างไม่น่าเชื่อในช่วงนี้
ภาวนาแต่ว่าอาการนุ่มๆ เนียนๆ ของท่านรองสมุหราชองครักษ์จะไม่ใช่เป็นวิธีแยกปลาออกจากน้ำด้วยเหมือนกัน นี่หมายถึงปลา ปชป. ที่กำลังจะเน่าคาข้อง กับน้ำดีของผู้มีความจงรักภักดีล้นพ้นทั้งหลายนั่นนะ
*(3)
รายละเอียดมติคณะรัฐมนตรีจาก http://www.eppo.go.th/admin/cab/cab-2555-03-06.html#7
*(4)
รายละเอียดตามข่าวเดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/politics/147274
*(5)
ดูเพิ่มเติมคำวิจารณ์ของ ส.ส.จารุพรรณ ที่https://twitter.com/ajarnjar