ที่มา thaifreenews
โดย Bugbunny
ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านนิติราษฎร์มาพักหนึ่ง อยากสรุปกลุ่มที่ออกมาต่อต้านออกมาให้เห็นภาพอย่างชัดเจน เห็นได้ว่าเป็นกลุ่มเด็กป๋าและพรรคเด็กป๋าทั้งนั้น
นี่หมายถึงพวกที่ ออกมาเปิดเผยโฉมหน้ากันจริง ๆ และไม่เกี่ยวกับพวกทหารเฒ่ากับไอ้ลิ้มที่พยายามออกมาชวนให้ปฏิวัติรัฐประหาร เพราะพวกนี้หมดน้ำยาแล้วที่จะปลุกมวลชน รวมทั้งมีสิทธิโดนข้อหากบฏในราชอาณาจักรด้วย จากการออกมาเชิญชวนดังกล่าว
จะเห็นว่าที่ออกมานั้นเป็นเครือข่ายเด็กป๋า และพรรคเด็กป๋าทั้งนั้น เดินหน้ากันจริงจังมาก
บวรศักดิ์ คือสายตรงป๋าจากหาดใหญ่ใคร ๆ ก็รู้ ตอนนี้กำลังรอเพื่อนร่วมสายคือ วิษณุ เครืองาม อีกคนหนึ่ง ว่าจะออกมาเมื่อไหร่
หมอ ตุลย์และนางจิตรภัสร์นั้น ถือได้ว่าพรรคแมลงสาปหรือพรรคเด็กป๋าส่งมา หมอตุลย์ เคลื่อนไหวทุกครั้งด้วยรถขยายเสียงคันเดียวกับพรรคแมลงสาป ส่วนนางจิตรภัสร์นั้นลงสมัครในนาม ปชป.และสอบตกแพ้ ดร.ลีลาวดี วัชโรบลของพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ดุสิต ที่บริษัทของนางและหน่วยทหารจำนวนมากมายตั้งอยู่ แบบสมควรแทรกแผ่นดินหนี
สยาม ประชาภิวัฒน์นั้น บรรเจิด สิงคเนติ จรัส สุวรรณมาลา ทวี สุรฤทธิกุล ฯลฯ ต่างเป็นนักวิชาการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 กันยา 49 ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญโจร เป็นนักวิชาการสายอำมาตย์เต็มตัว ซึ่งนักวิชาการสายนี้ตาสว่างกันเยอะเวลานี้ เกษียร เป็นตัวอย่างคนหนึ่ง แต่ที่ยังจมปลักกับความลุ่มหลงในอำนาจและการสนับสนุนของอำมาตย์ รวมทั้งอาการ “อาย” ที่หลงไปเลือกข้างเผด็จการ จะถอนตัวก็รู้สึกเขิน ก็เลยอยู่เฉย ๆ กันหลายคน แวดวงนักวิชาการเขารู้กันดี
ส่วนกลุ่มล่า สุดของวารสาร มธ นั้น ผาณิต คือเจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ที่ประสงค์ สุ่น ข้ารับใช้ของป๋า เขียนคอลัมน์อยู่มานานแล้ว โดยไม่มีใครอ่าน เพราะความคิดโบราณเต็มที แบบยังจมอยู่กับสงครามเย็นในยุคที่โลกเป็นระบบดิจิตอล ส่วนยุทธนา มุกดาสนิท และเสรี วงษ์มณฑา นั้น ไม่ต้องกล่าวถึงอะไรมาก ชาวสีม่วงนั้น มีหลักการอย่างหนึ่งว่า ไม่ต้องมีเหตุผลในการเลือกข้าง ขอให้เป็นพวกเดียวกันก็แล้วกัน
โดยสรุปก็คือ สิ้นหนทางอื่นแล้ว อำมาตย์เฒ่าในประเทศนี้จะเลือกวิธีการกล่าวหา ข่มขู่ และยัดเยียดความผิดตามกฎหมายที่พวกตัวเองกำหนดกันเอาไว้ ใช้ระบบที่วางหมากกันมายาวนานนั้นจัดการกับประชาชนและผู้ที่เห็นต่าง เพราะเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้ง หลังจากเอายาสูตรนี้อัดให้ประชาชนเสพจนขาดสติกันมาอย่างยาวนาน
พวก เขารู้ดีว่าใช้บริการกลุ่มไอ้ลิ้มไม่ไหวแล้ว ก็เลยต้องใช้กลุ่มใหม่ ๆ ออกมาเดินหน้าบ้าง พยายามสร้างสถานการณ์ให้สุกงอมเพื่อรัฐประหาร แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ด้วยกติกาที่พวกนี้วางอย่างเคร่งครัดกว่านี้ให้ได้ เพราะแนวรัฐธรรมนูญจอมปลอมแบบใช้หุ่นเชิดอย่างไอ้ฟักมาร์กไว้ข้างหน้า พิสูจน์แล้วว่าไร้ผล แม้การรัฐประหารจะเป็นเรื่องเสี่ยงต่อพวกเขาอย่างมาก เพราะมันหมายถึงทั้งการคว่ำบาตรจากนานาชาติ การโดนตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น รวมถึงการลุกขึ้นสู้อย่างรุนแรงของประชาชนแน่นอน แต่คนพวกนี้ก็อาจต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้น กลุ่มพวกเขาและทายาททั้งหลายมีหวังบาดเจ็บสาหัส หากการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในเวลาไม่นานต่อจากนี้ เกิดไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขามุ่งหวังตั้งใจกันเอาไว้
คงหมดตัวชนกันแล้ว เลยต้องเอาพวกวางแผนมาออกหน้ากันใหญ่