จากนี้ไปคงได้เห็นอะไรดีๆมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่รัฐบาลชุดใหม่ เข้าบริหารประเทศเต็มตัว นอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจที่ดูจะเน้นเป็นพิเศษ ไล่มาตั้งแต่นายกฯและบรรดารัฐมนตรีก็ประกาศนโยบายเฉพาะตัวกันเพียบ
นี่เป็นด้านหนึ่งที่ต้องรอดูฝีมือว่าจะแน่สักแค่ไหน?
แต่ในความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและแน่นอนก็คือ การโยกย้ายข้าราชการไม่ว่าหน่วยงาน ไหนก็ตาม แม้แต่ในกองทัพก็น่าสนใจไม่น้อย ตำรวจก็น่าสนใจไม่น้อย
นายกฯประกาศชัดเจนไปแล้ว ข้าราชการที่ถูกกลั่นแกล้งในยุค คมช.จะต้องได้รับความเป็นธรรม และก็ได้ผลทันตาเมื่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรียุติธรรม ประเดิมเก้าอี้ด้วยการ ย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ครับ...ไม่มีเซอร์ไพรส์ เพราะเชื่อว่าถูก “เด้ง” แน่
แต่ทีเด็ดมันอยู่ที่ว่า นายสมพงษ์กล้าหาญชาญชัยเปิดประตูสำคัญเป็นคนแรก จากนี้ไปรายต่อไปมันก็ง่ายเข้า เพราะมีคน “เบิกร่อง” ไว้แล้ว
ปลัดกระทรวงยุติธรรมที่กำลังพยายามขอโอนกลับไปเป็นผู้พิพากษา แต่ดูเหมือนเงื่อนไขยังไม่อำนวย เพราะคงรู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่าจะรายถัดไป
อีกรายก็คือ ผบ.ตร. ที่ชื่อ “เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” ที่มาจาก คมช.เต็มตัว และคาดกันว่าน่าจะถูกปลดเป็นรายต่อไป แต่ดูเหมือนว่ารายนี้ไม่ใช่ธรรมดา เพราะมีการต่อสายกันมานานแล้ว และผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ได้เข้มข้นแต่อย่างใด
มีแต่หาเสียง โกยคะแนนจากตำรวจ สร้างภาพพจน์ใหม่ หาการเมืองมาเป็นพวก ภาพมือปราบหายไปอย่างน่าประหลาด คดีตำรวจพิฆาตชาวบ้านถึงเพียบ
นั่นเพราะจะตัดช่องน้อยเอาดีทางการเมืองในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
ในแวดวงกองทัพซึ่งจะต้องมีการโยกย้ายกลางปีคือเมษายนที่จะถึงนี้ แม่ทัพนายกองก็เตรียม พร้อมที่จะพิจารณาเรื่องนี้ภายใต้ กติกาใหม่ที่จะมีคณะกรรมการ 7 คนตัดสิน ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วจะมั่นคงแค่ไหนที่จะไม่ให้การเมืองเข้าแทรกได้
แต่เชื่อว่าคงจะมีการพูดคุยกันก่อนเบื้องต้นในสถานการณ์ ทางการเมืองที่ต้องการประนีประนอมมากกว่าจะเผชิญหน้า
นายกฯสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ดูเหมือนจะเล่นบทกลมกลืนกับ เหล่าทัพได้อย่างดี ดังนั้น จะมี “ลูกเกรงใจ” เกิดขึ้นแน่ เพราะกองทัพแม้จะถอยไปแล้ว แต่ก็ยังกลัวเช็กบิลเหมือนกันและการจะสู้กับการเมืองจากนี้ไป
บอกตรงๆว่ายาก...
ขณะเดียวกัน วันนี้ภาพชัดเจนใน คมช.ก็คือ ความแตกแยกที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดเผยถึง ความขัดแย้งระหว่างเพื่อน ความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. กับ พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร แกนนำคนสำคัญ ดีที่ว่าไม่ฟาดปากกันเองในระหว่างมีอำนาจ ดังนั้น คงจะไม่มีน้ำยาไปทำอะไรได้แล้ว แม้ประธาน คมช.ยังติดต่อขอสมานฉันท์กันไปแล้ว
ระยะอันใกล้นี้เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะต้องเดินทางกลับประเทศไทย อย่างแน่นอน เพราะน่าจะเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดแม้จะต้องเข้ามาต่อสู้คดีก็ตาม ดังนั้น หากกองทัพไม่มีปัญหา ทุกอย่างก็น่าจะเอื้อประโยชน์
ที่สำคัญก็คือ คงจะทำให้การเมืองคลี่คลายมากขึ้น โดยเฉพาะรัฐบาลที่จะสามัคคีกันมากขึ้น เมื่อตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว ปัญหาในพรรค ปัญหาในรัฐบาลคงชัดเจนขึ้น ไม่คลุมเครืออย่างทุกวันนี้
เตรียมตัวรับสถานการณ์กันได้แล้ว.
"สายล่อฟ้า"
คอลัมน์ กล้าได้กล้าเสีย