ที่มา มติชนออนไลน์
นายกฯ ยันตร.ไม่หนักใจทำคดี"สนธิ" มั่นใจไม่จับแพะ "เสธ.แดง"บอกแกนนำพธม.เบลอ ไม่เชื่อเป็นกลุ่มเดียวถล่มบ้านพระอาทิตย์ ปัดออกความเห็นพาดพิง"คุณหญิงวิระยา" อ้างล่อแหลม พล.ต.อ.ธานีบอกถ้าแกนนำพธม.ไปนอก ไม่ส่งผลต่อรูปคดี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันตำรวจไม่หนักใจในการติดตามคดีคนร้ายลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 4 พฤษภาคม ถึงกรณีนายสนธิเตือนนายกรัฐมนตรีอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัยว่า มีหลายคนที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของกลุ่มคนที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดการกระทำที่รุนแรงขึ้น
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เรียกร้องให้นายกฯสะสางคดีนายสนธิอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เจอตอแล้วหยุดว่า "ยังไม่เคยหยุดเลย ผมเคยคุยกับฝ่ายตำรวจ ถามว่ามีความหนักใจหรือไม่ ถ้าพบว่าใครที่มีอำนาจ หรือมีอิทธิพลเกี่ยวข้อง ซึ่งตำรวจยืนยันว่าไม่หนักใจ ทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา และขอให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งตำรวจรายงานความคืบหน้าในการหาตัวผู้กระทำผิดมาให้ทราบแล้ว แต่ตำรวจก็ต้องให้มั่นใจว่าถ้าจับกุมแล้วต้องไม่ผิดคน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจเคยระบุว่าจะทราบตัวคนร้ายภายใน 7 วัน แต่ขณะนี้เลยมาแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถามกับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้รับผิดชอบคดีลอบสังหารนายสนธิ ได้คำตอบว่าการที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พูดเรื่อง 7 วัน เพราะอาจมีข้อมูลในส่วนของเขา แต่ต้องทำให้มั่นใจจึงจะไปดำเนินการ
ส่วนกรณีนายสนธิปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือนายทหาร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายสนธิพูดเองว่าทหารที่ว่านี้ อาจเป็นทหารที่ถูกฝึก หรือถูกจ้างวาน ซึ่งยังไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ แต่นายสนธิพยายามระบุว่าไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ
ด้าน พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิระบุมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารว่าคดีอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ คงต้องรอผลการสอบสวน ทั้งนี้ กองทัพไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนยิง แต่กองทัพยึดถือกฎหมายเป็นหลักในการดำเนินการ หากใครผิดต้องดำเนินการ เพราะไม่ปกป้องคนชั่ว ส่วนประเด็นเรื่องกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ระบุว่าเป็นของกองทัพนั้น เป็นเพียงกระแสข่าว ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ทำหนังสือมายังกองทัพ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่าเป็นกระสุนของหน่วยใด ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก และเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ตรวจสอบอยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิระบุว่าข้อมูลผู้ที่อยู่ในข่ายลอบสังหารเป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาลว่า น่าจะเกิดจากอาการเบลอจากที่ถูกอาวุธสงครามถล่ม ทำให้เกิดอาการสับสนการที่บอกว่าทหารยศจ่าสิบเอกเป็นคนยิงนั้น อยากถามว่านายสนธิรู้ได้อย่างไร ก่อนจะยิงตรวจบัตรประจำตัวก่อนหรือ อีกทั้งมีการวิเคราะห์ว่าทหารในทีม 4 คนถูกเก็บ เพราะเกรงว่าจะถูกสาวมายังผู้บงการนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะปกติหากทหารปฏิบัติตามคำสั่งไม่สำเร็จผู้บังคับบัญชาไม่สั่งฆ่า แต่จะให้ไปทำให้สำเร็จในครั้งต่อไปมากกว่า
"หลักง่ายๆ ใครจะยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ขบวนรถข้างหน้าแล้วรถตัวเองขับเข้าหาทิศทางรัศมีของสะเก็ดระเบิด เป็นไปไม่ได้ เพราะตัวเองก็ต้องถูกสะเก็ดระเบิดด้วย และกระสุนดังกล่าวต้องยิงในระยะทำการ 31 เมตร ระเบิดจึงจะทำงาน แต่การยิงนายสนธิระยะห่างแค่ 3 เมตร ยิงเอ็ม 79 มันก็ไม่ทำงาน มาบอกว่าคนยิงเป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิงในทำเนียบ บ้านพระอาทิตย์ จึงเป็นเรื่องตลก เพราะกลุ่มคนที่ปฏิบัติการครั้งนั้น มีความเชี่ยวชาญมากกว่านี้"
เมื่อถามถึงกรณีที่พาดพิงท่านผู้หญิงวิระยานั้น พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า คงออกความเห็นไม่ได้ แต่ถ้าจะเปรียบเทียบให้ฟังเป็นนิยายนกแก้ว 3 ตัว เรียงกันนกแก้ว 2 ตัวที่อยู่ขนาบข้างจะเป็นนกแก้วไม่มีราคา แต่ตัวที่มีราคาแพงจะไม่พูด เวลาจะทำอะไร นก 2 ตัว ที่ขนาบข้างก็จะถามว่า เอายังไงลูกพี่ ซึ่งตนคงไปพูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะล่อแหลม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจจะดำเนินคดีตามหลักฐานที่มีอยู่ ขอยืนยันว่าจะทำคดีนี้ให้เร็วที่สุด ส่วนกรณีที่ นายสนธิ จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าไม่ส่งผลต่อรูปคดี