ที่มา ประชาไท
ยุทธการเปิดโปงกรณีเขาสอยดาว ของคนเสื้อแดง ได้ตอกย้ำให้สังคมไทยได้เห็นถึงเหล่าอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทย ที่เข้าครอบครองทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นสมบัติของแผ่นดินเหมือนเช่นเขาสอยดาว
ยุทธการเปิดโปงกรณีเขาสอยดาว ของคนเสื้อแดง ได้ตอกย้ำให้สังคมไทยได้เห็นถึงการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
ยุทธการเปิดโปงกรณีเขาสอยดาว ของคนเสื้อแดง ได้ตอกย้ำให้สังคมไทยได้เห็นถึงอำนาจการจัดการป่าโดยอำนาจผูกขาดของกรมป่าไม้ ย่อมนำสู่การฉ้อฉลได้ไม่ยากนัก
ยุทธการเปิดโปงกรณีเขาสอยดาว ของคนเสื้อแดง ได้ตอกย้ำให้สังคมไทยได้เห็นถึงกฎหมายป่าไม้ที่ล้าหลังไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ยุทธการเปิดโปงกรณีเขาสอยดาว ของคนเสื้อแดง ได้ตอกย้ำให้สังคมไทยได้เห็นถึงความเป็นคนดีมีศีลธรรม คนร่ำคนรวย คนมีหน้ามีตาในสังคมที่น่าตรวจสอบกันยิ่งนัก
ยุทธการเปิดโปงกรณีเขาสอยดาว ของคนเสื้อแดง ได้ตอกย้ำให้สังคมไทยได้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมและสองมาตรฐานในสังคมไทย
กรณีเขาสอยดาว ในอีกด้านหนึ่งย่อมสะท้อนให้เห็นถึง ความขัดแย้งในการจัดการปัญหาป่าไม้ที่ดินในประเทศไทยซึ่งเมื่อมีกระบวนการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์และการใช้ประโยชน์ที่ดินในหลายพื้นที่แล้วพบว่า มีกระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ เช่น การออกเอกสารสิทธิ์ในที่สาธารณะประโยชน์ การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ป่าชุมชนที่ชาวบ้านดูแลร่วมกัน การออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของคนอื่นที่มี ส.ค.1 อยู่แล้ว การปลอมแปลงเอกสารเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ทีดินรกร้างว่างเปล่ารอเก็งกำไรจากการขาย ที่ดินรกร้างว่างเปล่าติดหนี้ธนาคาร เป็นต้น ซึ่งมีรูปแบบการฉ้อโกง เช่น กรณี ส.ค.บินมาจากต่างที่ กรณีการกล่าวอ้างการได้สิทธิโดยมีชื่อมาจากคนตาย หรืออ้างชื่อเจ้าของสิทธิว่าตายไปแล้วทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ปัจจุบัน รวมทั้งกรณีการออก สปก.4-01 ให้นายทุนอิทธิพลมิใช่เกษตรกร เป็นต้น ล้วนแล้วเป็นขบวนการโกงที่ดินโดยการร่วมมือกันของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนนายทุนอิทธิพล เจ้าที่ดิน นักการเมือง ทหาร ข้าราชการใหญ่ ฉ้อฉลกับข้าราชการกรมป่าไม้ กรมที่ดิน สปก.บางหน่วยบางคนทั้งสิ้นซึ่งประชาชนคนธรรมดาคงมิอาจทำได้แน่นอน และพวกเขาเหล่านั้นที่โกงที่ดินก็ล้วนร่ำรวยและมีที่ดินจำนวนไม่น้อยอยู่แล้ว
ขณะที่ชาวบ้านผู้ยากจน ผู้ลงแรงบุกเบิกที่ทำกินทำการผลิตเพื่อมีชีวิตอยู่รอดในสังคมเกษตรกรรม กลับถูกกฎหมายกรมป่าไม้หลายฉบับ อ้างว่าบุกรุกพื้นที่ป่าทั้งๆที่กฎหมายมาทับที่ชาวบ้านผู้ยากจนในภายหลัง หรือแม้แต่ชาวบ้านอาจจะมาอยู่ภายหลังการประกาศพื้นที่ป่าด้วยเงื่อนไขความจำเป็นของชีวิต หรือการพัฒนาที่สร้างปัญหาให้กับพวกเขาต้องหลุดจากที่ทำกินเดิม จำต้องบุกเบิกที่ทำกินเพื่อมีชีวิตอยู่รอด ภายใต้ที่รัฐไทยไม่มีนโยบายปฏิรูปที่ดินหรือกระจายการถือครองที่ดิน กลับถูกกฎหมายบังคับกับพวกเขายังกับพวกเขาเป็นดั่งอาชญกร เหมือนเช่นขณะนี้ที่กรมป่าไม้ที่กำลังฉวยโอกาสอ้างมาตรฐานเดียวกับคนจนที่เขายายเที่ยง หรือชาวบ้านกลุ่มใดเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในการยึดครองที่ดินโดยมิชอบก็ต้องถูกสังหารเหมือนเช่นกรณี นายสมพร พัฒนภูมิ คนจนไร้ที่ดิน จังหวัดสุราษฎธานีย์
สรุปรวบรัดได้ว่า นอกจากต้องจัดการเหล่าอภิสิทธิ์ชน ทั้งหลายในการยึดครองทรัพยากรป่าไม้ที่ดินแล้ว ถึงเวลาปฏิรูปการจัดการป่าไม้ที่ดินในสังคมไทย โดยไม่ปล่อยให้กรมป่าไม้ กรมที่ดิน สปก. ผูกขาดอำนาจจัดการแต่เพียงฝ่ายเดียว และต้องมีนโยบายปฏิรูปที่ดินหรือกระจายการถือครองที่ดิน เพื่อความยุติธรรมในสังคมด้วย
ใช่หรือไม่?