ที่มา ประชาไท
ม็อบเสื้อแดงประกาศชุมนุมยืดเยื้อ10พ.ค.
เว็บไซต์สยามรัฐ : นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.ที่สนามใกล้วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง มีการปราศรัยหัวข้อ “ความจริงวันนี้ ใครทำร้ายประเทศไทย” เพื่อเป็นการตอกย้ำแนวทางสมานฉันท์สันติตามที่สังคมต้องการ ยืนยันไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ขึ้นรถกันกระสุนที่กระทรวงมหาดไทย แต่เป็นการจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พร้อมกันนี้จะยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศที่จะเข้าร่วมประชุมอาเซียนผ่านสถานทูต เพื่อชี้แจงเหตุวุ่นวายที่พัทยา แต่จะไม่ไปชุมนุมหรือขัดขวางการประชุมอาเซียนที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดบันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ชี้ว่า กทช.ไม่มีอำนาจปิดดีสเตชั่น เรียกร้องรัฐบาลคืนวิทยุชุมนุมและดีสเตชั่นกลับคืนมาอีกครั้ง
รมว.มหาดไทย เผย กกต.ยกคำร้องฟันนามบัตร "บุญจง" ลั่นความยุติธรรมมีจริง
เว็บไซต์แนวหน้า : นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ไม่มีความผิดในการแจกเงินพร้อมนามบัตรที่บ้านพักในจังหวัดนครราชสีมานั้น นายชวรัตน์กล่าวว่า ต้องเชื่อว่าความยุติธรรมมีจริง เพราะว่าคนที่ไม่มีความผิดได้รับการตัดสินที่ถูกต้อง ตนก็มีความยินดี และเชื่อว่าการตัดสินคดีนี้ มีความละเอียดอ่อน
"อภิสิทธิ์"รับหวัดใหญ่2009กระทบศก.
เว็บไซต์คมชัดลึก : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการระบุว่า ไทยอาจจะได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า สิ่งที่ต้องติดตามคือแนวโน้มของการแพร่ระบาด เพราะตัวเลขอย่างกรณีของเม็กซิโกอาจมีแนวโน้มคงที่ แต่โดยธรรมชาติของโรคลักษณะนี้ก็จะเริ่มไปปรากฎในประเทศต่างๆ แต่ถ้าสามารถช่วยกันดูแล และมีมาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้ขยายตัวก็คิดว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะจำกัดในระดับหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนครั้งนี้จะช่วยลดความสูญเสียทางด้าเศรษฐและสังคมได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มาตรการที่มาตกลงกัน โดยเฉพาะในการเฝ้าระวังติดตาม ตรวจสอบ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ อย่างน้อยที่สุดถ้ามีกรณีนี้เกิดขึ้นในภูมิภาค ก็ช่วยจำกัดในการแพร่ระบาดได้ เป็นผลดีกับทุกประเทศ
เมื่อถามว่าไทยจะได้รับผลกระทบมากที่สุดตามที่มีการวิเคราะห์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังพูดยาก ว่าไทยจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนประเทศไหนพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว มีคนเดินทางเข้ามามากย่อมได้รับผลกระทบมากกว่า สำหรับความร่วมมือหลังจากการประชุมครั้งนี้เข้าใจว่าเสร็จจากการประชุมคงมีแถลงการณ์ออกมาและมีการกำหนดมาตรฐานต่างๆ และรัฐบาลทุกประเทศมีหน้าที่ในการติดตาม และเราในฐานะที่จะต้องเป็นประธานจัดการประชุมอาเซียน + 3 + 6 ในเดือนมิถุนายนก็มีการติดตามได้อีกระดับผู้นำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เราสามารถดูแลให้การประชุมครั้งนี้ให้เกิดความเรียบร้อยจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นกในการประชุมอาเซียน + 3+6 ที่ภูเก็ตได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทั่วโลกจะได้เห็นว่าเราได้นำสภาวะต่างๆ กลับเข้าสู่ความเป็นปกติ และดูแลความปลอดภัยให้สะดวกที่สุด
อภิสิทธิ์ย้ำใช้พรบ.ความมั่นคงฯประชุมผู้นำอาเซียนไม่นาน
เว็บไซต์สยามรัฐ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ที่ จ.ภูเก็ต ว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายและความจำเป็นในการบังคับใช้ รวมทั้งประเมินสถานการณ์ โดยกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ
“หากประกาศใช้ คงไม่ใช้นานเกินไป และจะใช้ในพื้นที่ที่จำเป็นในช่วงที่เห็นว่ามีความเหมาะสม หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงความจำเป็นในการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ว่า มี 2 ประเด็น คือ เพื่อให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มีบทบาทในการสั่งการหน่วยงานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และมีอำนาจในการควบคุมการเดินทางในเส้นทางคมนาคมบางเส้นทางที่มีความจำเป็น รวมถึงการเข้า-ออกเคหะสถาน แต่ทั้งหมดต้องดูให้สอดคล้องกับสถานการณ์และกฎหมาย รวมถึงมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ลงลึกในรายละเอียดว่าจะบังคับใช้ในพื้นที่ใดบ้าง
“ถ้าจะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่มีประเทศสมาชิกร้องขอให้ดำเนินการแต่อย่างใด รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องการเครื่องมือเพียงพอในการดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจ และขณะนี้ประเทศที่จะเข้าร่วมประชุม ส่วนใหญ่ตอบรับ รอเพียงการยืนยันอีกครั้งเท่านั้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ปชป.เสนอขยายเวลาทำงานชี้45วันรับฟังไม่รอบด้าน
ASTV ผู้จัดการรายวัน : นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯวางกรอบการทำงาน 45 วัน ส่วนตัวเห็นว่า กรอบเวลาน้อยเกินไป เพราะการรับฟังความเห็นของประชาชนต้องทำหลายด้าน ซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นถ้าคณะกรรมการฯไม่สามารถทำได้ทันก็ต้องขยายเวลาออกไป เพราะถ้าเร็วแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ตามที่ประชาชนต้องการ การยืดเวลาการทำงานออกไป 3-4 เดือนเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้ได้ก็ถือว่าคุ้ม
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กรรมการสมานฉันท์ฯ ในสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าข้อสรุปของคณะกรรมการจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การกำหนดกรอบเวลาทำงานของคณะกรรมการไว้ 45 วัน คงไม่ง่ายที่จะเสนอแนวทางแก้ไขความขัดแย้ง และนำสังคมกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ ดังนั้น ประธานรัฐสภาจะต้องวางกรอบอย่างเป็นรูปธรรม ในแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองต่อไป
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว่าแนวคิดของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันทฯที่ระบุว่า ยังไม่ควรมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ทำให้ตนเป็นห่วงแนวคิดของนายเสนาะ เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของนักการเมือง ส.ส. หรือ ส.ว. หากไม่มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน อาจเกิดปัญหาได้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้มีการทำประชามติ และมีประชาชน 14 ล้านเสียง ที่ให้การยอมรับ
ผมไม่อยากให้คณะกรรมการชุดดังกล่าว ทำการขีดเส้นกรอบการดำเนินการ ว่า จะต้องให้เสร็จสิ้นภายใน 45 วัน เพราะจะเป็นการปิดประตูตีแมว ปิดกั้นข้อเสนอ และสร้างความกดดันของแต่ละฝ่ายที่จะเข้ามา
ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภายในที่ประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ฯว่า การปฏิวัติ คือต้นเหตุของปัญหาวิฤตทางการเมือง ตนมองว่าเป็นการพูดตัดตอนทางการเมืองของนายสมศักดิ์ เนื่องจากก่อนที่จะมีการปฏิวัติ ได้เกิดวิกฤต ทางการเมือง อันเกิดมาจากความเข้มแข็งเกินไป มีการรวบรวมพรรคการเมือง และปฏิเสธการตรวจสอบ แทรกแซงองค์กรอิสระ มีการทุจริตเชิงนโยบาย จนทำให้เกิดการ ปฏิวัติ ซึ่งระบุว่า การปฏิวัติ คือต้นเหตุของปัญหานั้นเป็นการชี้แจงข้อมูล ที่ไม่รอบด้านต่อประชาชน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่นายเสนาะ เสนอแนวคิดให้นิรโทษกรรมคดีต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น สิ่งสำคัญต้องฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนก่อน เพราะหากเริ่มต้นจากแนวคิดของนักการเมืองก่อนก็จะเกิดปัญหาขัดแย้ง จะทำให้เกิดกลุ่มมวลชนลุกขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีจุดยืนและตั้งใจตั้งแต่ต้นจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภา อย่างเป็นรูปธรรม ไม่มีธงใดๆ อยู่ในใจ ยกเว้น คดีอาญา อย่านำมาเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแก้ไข เพราะจะเป็นการสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นจึงไม่ใช่ความเห็นของคณะกรรมการโดยรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการหยิบยกคดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ มาพิจารณานิรโทษกรรมพรรคเห็นด้วยหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคมีความชัดเจนว่าคดีอาญาไม่ควรอยู่บนโต๊ะของการปฎิรูปการเมือง ควรจะยกเว้นความผิดที่กระทำต่อแผ่นดิน หรือที่ทำต่อทรัพย์สินและชีวิตของคนอื่น ดังนั้นคดีที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมในอดีต หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบรุนแรง รวมถึงคดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ พรรคมีจุดยืนว่าไม่ควรเป็นจุดเริ่มต้น หรือเป็นจุดเริ่มต้นของคณะกรรมการฯชุดนี้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 พ.ค.พรรคประชาธิปัตย์จะเรียกประชุมส.ส.ที่รัฐสภา เพื่อกำหนดท่าทีของพรรคให้กับตัวแทนกรรมปฎิรูปการเมือง
ด้าน นายคณิน บุญสุวรรณ กรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ว่า มีต้นเหตุจากฝ่ายบริหารขาดเสถียรภาพทางการเมือง กลไกในสภาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงเกิดกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวนอกสภา ดังนั้นกระบวนการแก้ปัญหาควรเริ่มจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่ การปฏิรูปการเมืองและความสมานฉันท์
นายคณิน ยืนยันว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการประนีประนอมทางการเมือง และเชื่อว่าการนิรโทษกรรมทางการเมืองน่าจะเป็นทางออกเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าในการประชุม พรรคภูมิใจไทย วันจันทร์ที่ 11 พ.ค.ว่า เชื่อว่าที่ประชุมจะหารือถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ โดยส่วนตัวนั้นตนเห็นด้วยกับสมาชิกพรรค ที่เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในกรณีให้มีการจัดเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว และให้ส.ว.มาจากเลือกตั้งทั้งหมด
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น ของประชาชน 2,414 คน หัวข้อประชาชนคิดอย่างไรกับการสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าวิธีที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้คือ การลดทิฐิ หันหน้าเข้าหากัน เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ความร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันทำงานเพื่อประเทศชาติ การวางตัวเป็นกลางโดยพิจารณาเรื่องต่าง ๆ อย่างมีสติ ส่วนผู้ที่จะทำให้ความสมานฉันท์ทางการเมืองเกิดขึ้นได้เป็นรูปธรรม คือ นักการเมือง รัฐบาล และประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ สิ่งที่คณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อสร้างความสมานฉันท์ควรทำ คือมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน มีความเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใด รับฟังความคิดเห็น ความต้องการของประชาชนและนำมาพิจารณากลั่นกรองอย่างละเอียด ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
รัฐเตรียมนำเงินกองทุนฯอุ้มราคาน้ำมัน
เว็บไซต์คมชัดลึก: นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นว่า จะมีการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ถ้าประกาศใช้แล้วก็มีผลให้ต้องปรับเพิ่มสรรพสามิตน้ำมันด้วย ดังนั้น ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก็จะทำให้ราคาน้ำมัน ทั้งเบนซิน และดีเซล ต้องปรับขึ้นทันที
นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า เพื่อเป็นการลดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้น้ำมันทั้งประเทศ รวมทั้งอาจจะส่งผลต่อการขึ้นราคาสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระทรวงพลังงานโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ซึ่งตนเป็นประธาน ได้ประชุมและมีมติอนุมัติในหลักการที่จะนำเงินกองทุนเชื้อเพลิงมาใช้เป็นกลไกในการบรรเทาผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนตรงนี้ โดยจะปรับลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงชั่วคราว เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันที่สถานบริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันต่างๆ ทั่วประเทศมีราคาสูงขึ้น
ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าวเท่ากับว่าราคาน้ำมันจะยังปกติเท่าเดิม ซึ่งจะทำชั่วคราวไปก่อน และจะทยอยลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงเป็นคราวๆ ไป จนกระทั่งราคาน้ำมันได้ปรับเข้าสู่ภาวะปกติตามที่มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตที่กระทรวงการคลังประกาศ จนครบจำนวนด้วยการทยอยปรับทีละเล็กทีละน้อยมิให้กระทบกระเทือนต่อผู้บริโภคทั้งประเทศ
รมว.พลังงานชี้แจงว่า เรื่องนี้จะมีผลทันที ฉะนั้นขอให้ประชาชนได้สบายใจได้ว่า ถึงแม้ว่ากระทรวงการคลังจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ในระยะแรกเป็นการชั่วคราวนั้น ราคาน้ำมันขายปลีกตามปั๊มต่างๆ ทั่วประเทศจะไม่ขึ้นราคา และจะไม่ปรับสูงขึ้น แต่ถ้าหากจะปรับราคาน้ำมันขึ้นคงเป็นการปรับขึ้นตามกลไกของตลาดโลกเท่านั้น ไม่ใช่ปรับขึ้นเพราะว่ามีการขึ้นภาษีสรรพสามิต ซึ่งคิดว่าจะใช้บรรเทาความเดือดร้อนประมาณ 1 เดือน และจะค่อยๆ ขยับขึ้นเหมือนคราวที่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น ได้ให้กระทรวงพลังงานพิจารณา โดยจะใช้กลไกกองทุนน้ำมัน และจะไม่ให้กระทบกับราคาหน้าสถานีบริการ โดยขอให้แยกออกจากกันระหว่างเพดานกับการจัดเก็บจริง
ในส่วนของปรับภาษีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้น นายชวลิต หอประเสริฐวงศ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการเครือข่ายเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือ กล่าวถึงผลกระทบที่ได้รับจากนโยบายการขึ้นภาษีเหล้าของรัฐบาลว่า เดิมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตสุราพื้นบ้าน ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อเรียกร้องขอความเห็นใจจากรัฐบาลหลายข้อ อาทิ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้กระทำและขายสุรากลั่นชุมชน ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังขอเสนอปรับลดอัตราภาษีสุราขาว ตามมูลค่าร้อยละ 28 เป็นมูลค่าร้อยละ 25 ตามปริมาณจากลิตรละ 100 บาท ลดเหลือ 70 บาท แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เพื่อป้องกันความยุ่งยากในการบริหารจัดเก็บภาษี เพื่อเป็นการส่งเสริมการผลิตสุรากลั่นชุมชน แต่ปรากฏว่ารัฐบาลกลับมีมาตรการขึ้นภาษีเหล้า โดยขึ้นราคาแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากลิตรละ 70 บาท มาเป็น 110 บาท ล่าสุด 120 บาท ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเหล้าพื้นบ้าน เนื่องจากยังถูกบังคับใช้ในฐานภาษีเดียวกับบริษัทใหญ่ทั่วไป
นายชวลิตกล่าวต่อว่า ในการประชุมสมาชิกเครือข่ายเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านแห่งประเทศไทย จึงได้มีมติสร้างพันธมิตรกับเอ็นจีโอ และนักกฎหมายเอกชน เพื่อร่วมกันต่อสู้และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยแนวทางการเรียกร้องจะมีทั้งเชิงนโยบายและการเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยจะมีการรวมตัวของบรรดาแกนนำในจังหวัดต่างๆ ของภาคเหนือยื่นหนังสือต่อรัฐบาลผ่านหน่วยงานภาครัฐ แต่จะเป็นการต่อสู้เชิงสันติ
พร้อมชี้ว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านไม่สามารถซื้อแสตมป์จากสรรพสามิตในราคาเดิมตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แล้ว ทำให้เชื่อได้ว่ารัฐกำลังกระทำการอันขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 84 (1) (5) (6) (8) และ (14) โดยเฉพาะ (6) ระบุว่า “ดำเนินการให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม คุ้มครอง ส่งเสริมและขยายโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นและภูมิปัญญาไทย เพื่อใช้ในการผลิตสินค้า บริการ และการประกอบอาชีพ
ขณะที่ น.ส.รัตนาวดี แซ่โค้ว อายุ 40 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัฐทุกอย่าง แต่ยอมรับว่ารายได้ลดลงแน่นอน เพราะภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้คนที่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะประหยัดกันมากขึ้น ส่วนคนที่สูบบุหรี่ก็จะสูบน้อยลง แต่ที่เป็นห่วงคือของปลอมจะระบาดกันมากขึ้น
รฟท.ชงแผนฟื้นฟูการเงินเข้าครม.เล็งตั้ง2บ.ลูก
เว็บไซต์ไทยรัฐ : นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวภายหลังการเข้าพบ นายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอแผนปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า แผนที่จะนำเสนอดังกล่าวระบุว่าให้ รฟท.จัดตั้ง 2 บริษัทลูก คือบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ รฟท.ถือหุ้น 100% ภายใน 30 วัน นับแต่ ครม.อนุมัติหลักการ และให้คณะกรรมการ รฟท.พิจารณากำหนดทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่เหมาะสม โดยแบ่งแยกภารกิจ สินทรัพย์ และหนี้สินระหว่าง รฟท.กับบริษัทลูกทั้ง 2 ออกจากกัน
ผู้ว่า รฟท. กล่าวเพิ่มว่า รวมถึงถ่ายโอนกิจการสินทรัพย์และหนี้สินเพื่อให้ 2 บริษัทเริ่มดำเนินการได้ใน 180 วันนับแต่ ครม.อนุมัติในหลักการ ให้ภาครัฐรับภาระการลงทุนพื้นฐานในอนาคตของ รฟท.โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณพิจารณารับภาระการลงทุนให้ รฟท.เสนอกรอบอัตรากำลังที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนของ รฟท.งดรับตำแหน่งใหม่ยกเว้นตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิพิเศษแต่ต้องไม่เกิน 5%ของจำนวนพนักงานที่มีอยู่ให้เพิ่มบทบาทเอกชนในกิจการของ รฟท.และบริษัทลูกภายใน180 วันนับแต่ ครม.อนุมัติในหลักการ
นายยุทธนา กล่าวด้วยว่า รฟท.เห็นควรให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ทำหน้าที่จัดหาเอกชนเพื่อพัฒนาและบริหารที่ดินของ รฟท.โดยบริษัทขอทำหน้าที่บริหารสัญญาเช่าเท่านั้นส่วนบริษัทเดินรถนั้นมีหน้าที่ให้บริการรถโดยสารและสินค้า
ปิดฉากสธ.อาเซียน+3 บรรลุข้อตกลง15ข้อ เสนอสมัชชาอนามัยโลก
เว็บไซต์ไทยรัฐ : ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (8 พ.ค.) นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ (H.E. Dr. Surin Pitsuwan) เลขาธิการอาเซียน พร้อมด้วย นายแพทย์ฟรานซิสโก ที. ดูเก้ ที่ 3 (H.E. Dr. Francisco T. Duque ) รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน + 3 นายเปยิน ดาโต๊ะ สุยอย ออสมาน (H.E. Pehin Dato Suyoi Osman) รัฐมนตรีสาธารณสุขบรูไน นายแพทย์มัม บันเฮียง (H.E. Dr. Mam Bunheng) รัฐมนตรีสาธารณสุขกัมพูชา นายสุปารี สิติ ฟาดิลาห์ (H.E. Supari Siti Fadilah) รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย นายแพทย์ปอนเมฆ ดาลาลอย (H.E. Dr. Ponmek Dalaloy) รัฐมนตรีสาธารณสุขลาว ดาโต๊ะ สรี เตียง ไลเลียว (H.E. Dato’ Sri Tiong Lai Liow) รัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซีย
นายแพทย์บาลาจิ สาดาสิวัน (H.E. Dr. Balaji Sadasivan) รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ นายเตรีย ง็อก เหงียน (H.E. Trieu Quoc Nguyen) รัฐมนตรีสาธารณสุขเวียดนาม นายวิทยา แก้วภราดัย (H.E. Mr. Witthaya Keawparadai) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เฉิน จู (H.E. Dr. Chen Zhu) รัฐมนตรีสาธารณสุขจีน นายแพทย์ทาคาโอะ วาตานาเบ้ (Dr. Takao Watanabe) รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น และนายแพทย์ลี ดุกยอง (Dr. Lee Dukhyoung) ผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านนโยบายควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สวัสดิการและครอบครัว เกาหลีใต้ ร่วมกันแถลงผลการประชุมเพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ในภูมิภาคอาเซียน
การประชุมครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จ ทุกฝ่ายเห็นสอดคล้องกันว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เป็นโรคระบาดที่เป็นภัยคุกคามสุขภาพของประชากรในภูมิภาค ที่มีรวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก โดยที่ประชุมมีข้อตกลง 15 ข้อ และจะนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 62 ซึ่งกำหนดจัดประชุมวันที่ 18-22 พฤษภาคมนี้ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สาระสำคัญของข้อตกลง 15 ข้อ ประกอบด้วย มาตรการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อจากการเดินทางระหว่างประเทศ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หากพบผู้เดินทางที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจต้องให้ชะลอการเดินทาง และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมตามหลักมาตรฐานสากล โดยที่ประชุมมีมติให้แต่ละประเทศดำเนินมาตรการที่จะควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ใน 6 เรื่อง 1.จัดเตรียมแผนระดับชาติเพื่อควบคุมเฝ้าระวังการติดต่อระหว่างคนสู่คน และในสัตว์ 2.ปฏิบัติตามมาตรการของกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะระบบการเฝ้าระวังที่รวดเร็วและตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ
3.จัดซ้อมแผนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสื่อสาร เพื่อป้องกันความตื่นตระหนก และผลกระทบทางสังคม 4.จัดระบบตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกนอกประเทศในพื้นที่ที่พบการติดเชื้อ รวมทั้งตามแนวพรมแดนระหว่างประเทศ โดยใช้คำว่า “พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ” แทนคำว่า “ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ” เพื่อลดผลกระทบการท่องเที่ยวและการค้า 5.ร่วมกันจัดตั้งระบบคลังยา เวชภัณฑ์ที่จำเป็นของภูมิภาคอาเซียน บวก 3 ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยขณะนี้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ 6.จัดระบบการเข้าถึงยาต้านไวรัส รวมทั้งยาที่จำเป็น เวชภัณฑ์ต่างๆ อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ ซึ่งจะทำให้ระบบการดูแลรักษามีประสิทธิภาพ
สำหรับความร่วมมือในระดับภูมิภาค 13 ประเทศ ได้มีมติร่วมมือกันใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การเปิดสายด่วนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสถานการณ์การระบาดระหว่างประเทศ เพื่อการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 2.จัดตั้งทีมสอบสวนควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็วระหว่างประเทศ สามารถเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือประเทศข้างเคียงได้ทันที หากมีการร้องขอ 3.การตรวจวินิจฉัยเพื่อการยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ การวิจัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 4.การศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทางด้านสารพันธุกรรม อาการป่วย ระบบการดูแลรักษา เพื่อเป็นเครือข่ายความร่วมมือในการรับมือโรคระบาดใหม่ เช่นเดียวกับโครงการเฝ้าระวังโรคประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โครงการศูนย์ความร่วมมือวิจัยโรคติดเชื้อกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะทำให้ระบบการสาธารณสุขที่จะดูแลความปลอดภัยทางสุขภาพของประชากรในภูมิภาคมีความยั่งยืนและเข้มแข็ง
นอกจากนี้ ยังได้มีข้อเสนอให้องค์การอนามัยโลกจัดประชุมเรื่องการแบ่งปันเชื้อไวรัสไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของการผลิตวัคซีนในระดับภูมิภาค เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเสมอภาค ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 62 ในวันที่18-22 พฤษภาคม 2552 นี้ และขอให้องค์กรนานาชาติ เช่น องค์การอนามัยโลก องค์การสหประชาชาติ สนับสนุนด้านการเงินในกรณีที่มีความจำเป็นต้องสำรองคลังยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน
ทางด้านนายสุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเอกภาพของอาเซียนได้เป็นอย่างดี จะปูทางไปสู่การจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนหน้าที่จังหวัดภูเก็ต โดยขณะนี้มีประเทศสมาชิกอาเซียนกว่างครึ่งหนึ่งตอบรับจะมาประชุมแล้ว เหลือเพียงการยืนยันวันเวลาอีกครั้งหนึ่งให้ชัดเจน ส่วนยาต้านไวรัสที่ญี่ปุ่นมอบนั้นขณะนี้ 500,000 ชุด เก็บไว้ที่สิงคโปร์
หวัดมรณะลามแล้ว26 ชาติ บราซิล-อาร์เจนตินาพบผู้ติดเชื้อ
ASTV ผู้จัดการ : โชเซ โกเมซ เทมโปเรา รัฐมนตรีสาธารณสุขของบราซิล แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อไข้ไวรัสหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นครั้งแรกของประเทศ จำนวน 4 ราย และพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีก 24 คนโดยชาวบราซิล 4 รายที่ติดเชื้อนั้น ปรากฏว่ามี 3 คน ที่เดินทางกลับมาจากเม็กซิโก ขณะที่อีกรายเดินทางมาจากสหรัฐฯ
ส่วนที่ประเทศ อาร์เจนตินา กราเซียลา โอกานา รัฐมนตรีสาธารณสุข ออกมาแถลงยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เป็นรายแรกของประเทศแล้วเช่นกัน โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายชาวอาร์เจนตินา ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการไปท่องเที่ยวเม็กซิโก ซึ่งชายคนดังกล่าวยังมีสุขภาพแข็งแรงดี และไม่จำเป็นต้องเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่อย่างใด
การพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ในบราซิล และอาร์เจนตินา ทำให้ทั้งสองประเทศ กลายเป็นประเทศที่ 25 และ 26 ของโลกที่พบผู้ติดเชื้อต่อจาก เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ อิตาลี อิสราเอล เอลซัลวาดอร์ เกาหลีใต้ โคลอมเบีย สวิตเซอร์แลนด์ คอสตาริกา ออสเตรีย เดนมาร์ก กัวเตมาลา ฮ่องกง ไอร์แลนด์เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส โปแลนด์ และสวีเดน
ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกที่ได้รับการยืนยันแล้วมีทั้งสิ้น 2,371 ราย และมีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแต่อย่างใด
เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า หากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไปทั่วโลก จะทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 2,000 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วโลก และการแพร่ระบาดอาจกินเวลายาวนานถึง 2 ปี
ฟุกุดะ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ทางองค์การอนามัยโลก ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าจะเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกหรือไม่ และยังไม่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพียงใด หากมีการระบาดรอบใหม่
ขณะเดียวกัน หลุยส์ โกเมซ ซัมโบ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแอฟริกา ได้ออกมาเปิดเผยที่ กรุงแอดดิส อบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย เมื่อวันพฤหัส (7) โดยระบุว่าโลกจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่ ถ้าหากเชื้อไวรัสนี้ลุกลามเข้ามาแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกา ซึ่งถือเป็นทวีปที่ยากจนที่สุดในโลก
ซัมโบ ระบุว่า ประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อยู่ด้านใต้ของทะเลทรายซาฮาราลงไป จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากกว่าภูมิภาคอื่นใดในโลก เนื่องจากยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานของระบบในการควบคุม และป้องกันโรคระบาด และขาดทรัพยากรที่จำเป็นอยู่อีกมาก ดังจะเห็นได้จากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อเอชไอวี มาลาเรีย อีโบลา และเชื้อโรคร้ายแรงอีกหลายชนิดในภูมิภาคดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้ตรวจพบชาวแอฟริกาทั้งหมด 12 คน ที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยในจำนวนนี้พบว่ามี 5 ราย ที่มีอาการต้องสงสัยมากที่สุด ได้แก่ ชาวเบนิน 1 ราย และชาวเซเชลส์ 4 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกนำตัวมาตรวจหาเชื้อแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการรอผลตรวจอย่างเป็นทางการ
กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงที่กรุงโตเกียว เมื่อวานนี้ (8) โดยระบุว่าพบเด็กชายชาวญี่ปุ่นวัย 6 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในนครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ ของสหรัฐฯ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยถือเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
ฮิโรฟูมิ นากาโซเนะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว ว่า เด็กชายคนดังกล่าวได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 แล้ว แต่เด็กชายคนดังกล่าวหายป่วยแล้ว ทั้งนี้ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดว่า เขาติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ญี่ปุ่นยังไม่มีการยืนยันพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสนี้ในประเทศแต่อย่างใด
ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติ ของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ออกมาเปิดเผยว่าในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสหรัฐฯ แล้ว896 ราย ใน 44 มลรัฐทั่วประเทศ ส่วนจำนวนผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อในขณะนี้ได้เพิ่มเป็น 1,823 รายแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อ วันพฤหัส (7) ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว อยู่ที่ 642 รายใน 41 มลรัฐ ซึ่งเบสเซอร์ ประเมินว่า ยังคงมีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโก จะสงบลงแล้วก็ตาม
เผยวัคซีนหวัดพันธุ์ใหม่ใกล้เสร็จแล้ว
ASTV ผู้จัดการ : ทีมนักวิจัยสหรัฐฯ ที่กำลังเร่งพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คาดว่าวัคซีนตัวใหม่ จะพร้อมทดลองกับหนู ภายในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ศาสตราจารย์ ซูเรส มิททาล แห่งคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพอร์ดิว ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า วัคซีนตัวใหม่นี้ พร้อมจะผลิตออกมาใช้อย่างเป็นทางการได้ภายในอีกไม่กี่เดือนนี้ แต่จะต้องทดลองกับหนูก่อน หลังจากที่นักวิจัยสหรัฐและคณะเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ ได้ร่วมกันพัฒนาวัคซีน โดยใช้วิธีการเดียวกับการสกัดกั้นการระบาดของเชื้อไวรัส เอช 5 เอ็น1 หรือเชื้อไข้หวัดนก มาเป็นวัคซีนสำหรับควบคุมเชื้อ เอช1 เอ็น1 ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ ด้วยการใช้ไวรัสไข้หวัดทั่วไปเป็นตัวนำยีนไวรัส เอช1 เอ็น1 ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ และเซลล์คุ้มกันเพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส
มาเลย์จับแกนนำเจไอหลังแหกคุกสิงคโปร์นานกว่า1ปี
เว็บไซต์ไทยรัฐ : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (8 พ.ค.) นายมาส เซลามัต บิน กัสตาริ คนร้ายที่ทางการสิงคโปร์ต้องการตัวที่สุด จนมุมเจ้าหน้าที่มาเลเซียที่รัฐยะโฮร์ หลังแหกคุกที่ศูนย์กักกันไวท์เลย์ โรด ที่สิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ปีที่แล้ว และหลบหนีไปได้จนทางการสิงคโปร์ขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากล
ทั้งนี้นายกัสตารี เป็นหัวหน้ากลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) ซึ่งโยงใยกับเครือข่ายก่อการร้ายอัล-เคดา ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งพัวพันคดีลอบวางระเบิดเกาะบาหลีที่ อินโดนีเซียเมื่อปี 2545 รวมทั้งวางแผนโจมตีด้วยรถบรรทุกระเบิดหลายจุดทั่วเกาะสิงคโปร์ และแผนจี้เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปพุ่งชนสนามบินชางงีของสิงคโปร์เมื่อปี 2544 หลังเหตุ9/11ที่สหรัฐฯ แต่แผนดังกล่าวถูกระงับไปเสียก่อน