“ผมไม่มีความคิดล้างแค้นใคร มนุษย์คือเพื่อนร่วมโลกที่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน ...แล้วยิ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติ ..ยิ่งต้องรักกัน”เป็นคำกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดใจกับรายการ “สถานีสนามเป้า” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ตอนเช้าวันเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โด่งดังก้มลงกราบแผ่นดินแม่! ทันทีที่เดินทางกลับประเทศไทยวันแรก เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา“จักรพันธ์ ยมจินดา” ผู้ดำเนินรายการ ตั้งคำถาม “พ.ต.ท.ทักษิณ” หลายต่อหลายเรื่อง แต่ประเด็นที่เขาอยากเผยความในใจมากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่อง การเทกโอเวอร์ ทีม“เรือใบสีฟ้า” หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้หลังจากเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 75% ใช้เงินราว 81 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 5,600 ล้านบาท
แม้ว่าเรื่องนี้เคยตกเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลกมาแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงแรงบันดาลใจ อันเป็นเบื้องหลังที่ “บิ๊กแม้ว” ตัดสินใจซื้อแมนฯ ซิตี้รวมถึงกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ในมุมมองของนักธุรกิจแสนล้านที่ประสบความสำเร็จมาค่อนชีวิต ทั้งด้านการเมืองและหลากหลายธุรกิจที่เขาชักใยอยู่เบื้องหลัง“...ผมมาอังกฤษใหม่ๆ เป็นคนตกงาน ในฐานะที่เคยเป็นอดีตนายกฯ เลยอยากขอเท่หน่อย เพื่อนฝูงมาบอกว่ามีสโมสรฟุตบอลอังกฤษ 2-3 แห่งอยากขาย ก็เลยตัดสินใจ...”“...กลับเมืองไทยแล้ว ผมก็ยังคงต้องไปๆ มาๆ เพื่อดูแลทีมแมนฯ ซิตี้ เพื่อมุ่งมั่นให้ถึงแชมป์พรีเมียร์ ลีก..”“พ.ต.ท.ทักษิณ” บอก “จักรพันธ์” ผ่านทีวีช่อง 5 ไปถึงคนไทยทั้งประเทศ และขอให้รอดูความเปลี่ยนแปลงของทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 8 ของตารางพรีเมียร์ ลีก
“...ผมจะทำให้แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่คนไทยภูมิใจ...ในฤดูกาลหน้า แมนฯ ซิตี้ จะเป็นอีกแมนฯ ซิตี้ หนึ่งที่ทุกคนประหลาดใจ...”ทั้งในแง่ของการผ่าทีมครั้งใหญ่ หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา สเวน โกรัน อีริคส์สัน กุนซือทีมแมนฯ ซิตี้ ทุ่มเงินเกือบ 100 ล้านปอนด์ ช้อปนักเตะชื่อดังมาเสริมทีมถึง 15 รายส่วนในแง่ของธุรกิจ ประธานสโมสรแมนฯ ซิตี้ จะขยายความนิยมกลุ่มแฟนคลับในเอเชียและอเมริกา โดยส่งทีมโค้ชไปฝึกสอนฟุตบอลในต่างประเทศ และแมวมองออกไปหาผู้เล่นใหม่ๆ
“...เราจะมีแมนฯ ซิตี้ไชน่า แมนฯ ซิตี้เจแปน และแมนฯ ซิตี้ยูเอสเอ ในอนาคต...”ในแง่ของการตลาด ทีมแมนฯ ซิตี้จัดเป็นแบรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก การติดป้ายโฆษณาข้างสนามสามารถแลกเปลี่ยนเป็นรายได้จำนวนมหาศาลแต่เพื่อต้องการช่วยชาติ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ขอให้มีแผ่นป้ายโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยติดอยู่ข้างสนามด้วยนอกเหนือจากป้ายโฆษณาเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสที่สำคัญต่างๆ อันเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของอดีตนายกรัฐมนตรีที่สำคัญ การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ได้นำนักเตะดาวดังมาด้วย 2 คน คือ แคสเปอร์ ชไมเคิล นายทวารดาวรุ่ง กับเคลวิน เอตูฮู นักเตะผิวหมึกชาวไนจีเรีย เพื่อเปิดคลินิกสอนฟุตบอลให้กับเยาวชนไทย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 29 ก.พ.“…เด็กไทยตัวเล็ก นักเตะในยุโรปหลายๆ คนก็ตัวเล็ก ดังนั้น ร่างกายใหญ่หรือเล็กจึงไม่ใช่เรื่องหลัก การเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลที่เป็นมาตรฐานสากลหรืออะคาเดมี่ จะช่วยปูพื้นฐานให้เท่ากันและพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ...”
การผลักดันทีมไทยให้ไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นความหวังสูงสุดของสมาคมลูกหนังไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิดาวเทียมไทยคม ช่วยออกค่าใช้จ่ายในการส่งทีมชาติไทยไปฝึกซ้อมที่สโมสรเรือใบสีฟ้าถึง2 ครั้ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา“....จากนี้ไปผมขอวางมือจากการเมืองอย่างเด็ดขาด จะขอตีกอล์ฟและพร้อมสนับสนุนฟุตบอลไทยทุกๆ ด้าน...”เป็นคำสัญญาของประธานสโมสรแมนฯ ซิตี้ แห่งพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ!