ที่มา มติชนออนไลน์
"อดิศร"เตรียมเปิด "ทีวีสีชมพู" เป็นฝาแฝดสถานีโทรทัศน์สีแดง ออกอากาศภายใน 2 สัปดาห์ "จตุพร" ซัดส.ว.สมชาย หมาลอบกับให้เปลี่ยนชื่อเป็นสมหญิง หลังออกมาระบุมีการใช้เงินกว่า 200 ล.ระดมเสื้อแดงชุมนุม ปชป.ปูด"แม้ว"จ้างล็อบบี้ยิสต์เพิ่มเล่นเกมการเมือง
"ดีสเตชั่น"เล็งเปิด"ทีวีสีชมพู"
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม นายอดิศร เพียงเกษ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ในฐานะประธาน บริษัท สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดี สเตชั่น จำกัด กล่าวว่า การปิดสถานีดี สเตชั่น ใช้กฎหมายโบราณปี 2498 มาดำเนินการ เข้าใจว่าข้อหาที่โดนอายัดอุปกรณ์น่าจะเป็นเพียงแค่มีอุปกรณ์บางตัวที่ใช้ในการออกอากาศโดยไม่ได้ขออนุญาต เหมือนมีปืนเถื่อนอยู่หนึ่งกระบอก แต่เราโดนยึดบ้านทั้งหลัง ดังนั้นจึงให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมสู้คดีอาญา เราจะสู้ทุกวิถีทางอย่างถึงที่สุด และเราจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งอายัดอุปกรณ์ของดี สเตชั่น คิดว่าระหว่างการต่อสู้ทางคดี จะเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสถานีใหม่ขึ้นมาอีกสถานีชื่อนิว ดี สเตชั่น เป็นสถานีแฝดเพื่อสำรองไว้หากอีกสถานีหนึ่งมีปัญหา
"ช่องแรกเราจะยังคงความเป็นสถานีโทรทัศน์สีแดง โดยจะมีรายการความจริงวันนี้เป็นรายการหลัก อีกช่องหนึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สีชมพู เป็นแฝดผู้น้องของสีแดงที่จะมีรายการวาไรตี้ รายการบันเทิง สกู๊ปต่างๆ มากเป็นพิเศษกว่าสถานีโทรทัศน์สีแดง แต่ทั้งสองสถานีจะคงความเข้มข้นในเนื้อหาของข่าวการเมืองเหมือนดี สเตชั่น ทุกประการ"นายอดิศรกล่าว และว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อจะให้ออกอากาศให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยทีมงานเตรียมออกอากาศด้วยสกู๊ปเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ รวมทั้งพลทหารที่ว่าลื่นล้มเสียชีวิตนั้นความจริงเป็นอย่างไร ประมาณ 12-16 ตอน เพื่อออกอากาศในวันเปิดสถานีทันที
"ณัฐวุฒิ"ปัดใช้200ล.ระดมแดง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ผ่านมามีการใช้เงินกว่า 200 ล้านบาท ว่า ยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่เคยทราบเรื่องเงินกว่า 200 ล้านบาท ในการระดมประชาชนมาร่วมชุมนุม โดยเฉพาะตนซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมาตลอด ยืนยันว่าการชุมนุมคนเสื้อแดงช่วงที่ผ่านมานั้นใช้งบประมาณไม่ถึง 200 ล้านบาทแน่นอน ขอเรียกร้องให้นายสมชาย พูดชื่อจริง นามสกุลจริง ของนาย "ก." และ น.ส. "ย." ที่อ้างว่าเป็นผู้ไปรับเงินที่สำนักงานแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การค้นหาความจริงครั้งนี้จะถือเป็นโอกาสดีของนายสมชาย ที่จะได้ผลงานชิ้นสำคัญ ที่อาจทำให้นายสมชายได้รับตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลชุดนี้ในการปรับ ครม.ครั้งหน้าด้วย แต่ในทางกลับกันที่นายสมชายพูด ตนก็มีข้อมูลว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมานั้นถูกสกัดกั้นอย่างหนักจากหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มคนที่ได้รับเศษอำนาจมาจากเผด็จการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และขยันขันแข็งในการทำหน้าที่เพื่อขอแบ่งรับเศษเนื้อจากเผด็จการ
"จตุพร"ให้ส.ว.ใช้ชื่อ"สมหญิง"
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า วิธีการของนายสมชายเหมือนหมาลอบกัด เพราะหากสมชายมีข้อมูลเรื่องนี้จริงก็น่าจะพูดตั้งแต่การประชุมร่วมรัฐบาลสภานัดพิเศษแล้ว เพื่อให้ตนมีโอกาสชี้แจงและสอบถามถึงข้อเท็จจริงว่าเป็นมาอย่างไร แต่นายสมชายกลับเลือกที่จะพูดอยู่กับพวกเดียวกันเอง ที่ทั้งคนตอบและคนถามเป็นพวกเดียวกันทั้งหมด
"เพื่อพิสูจน์ข้อมูลว่าที่นายสมชายพูดเป็นเรื่องจริง ก็ขอให้เปิดเผยชื่อจริงบุคคลที่อ้างว่าไปรับเงินนั้นเป็นใคร ไม่เช่นนั้นก็ขอให้นายสมชายไปเปลี่ยนชื่อเป็นสมหญิง แล้วคนเสื้อแดงจะนำผ้าถุงไปมอบให้ ขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรกับนายสมชาย เพราะนายสมชายเป็นคนหนึ่งที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งมารับตำแหน่ง และคนเสื้อแดงก็พร้อมที่จะเป็นโจทย์ หากจำเป็นต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อนายสมชายกล้าพูดก็ควรพูดให้หมด"นายจตุพรกล่าว
ปชป.ปูด"แม้ว"จ้างล็อบบี้ยิสต์อีก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกแถลงการณ์ว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการก่อความรุนแรงในการจลาจลที่ผ่านมาและจะใช้แนวสันติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ขอถามไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ 5 ข้อ คือ 1.เหตุใดในการโฟนอินระหว่างที่เกิดความรุนแรง พ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดการกระทำความรุนแรง 2.ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณจึงปลุกระดมให้เกิดความแตกแยกมาตลอด บอกให้คนเลือกข้างและยังจาบจ้วงสถาบันด้วย 3.ทำไมจึงให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศโดยดึงสถาบันเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมืองมาตลอด 4.การอ้างว่ารักประเทศชาติและคิดถึงเมืองไทยแต่ทำไมจึงเคลื่อนไหวซ้ำเติมประเทศชาติท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ ลดความน่าเชื่อถือสถาบันตุลาการและองคมนตรีอย่างต่อเนื่อง และ 5.การที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย อยากถามว่า ในสมัยที่เป็นรัฐบาลแต่เหตุใดจึงทำลายกลไกตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลทุกทาง ทั้งวุฒิสภาและองค์กรอิสระ ทำไมจึงคุกคามผู้ไม่เห็นด้วยและทำไมจึงละเมิดสิทธิมนุษยชน
"ยากฝากนายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไปถามว่ามีการจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพิ่มเติมเพื่อดำเนินการทางการเมืองหรือไม่ เพราะพรรคมีหลักฐานว่ามีการจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพิ่มเติม เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์และเข้าถึงการตัดสินใจของรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งใหญ่กว่า 4 บริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยจ้าง"นพ.บุรณัชย์กล่าว
"มาร์ค"ขำ"แม้ว"ปัดยุรุนแรง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ประชุมชี้แจงการสลายการชุมนุมกับแกนนำประชาชนในภาคเหนือ แต่ได้รับการต่อต้านว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่ทุกคนมีหน้าที่ให้ความจริงกับประชาชนรับรู้ เมื่อถามว่า ข้อกังวลของ ส.ว.ที่มีความกังวลต่อการแจกวีซีดีชี้แจงเหตุการณ์ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จะเพิ่มความขัดแย้งขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลักการชี้แจงจะต้องให้ความจริงเป็นหลัก
เมื่อถามว่า ส.ว.เป็นห่วงคนใกล้ตัวนายกฯจะยิ่งพูดเพิ่มความขัดแย้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การสัมภาษณ์ตอบโต้ไปมาก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง บางครั้งก็เลยเถิดไปเป็นการตอบโต้บ้าง ก็ให้ระมัดระวังและรักษาบรรยากาศของบ้านเมืองเอาไว้ ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของแกนนำคนเสื้อแดงในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ หากเป็นการชุมนุมตามปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลไม่ได้ประมาท คิดว่าขณะนี้สังคมส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่ต้องการให้บ้านเมืองย้อนกลับไปช่วงก่อนสงกรานต์อีก
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงการณ์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ยิ้มแล้วมองไปมา ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า มองการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ยอมตอบคำถาม และยังคงยิ้มต่อไป ผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า ต่อไปนี้จะไม่ตอบคำถามเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังคงยิ้มแล้วตอบว่า "ผมก็ยิ้ม" ผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ นายอภิสิทธิ์หัวเราะแต่ก็ไม่ตอบคำถาม
พท.ซัดทหารใช้"ขวาพิฆาตซ้าย"
ด้านนายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้นำประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือปฏิเสธการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า กองทัพประเมินความรู้สึกของประชาชนในต่างจังหวัดผิดอย่างมาก จึงเลือกใช้วิธีการแบบเดียวกับขวาพิฆาตซ้าย เหมือนเหตุการณ์ช่วงปี 2518-2519 แต่ลืมไปว่าปัจจุบันประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารทุกอย่างเป็นอย่างดี จึงปฏิเสธคำชี้แจงของกองทัพ เกมของ กอ.รมน.ผิดพลาดอย่างรุนแรง นอกจากจะไม่สามารถทำความเข้าใจกับชาวบ้านได้แล้ว ยังทำให้ชาวบ้านเชื่อมั่นว่าทหารคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากกองทัพยังดำเนินการแบบนี้จะยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ดี และอาจทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายหนักขึ้น
นายสถาพรกล่าวว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ดังนั้น กองทัพควรเรียกทหารกลับเข้ากรมกอง แล้วให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์การเมืองตรวจสอบให้ได้ข้อสรุปก่อนค่อยมาชี้แจง ถึงเวลานั้นทหารอาจจะต้องมาขอโทษชาวบ้าน
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การดำเนินการของ กอ.รมน.นั้น สงสัยว่าจะมีการแอบแฝงใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่กองทัพเคยอ้างว่าใช้ในโครงการอบรมเศรษฐกิจพอเพียง ไปดำเนินการสลายคนเสื้อแดงในภาคเหนือและภาคอีสาน ดังนั้น คณะกรรมาธิการการเงิน การคลังฯ จะเร่งตรวจสอบว่า กอ.รมน.ใช้งบประมาณในส่วนไหนในการเรียกผู้นำชาวบ้านมาอบรมสลายคนเสื้อแดง เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่ เท่าที่ทราบมานอกจาก กอ.รมน.จะเรียกผู้นำชุมชนมาฟังการชี้แจงแล้ว ยังเตรียมเรียกแม่บ้านและอาสามัครสาธารณสุข (อสม.) มาด้วย
"เกียรติกร"กลับลำเตือนม็อบแดง
นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า ที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมในวันที่ 6 และ 10 พฤษภาคม อยากขอร้องประชาชนไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะเกรงว่าจะมีมือที่สามอาจสร้างสถานการณ์รุนแรงวุ่นวาย ประชาชนอาจจะนำชีวิตมาทิ้งตกเป็นเหยื่อทางการเมืองได้ จากนั้นอาจมีการโยนความผิดเพื่อนำประเทศสู่ห้วงเหววังวนเผด็จการ และตกต่ำยากแก่การกอบกู้สถานการณ์ ขอให้ประชาชนอยู่ในบ้านโดยสงบและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มี 2 มาตรฐานแน่นอน
นายเกียรติกรกล่าวว่า การรวมตัวของคนเสื้อแดงจะเป็นการยั่วยุที่จะเข้าทางแผนการของกลุ่มกลุ่มหนึ่ง ที่เมื่อเกิดเหตุรุนแรงบานปลายจะเข้ามามายึดครองประเทศชาติ โดยมีแผนการณ์ให้คนเสื้อแดงเข้ามาให้มากที่สุดและนำเหตุการณ์เข้าสู่การปฏิวัติรัฐประหารในที่สุด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ก็ไม่ควรกล่าวถึงคนเสื้อแดงเป็นคอมมิวนิสต์และเดินเกมใต้ดิน เพราะหมดยุคแล้ว
"เทพไท"เชื่อมีพคท.หลงยุค
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มซ้ายเก่าหรืออดีตแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังมีความฝันเรื่องลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่ เป็นพวกหลงยุค หรือไดโนเสาร์ทางการเมือง เป็นเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นไม่น่าจะได้รับการยอมรับจากสังคม
"พวกนี้พยายามฉวยโอกาสที่ประเทศไทยยกเลิก พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ เคลื่อนไหวอย่างเสรี บางคนถึงขั้นประกาศจัดตั้ง พคท.ขึ้นมาต่อสู้ทางการเมือง กลุ่มของไทยรักไทยเก่ามีคนส่วนหนึ่งมีความคิดแบบนี้ แต่ไม่กล้าประกาศตัวกลัวจะรับกระแสตอกกลับจากสังคมไม่ได้ แต่อาจใช้คนเก่าๆ ที่เหลืออยู่เคลื่อนไหวเป็นตัวแทน"นายเทพไทกล่าว และว่า สำหรับนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำ นปช. ที่ประกาศต่อสู้ด้วยอาวุธ แนวคิดนั้นสอดคล้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ นายจักรภพเคยถูกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สังคมสงสัยว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่นิยมในลัทธินี้หรือไม่
อดีตพคท.ยันไม่ฝักใฝ่การเมือง
ที่ จ.นครราชสีมา นายประพาส โงกสูงเนิน หรือสหายเสก ประธานสภาประชาชน 4 ภาค และอดีตแนวร่วม พคท. กล่าวว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีแนวร่วมคอมมิวนิสต์เข้ามาเคลื่อนไหวด้วยนั้น มองว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากการเคลื่อนไหวของแนวร่วมคอมมิวนิสต์จะมีรูปแบบและกฎเกณฑ์ที่แน่นอน รวมถึงมีระเบียบวินัย หากจะใช้ความรุนแรงในการต่อต้านรัฐบาลช่วงนี้คงเป็นไปไม่ได้ ปัจจุบันเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อปากท้องของตนเองและสมาชิก ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งสีเหลือง สีแดง หรือสีน้ำเงิน
นายสุเนตร แก้วคำหาร ที่ปรึกษากลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และอดีตทหารปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) กล่าวว่า หลังนโยบาย 66/23 เกิดขึ้น พรรคคอมมิวนิสต์เลิกราไปแล้ว การใช้ยุทธวิธีคอมมิวนิสต์นั้นจะไม่มีอีกต่อไป
ด้าน นายเขื่อนเพ็ชร โพนรัมย์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โคราช และอดีตแนวร่วมคอมมิวนิสต์ ยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงในนามกลุ่ม นปช.โคราช ไม่เคยมีความคิดเรื่องการต่อสู้ด้วยการใช้กำลังอาวุธ ยืนยันใช้สันติวิธี การปฏิบัติ 2 บรรทัดฐานของรัฐบาลเปรียบเสมือนมือหนึ่งยื่นดอกไม้แต่อีกข้างถือมีด ดังนั้น รัฐบาลต้องหยุดการสร้างความแตกแยก
"สุเทพ"มั่นใจไม่มีป่วนอาเซียน
เช้าวันเดียวกัน ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พร้อมตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปร่วมประชุมเตรียมความพร้อมการประชุมผู้นำอาเซียน +3 และ +6 ที่ จ.ภูเก็ต
ต่อมา นายสุเทพ พร้อม พล.อ.ประวิตร และคณะร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.ภูเก็ต ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อรับทราบข้อมูลถึงความพร้อมในการเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 โดยมีนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะต้อนรับ จากนั้น นายสุเทพและคณะร่วมตรวจสภาพภูมิประเทศทางอากาศ โดยเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง สรุปผลการปฏิบัติการตรวจภูมิประเทศ และหารือถึงโรงแรมที่คาดว่าจะใช้เป็นสถานที่ประชุม นอกจากนี้จะประชุมร่วมกับผู้นำท้องถิ่นด้วย
นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ชุมนุมมาขัดขวางการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากชาวภูเก็ต และ 14 จังหวัดภาคใต้มีความคิดเหมือนคนทั้งประเทศที่อยากเห็นการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งลักษณะภูมิประเทศของภูเก็ตเอื้อต่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย และรัฐบาลมอบให้กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำอาเซียน โดยกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ดูแลการวางแผนและรายละเอียดทั้งหมด