ที่มา Thai E-News
สนองพระราชเสาวนีย์-กรณีเสื้อแดงไปชุมนุมเขาสอยดาว ให้เอกชนคืนที่รุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและต้นน้ำไปทำสนามกอล์ฟหรูคืนแก่แผ่นดิน ซึ่งนับเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ โดยกล่าวหาว่าบริษัทเอกชนดังกล่าว"มีเส้น"เพราะมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษาเงียบหายไป เพราะมีข่าวปฏิวัติกลบ ทำให้เรื่องเงียบ ล่าสุดมาโผล่กรณีองคมนตรีอีกรายรุกที่สาธารณะ
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มกราคม 2553
เสื้อแดงเล่นงานองคมนตรีต่อเนื่อง ล่าสุดแดงกาฬสินธุ์โผล่ทำเนียบ ร้อง “ประชา” จี้ฟัน “พิจิตร” สร้างบ้านล้ำที่สาธารณะในหมู่บ้านปัฐวิกรณ์ 2 กทม. รั้นอ้างเป็นการครอบครองปรปักษ์ โดนตอกดื้อตาใสเพราะเป็นที่หลวงจะครอบครองปรปักษ์ได้ไง เพราะไม่ใช่ที่ดินเอกชน
นายสุดชาย บุญไชย คนเสื้อแดง จ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 28 มกราคม เพื่อขอให้ตรวจสอบ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี กรณีรุกล้ำที่สาธารณะ โดยนายสุดชายได้นำภาพถ่ายผ่านดาวเทียม สำเนาโฉนดที่ดิน มาแถลงข่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากคนในครอบครัวเจ้าของโครงการหมู่บ้านปัฐวิกรณ์ 2 ว่า พล.อ.พิจิตร มีบ้านและพื้นที่ในโครงการดังกล่าวจำนวน 100 ตารางวา แต่ปรากฏว่ามีการรุกล้ำที่สาธารณะเพิ่มอีก 162 ตารางวา โดยทำการครอบครองที่ดินสาธารณะ ครอบครองถนนสาธารณะ บึงน้ำสาธารณะ อีกทั้งยังปิดทางเข้าออกถนนที่เชื่อมต่อไปยังบึงน้ำสาธารณะ ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไม่สามารถเข้าไปใช้บึงน้ำดังกล่าวได้ ยกเว้นบ้านอยู่มีบริเวณอยู่ติดบึงเท่านั้น พล.อ.พิจิตร ยังได้สร้างศาลากลางน้ำอยู่กลางบึงดังกล่าวอีก 2 หลังด้วย
“แม้จะเป็นที่ดินของเอกชนแต่ก็เป็นที่สาธารณะ และแม้เรื่องนี้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่ พล.อ.พิจิตร เป็นถึงองคมนตรีก็ไม่ควรใช้อำนาจไปรุกล้ำสิทธิของผู้อื่น แม้จะเป็นพื้นที่ไม่มากก็ตาม แต่เพื่อความสง่างามก็ควรจะคืนที่ดินที่ได้รุกล้ำไปทั้งหมด เรื่องนี้ผมเคยไปยื่นที่บ้านสี่เสามาแล้ว โดย พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี ได้บอกให้ผมไปยื่นเรื่องที่ทำเนียบองคมนตรีแทน แต่เมื่อไปยื่นก็พบว่ามีรถสะกดรอยตามผมด้วย แต่ผมก็สามารถเอาตัวรอดมาได้” นายสุดชายกล่าว
ด้าน นายประชากล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ จะตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ เมื่อชัดเจนแล้วว่าเป็นความจริงตามที่นายสุดชายอ้าง คณะกรรมาธิการฯ จะเชิญ พล.อ.พิจิตร เจ้าของโครงการ ผอ.เขตบึงกุ่ม และอธิบดีกรมที่ดิน มาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ คาดว่าน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า พล.อ.พิจิตร ซื้อบ้านตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วก็เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ เพราะเข้าข่ายครอบครองโดยปรปักษ์ นายสุดชาย กล่าวว่า แม้เรื่องนี้จะเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ แต่สามารถตรวจสอบความถูกต้องทางจริยธรรมได้ ยืนยันว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่มีเจตนาแอบแฝง และไม่มีเจตนาล้มล้างสถาบันองคมนตรี เพราะหากมีความโปร่งใสจริง การตรวจสอบน่าจะทำให้คนเลื่อมใสมากขึ้นด้วยซ้ำ
มีผู้แสดงความเห็นว่า การอ้างว่าเข้าครอบครองปรปักษ์นั้นใช้ไม่ได้กับกรณีนี้ เพราะไม่ใช่ที่ดินเอกชน แต่เป็นที่สาธารณะ(คลิ้ก)
คลิ้กชมข่าวช่อง 3
ในเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่เดือนเมษายน พ.ศ. 2552 หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวพาดพิง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ 3 องคมนตรี ว่าอยู่เบื้องหลังของการรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549
พล.อ.พิจิตร ได้ออกตอบโต้โดยตั้งข้อสงสัยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่า เหตุใดการที่อดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ถูกศาลพิพากษาจำคุกแล้ว แต่ไม่ยินยอมรับโทษนั้น หรือการกล่าวถึงสถาบันเบื้องสูงด้วยถ้อยคำที่ไม่ถูกไม่ควร เหตุใดจึงไม่มีผู้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเงินจำนวนมากไปฝากในเกาะที่มีชื่อเรื่องการฟอกเงิน (หมู่เกาะเคย์แมน) ทำไมจึงไม่มีการติดตามเรื่องเหล่านี้เพื่อนำข้อเท็จจริงให้ปรากฏออกมาให้ประชาชนได้รับทราบ
ซึ่งในเรื่องฟอกเงินนี้ ทางฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าไม่มี ซึ่งทาง พล.อ.พิจิตร ยืนยันว่ามีหลักฐาน โดยได้เคยสนทนาถึงเรื่องนี้กับอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา (นายราล์ฟ บอยซ์ จูเนียร์) และนายราล์ฟ บอยซ์ จูเนียร์ ก็พร้อมจะมาเป็นพยาน อีกทั้งวิพากษ์ถึงพฤติกรรมในอดีตหลายประการของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าแสดงออกถึงความไม่จงรักภักดี เช่น กรณีการทำบุญในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับกล่าวยืนยันว่ามีขบวนการจ้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์