WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 8, 2009

"จตุพร"ลั่นแฉภาพชุด"มาร์ค"ไม่ได้อยู่ในรถถูกทุบที่มท. นายกฯ ซัด"แกนนำแดง"บิดเบือนความจริง

ที่มา มติชนออนไลน์

"จตุพร"เตรียมเปิดภาพชุด"มาร์ค-สุเทพ"ไม่ได้อยู่ในรถถูกทุบที่มหาดไทย 10 พ.ค. ดิ้นขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนคดีเสิ้อแดง "มาร์ค"ชี้แกนนำนปช.บิดเบือนความจริง ยันนั่งอยู่ในรถเบนซ์จริง "นิพนธ์"ย้ำที่ก.มหาดไทย ทั้ง"อภิสิทธิ์-สุเทพ"นั่งอยู่ในรถ มีพยานเพียบ

"อริสมันต์"ขู่ยกขบวนเสื้อแดงบุกอาเซียนภูเก็ตอีก

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า เป็นแกนนำที่ถูกควบคุมตัวในเหตุการณ์ความวุ่นวายที่พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ซึ่งในเหตุการณ์นั้นยืนยันได้ว่าคนเสื้อแดงไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการประชุม แต่เป็นเพราะคนเสื้อแดงถูกทำร้ายจากคนเสื้อน้ำเงินก่อน จึงจำเป็นต้องป้องกันตัวและทวงถามความเป็นธรรม โดยต้องการเพียงยื่นหนังสือให้ผู้นำประเทศต่างๆ รู้ถึงพฤติกรรมของรัฐบาลไทย ซึ่งในวันนั้นคนเสื้อแดงได้แจ้งความไว้กับทางเจ้าหน้าที่กรณีคนเสื้อน้ำเงิน ที่เรามีหลักฐานเป็นอาวุธ ระเบิดและเสื้อสีน้ำเงินนับพันตัวที่เรายึดเอาไว้ได้ แต่จนขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆกับคนเสื้อน้ำเงิน แต่สำหรับคนเสื้อแดงนั้นกลับถูกดำเนินการอย่างเคร่งครัด ซึ่งถ้ารัฐบาลยังไม่ดำเนินการอะไรกับคนเสื้อสีน้ำเงิน เราจะรวบรวมเอกสารหลักฐานเป็นภาษาอังกฤษแล้วยื่นต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติ รวมไปถึงยื่นถึงผู้นำประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่กำลังจะมาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนอีกครั้งที่ จ.ภูเก็ต


"หากรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการใดๆ กับคนเสื้อสีน้ำเงิน ผมก็ไม่มั่นใจว่าคนเสื้อแดงภูเก็ต และคนเสื้อแดงในภาคใต้ จะดำเนินการอย่างไรกับรัฐบาลในช่วงที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งพวเราไม่เคยคิดที่จะขัดขวางการประชุมใดๆในประเทศนี้ แต่ต้องการเพียงแสดงออกตามสิทธิ์ที่เรามีเท่านั้น" นายอริสมันต์กล่าว

แกนนำดิ้นขอเปลี่ยนตัว“พนักงานสอบสวน"คดีเสื้อแดง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะ แกนนำเสื้อแดง กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า ขณะนี้ตนกำลังหารือกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนที่ทำคดีคนเสื้อแดง ตั้งแต่หัวหน้าทีมสอบสวน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบ.ชน.เพราะเราไม่เชื่อว่า จะดำเนินการอย่างเป็นธรรมตามกฎหมาย เพราะจนป่านนี้ยังไม่มีการสอบพยานคนเสื้อแดงแม้แต่ปากเดียว นอกจากนี้ทีมสอบสวนยังมีพฤติกรรมเหยียบย้ำคนเสื้อแดง และขอบอกว่าเลยตนไม่เคยกลัวตำรวจกังฉินพวกนี้ และไม่เคยเชื่อว่าคุกจะมีไว้แค่ขับคนเสื้อแดง แต่คุกก็สามารถขังตำรวจเลวๆเหมือนกัน

"จตุพร"ตีปี๊บภาพชุดแฉ"มาร์ค"ไม่อยู่ใน"รถถูกทุบ"

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า ขณะนี้มีผู้กำลังทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐทหาร เพราะทุกกระบวนการตั้งแต่การรักษาการประชุมระดับอาเซียน จนถึงการเข้าไปมีส่วนกับเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างพ่อค้าแม่ค้าย่านพัฒพงษ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ที่นำโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ซึ่งในงานวันที่ 10 พ.ค. ตนจะเปิดเผยภาพหลายภาพที่จะทำให้เห็นความจริงหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคนเสื้อแดงถูกกล่าวหาว่าทุบรถยนต์นายกรัฐมนตรี

“ ตนมีภาพชุดที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน มาแสดงในวันที่ 10 พ.ค. เพื่อให้เห็นว่าในวันนั้นนายอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี)กับนายสุเทพ (เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี) ได้เปลี่ยนรถยนต์แล้วเดินทางออกไปอีกทางหนึ่ง โดยให้รถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรออยู่ให้ทหารใส่เสื้อแดงมาสร้างสถานการณ์ ซึ่งเมื่อมีการออกหมายจับคนเสื้อแดงที่ทุรถยนต์นายกรัฐมนตรีแล้วยังพบว่าบางคนอยู่ในกรมทหารด้วยซ้ำไป เพราะในทางการข่าวที่ตนได้ทราบมาพบว่าในจำนวนคนเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับนั้น 8-9 คนมาจากกองทัพบก แล้วอีกส่วนหนึ่งมาจากกองทัพเรือที่ตำรวจยังไม่กล้าออกหมายจับด้วยซ้ำ โดยจะเป็นการเปิดโฉมหน้าจอมลวงโลกครั้งสำคัญ เพราะในภาพจะอธิบายลยละเอียดมุมกล้อง การวง การซูมและการตัดต่ออย่างชัดเจน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า ภาพชุดที่ตนจะนำมาเปิดเผยนั้นจะค่อยๆเปิดทีละช็อตๆ และรายละเอียดทั้งหมดเพื่อขับเท็จนายอภิสิทธิ์ เป็นข้อๆ ซึ่งในภาพที่ตนจะมีปรากฎชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ได้ใช้เทคนิคขั้นสูงในการเปลี่ยนรถยนต์อย่างกระทันหัน โดยที่ผู้สื่อข่าวติดตามนายกฯก็ไม่ทันเห็น นอกจากนี้ชุด รปภ.นายกรัฐมนตรียังไม่ได้พยายามที่จะปกป้องอะไรรถยนต์ของนายกรัฐมนตรีเลย นอกจากนี้ยังจะเห็นว่าเพราะเหตุใดรถยนต์ของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ทำไมที่กระทรวงมหาดไทย ทั้งๆที่นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพได้เดินทางออกจากระทรวงมหาดไทยไปแล้วกว่า 2 ชั่วโมง

ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กล่าวว่า ตนเป็นแกนนำที่ถูกออกหมายจับจากเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว รวมทั้งคนเสื้อแดงคนอื่นๆ ที่ถูกออกหมายจับด้วย แต่ปรากฎว่ามีคนเสื้อแดงที่ทุบรถยนต์นายกรัฐมนตรี ถูกออกหมายจับเหมือนกัน แต่ยังไม่เข้ามามอบตัว ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตุว่าหากเป็นคนเสื้อแดงจริงก็น่าที่จะเข้ามามอบตัวตามกฎหมายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์แล้ว

"ณัฐวุฒิ"งัดคำวินิจฉัยกฤษฎีกาสู้"สาทิตย์"ปิดทีวี

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดี สเตชั่นเป็นไปตามอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ว่า ได้ไปตรวสอบเอกสารต่างๆ แล้วพบว่ามีบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ตอบคำถาม กทช.เรื่องอำนาจหน้าที่ของ กทช. ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ในเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งแม้จะไม่มีบัญญัติชัดเจนถึงสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม แต่ก็อ่านได้ความว่า กทช.นั้นไม่มีอำนาจในการปิดสถานีโทรทัศน์ใดๆ

แกนนำเสื้อแดง ประกาศแฉนายกฯจัดฉาก 10 พ.ค. นี้

นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ว่า การชุมนุมวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.ที่สนามใกล้วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง มีการปราศรัยหัวข้อ “ความจริงวันนี้ ใครทำร้ายประเทศไทย” เพื่อเป็นการตอกย้ำแนวทางสมานฉันท์สันติตามที่สังคมต้องการ ยืนยันไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ขึ้นรถกันกระสุนที่กระทรวงมหาดไทย แต่เป็นการจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกันนี้จะยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศที่จะเข้าร่วมประชุมอาเซียนผ่านสถานทูต เพื่อชี้แจงเหตุวุ่นวายที่พัทยา แต่จะไม่ไปชุมนุมหรือขัดขวางการประชุมอาเซียนที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน

"เทพไท"อัด"จตุพร"อย่าโยนบาป"ทหาร"

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ออกมาระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้ากระทรวงมหาดไทยที่ผ่านมาเป็นการจัดฉากโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่ในรถคันที่ถูกคนเสื้อแดงทุบรถ โดยคิดว่าไม่น่าจะนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองและคิดว่าเป็นการหาเหตุผลเพื่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องมีการรวบรวมหลักฐานมาชี้แจงให้ประชาชนและนายจตุพรได้รับทราบ


ส่วนกรณีที่ นายจตุพร ระบุว่า ผู้ที่ทุบรถของนายกรัฐมนตรีเป็นนายทหารที่สวมใส่เสื้อแดงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการตรวจสอบ อยางไรก็ตาม นายจตุพร ไม่ควรโยนความรับผิดชอบว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้ตนเองพ้นผิด เนื่องจากเป็นผู้ปลุกระดมกลุ่มคนเสื้อแดงจนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง


"มาร์ค"แปลกใจแกนนำแดงบิดเบือนความจริง


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้สร้างสถานการณ์ทั้งเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยและเมืองพัทยาที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำเซียนเมื่อวันที่ 11 และ12 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองก็นั่งอยู่ในรถยนต์ประจำตำแหน่งที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทุบที่กระทรวงมหาดไทย โดยส่วนตัวรู้สึกแปลกใจที่ แกนนำ นปช. หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นโจมตี เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงเพราะมีหลักฐานพยานต่างๆ ที่ยืนยันว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์จริง นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีการยึดสถานีดีสเตชั่นส่วนการออกอากาศสามารถทำได้แต่ต้องขออนุญาตจดทะเบียนต่อสัญญาณจากต่างประเทศซึ่งหากไม่ขัดต่อกฎหมายของไทยก็สามารถออกอากาศได้


"นิพนธ์"เบื่อ"จตุพร"พูดซ้ำซาก ยันนายกฯนั่งในรถถูกทุบ

นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. โดนยืนยันว่า เหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงกรูเข้าทุบรถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย มีนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง นั่งอยู่ภายในรถขณะนั้นด้วย ไม่ได้ทุบรถเปล่าตามที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมากล่าวหา เพราะมีสักขีพยานนับพันคน รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่เห็นเหตุการณ์ ทั้งนี้ ยอมรับว่า รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะตอบคำถามนี้ เพราะเรื่องที่นายจตุพร พูดนั้นไม่เป็นความจริง และไม่น่าจะจับมาเป็นประเด็น


โฆษกทบ.งง"จตุพร"กล่าวหา"ทหาร"สวมรอยทุบรถนายกฯ

ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ปฏิเสธ กรณีที่นายจตุพร อ้างว่ามีทหารสวมรอยใส่เสื้อแดงเข้าทุบรถยนต์ของนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ว่า ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุมีกำลังทหารจำนวนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่อยู่รอบนอก ซึ่งทุกนายสวมชุดลายพราง อย่างไรก็ตาม กองทัพไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถพิสูจน์ได้ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกงง และไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของการออกมากล่าวหา

"ตู่"อ้างทหารแฝงแดงทุบรถนายกฯ

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอเตือนตำรวจที่ตั้งข้อหาคนเสื้อแดงอันเป็นเท็จว่าจะได้รับการตอบโต้อย่างสาสม

นายจตุพรกล่าวว่า ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยเป็นฝีมือของรัฐบาล จากการติดตามสืบทราบรวมทั้งดูภาพวิดีโอและภาพนิ่งแล้วทำให้รู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไม่ได้อยู่ในรถคันที่ถูกทุบเพราะมีการเปลี่ยนขึ้นรถออกไปจากกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้ ที่น่าผิดสังเกตคือหากนายกฯอยู่ในรถจริงทีม รปภ.ก็คงไม่เปิดกระโปรงท้ายรถเพื่อโยนของเข้าไปในรถง่ายๆ แน่

"คนที่ทุบรถซึ่งถูกตำรวจออกหมายจับล็อตแรกกว่า 20 คนนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นทหาร ขอท้าให้ตำรวจออกหมายจับให้ครบทุกคน จะได้ทราบว่ามีทหารสวมเสื้อแดงจำนวนมากเข้ามาสร้างสถานการณ์ทุบรถ ซึ่งการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ที่วัดไผ่เขียว ตนจะแฉเรื่องราวทั้งหมด" นายจตุพรกล่าว

"พท."ยื่นป.ป.ช.สอบสลายม็อบ

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา โดยขอให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สั่งการดังกล่าว โดยนำภาพถ่ายที่อ้างว่าเป็นภาพคนเสื้อแดงถูกทหารทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ และวีซีดี 2 แผ่นที่บรรจุคลิปวิดีโอเหตุการณ์วันดังกล่าวโดยอ้างว่าได้รับมาจากสื่อมวลชนต่างชาติและช่างภาพอิสระ มามอบให้กับ ป.ป.ช.เพื่อประกอบการตรวจสอบด้วย

นายนพฤทธิ์กล่าวว่า ส่วนที่ไม่ไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่สภาตั้งขึ้น เพราะคณะกรรมการดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาและยื่นข้อเสนอแนะเท่านั้น ไม่มีอำนาจตามกฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดเหมือน ป.ป.ช.

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต นำตัวนายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ฉายา แรมโบ้อีสานŽ แกนนำ นปช. ผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาส่งมอบให้กับอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เพื่อพิจารณาสั่งคดี โดยอัยการนัดฟังคำสั่งในวันที่ 13 พฤษภาคม

กทช.แจงสภาไม่เกี่ยวปิด"ดีสเตชั่น"

วันเดียวกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ประจำปี 2551 ปรากฏว่า ส.ส.หลายคนจากพรรคประชาธิปัตย์สอบถามถึงการจัดระเบียบวิทยุชุมชน และกรณีหมิ่นสถาบันทางเว็บไซต์ ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยสอบถามถึงการปิดสถานีดี สเตชั่นและการปิดวิทยุชุมชน

นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการ กทช. ชี้แจงว่า กรณีเคเบิลทีวี และวิทยุชุมชนตามหลักไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ กทช. แต่เผอิญว่า พ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงวิทยุและกิจการโทรทัศน์ 2551 ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2551 ยกเลิกอำนาจองค์กรรัฐเดิมที่กำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ โดยมีบทเฉพาะกาลให้อำนาจ กทช.ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตเป็นการชั่วคราวอายุ 1 ปี ให้วิทยุชุมชน และสถานีโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่น และกำหนดให้ กทช.ตั้งคณะกรรมการ 2 คณะ เพื่อช่วย กทช.ทำงานด้านวิทยุชุมชน และโทรทัศน์ไม่ใช้คลื่น ซึ่งคณะกรรมการทำเกณฑ์เสร็จแล้ว โดยวันที่ 11 พฤษภาคม จะรับฟังความเห็นสาธารณะในส่วนวิทยุชุมชน ส่วนโทรทัศน์ไม่ใช้คลื่นจะจัดเดือนหน้า คาดว่าจะออกระเบียบดังกล่าวได้เร็วๆ นี้

นายเศรษฐพรกล่าวว่า ส่วนดี สเตชั่น เป็นการแพร่ภาพผ่านดาวเทียม จึงไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ กทช. และ กทช.ไม่เคยไปปิดสถานีไทยคม มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคที่ไปให้ข้อมูลกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เท่านั้น การปิดดี สเตชั่นเท่าที่ทราบคือไอซีทีที่ขอความร่วมมือไปยังสถานีไทยคมให้ปิดการส่งสัญญาณ ส่วนเรื่องเว็บไซต์หมิ่นสถาบันนั้นอยู่ในการดูแลของไอซีที ส่วนกิจการวิทยุโทรทัศน์ ยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแล จึงเป็นสุญญากาศอยู่ แต่ถ้าทำผิด ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายนั้นๆ ได้โดยไม่ต้องรอ กสช.

นายกฯวอนท้องถิ่นสยบขัดแย้ง

วันเดียวกัน ที่ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้วประเทศ กว่า 1,000 คน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการŽ ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันฉัตรมงคลที่ผ่านมาทุกคนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าวันนั้นคนไทยรู้สึกประทับใจยิ่งในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เพื่อให้เกิดความสมานสามัคคีปรองดองสมานฉันท์

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศไทยประกอบด้วยองค์กรหลายระดับ ทั้งส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ถ้าแก้ปัญหาจากภาพย่อยไปสู่ภาพใหญ่ ก็จะทำให้ปัญหาในภาพใหญ่ไม่ยากที่จะแก้ไข ถ้าทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเริ่มจากท้องถิ่น เราทุกคนจะหาทางออกได้ เช่นปัญหาทางการเมืองที่เกิดความขัดแย้ง เราสามารถรณรงค์เฉพาะพื้นที่ได้ เพื่อสร้างความสมานสามัคคี โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตกันมานานในพื้นที่เดียวกัน จะมีโอกาสง่ายกว่าการทำในระดับชาติ

"สุเทพ"จี้ผู้ว่าฯให้ความรู้ปชต.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวมอบนโยบายในหัวข้อ "การเสริมสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงของประเทศไทย"ตอนหนึ่งว่า อยากเห็นโครงการการปลูกฝังอุดมการณ์ประชาธิปไตย ในช่วง 60-70 ปีที่ผ่านมา ประชาธิปไตยยังไปไม่ไกลเท่าไรเพราะคนมีความสับสน และต่อไปจะยิ่งสับสนมากขึ้นเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคนพยายามแปลงสาร บิดเบือนประชาธิปไตยให้เป็นไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์กับตนมากที่สุด นี่คือสิ่งที่น่าห่วง

"อยากฝากให้ผู้ว่าฯจัดทำโครงการให้ความรู้ความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ประชาชนเกิดความรักและหวงแหนในประชาธิปไตย ระบบของเราไม่เหมือนที่อื่น เพราะเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ขณะนี้มีคนคิดถึงระบอบประชาธิปไตยแบบอื่น ดังนั้น ในแผนงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต้องให้ประชาชนแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์" นายสุเทพกล่าว และว่า ตัวอย่างโครงการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในอดีต อาทิ โครงการลูกเสือชาวบ้านที่ทำให้แนวคิดคอมมิวนิสต์ยุติลง โครงการสมัชชาประชาชน โครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ทำให้คนไทยรักความเป็นไทย

ผู้ว่าฯชลบุรีเชื่อไม่ถูกแกล้ง

ส่วนกรณีการโยกย้ายผู้ว่าราชการนอกฤดู 7 ตำแหน่งนั้น นายสุเทพย้อนถามผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวไปร่วมจัดโผโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดที่อาคารศิริภิญโญว่า ตนเดินทางไปอาคารศิริภิญโญเมื่อไหร่ ผู้สื่อข่าวระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุเทพกล่าวว่า ไม่จริง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ไป เคยเดินทางไปเมื่อตอนจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น เมื่อถามว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า รู้ ทราบ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของตน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ด้านนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เป็นสิทธิของผู้บังคับบัญชาหากเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องครบถ้วน ก็โยกย้ายได้ เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในการทำงานคงไม่มีใครทำได้ครบทั้ง 100% แต่ไม่ได้รู้สึกน้อยใจตนยึดมั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีแบ่งสีแบ่งข้าง

"ผมเชื่อว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง และไม่หมดกำลังใจ เป็นข้าราชการนั้นต้องมั่นคงและอดทน การที่ผมย้ายไป จ.ฉะเชิงเทรานั้น ต้องขอบคุณท่านรัฐมนตรี เพราะถือว่าท่านยังมีเมตตา"นายสุรพลกล่าว

เมื่อถามว่า มองว่าไม่ถูกย้ายไปไกลๆ เพราะสนิทสนมเป็นส่วนตัวกับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชหรือไม่ นายสุรพลกล่าวว่า ตนรู้จักและเคารพนายเสนาะ แต่เชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับนายเสนาะ เมื่อถามย้ำว่า นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าผู้ว่าฯไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานเหมือนใส่เกียร์ว่าง นายสุรพลกล่าวว่า ตนไม่เคยใส่เกียร์ว่าง หากว่าใส่เกียร์ว่างก็พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

ผู้ว่าฯน่านแฮปปี้นั่งรองอธิบดีปค.

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมการปกครองว่า ไม่คิดว่าเป็นเรื่องการเมือง แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามความเหมาะสม ตนไม่ขัดข้องและคิดว่าตำแหน่งรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นงานถนัด เพราะเคยเป็นผู้อำนวยการกองในกรมนี้มาก่อน แม้จะมองกันว่าย้ายไปเป็นรองอธิบดีอาจเป็นการลดชั้น แต่กรมนี้เป็นกรณีพิเศษ เป็นกรมใหญ่ที่ต้องอาศัยผู้มีความสามารถเข้าไปทำ ผู้ว่าฯที่มีอายุมากแล้วอาจไม่ชอบตำแหน่งนี้ แต่ผู้บังคับบัญชาคงต้องการคนอายุน้อย ซึ่งตนมีอายุ 53 ปี จะเข้าไปแสดงฝีมือตามความเหมาะสม

ด้านว่าที่ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว จ.แพร่ กรณีถูกย้ายไปเป็นนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทยว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รู้สึกอะไร กลับดีเสียอีกที่จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ ถือเป็นการพักผ่อน
ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา มีชาวบ้านกว่า 300 คน ถือดอกไม้และป้ายผ้าให้กำลังใจนายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่จะย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน โดยมีนายสุขสันต์ วนะภูติ รองผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ลงมารับมอบดอกไม้แทน พร้อมแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่านายวีรวิทย์ติดราชการอยู่กรุงเทพฯ ชาวบ้านจึงสลายตัวไป ทั้งนี้ กลุ่มผู้มาให้กำลังใจส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของคนในตระกูลฉายแสง