WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, February 29, 2008

ก้มกราบแผ่นดินงามๆ [29 ก.พ. 51 - 03:26]

ก้มกราบแผ่นดิน น้ำตาไหล ภาพประวัติศาสตร์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินออกจากห้องรับพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นาทีแรกที่เหยียบอยู่บนมาตุภูมิ

ภายหลังต้องระหกระเหินเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ลี้ภัยทางการเมืองจากการถูกรัฐประหารยึดอำนาจตลอด 1 ปี 5 เดือนกว่าๆ

537 วันเต็มๆ

“ทักษิณ” กลับมาแล้ว ภารกิจแรกคือมอบตัว ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม

และนับเป็นสัญญาณที่ดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายทองหล่อ โฉมงาม ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และผู้พิพากษาอีก 2 ท่าน ใช้เวลาพิจารณาไม่ถึง 20 นาที ก็อนุญาตให้ประกันตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะจำเลยที่ 1 ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ในวงเงินประกัน 8 ล้านบาท โดยศาลสั่งให้ยึดสมุดเงินฝาก แจ้งอายัดและเพิกถอนหมายจับ

ห้ามออกนอกประเทศยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามกระทำการอันใดที่มีผลเสียหายต่อการดำเนินคดี นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 12 มีนาคม

เช่นเดียวกันไม่ต้องลุ้นกันนาน กับคิวของคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัทเอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) อดีตนายกฯทักษิณได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สุดท้ายอัยการสูงสุดได้อนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 1 ล้านบาท พร้อมนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 3 เมษายน

หายใจหายคอโล่งกันไป

แต่ที่ยังเสียววาบ หายใจได้ไม่ทั่วท้อง ตามรายงานข่าวกรองของตำรวจตรวจสอบพบปืนซุ่มยิง ระยะไกล อานุภาพสูง หรือ “สไนเปอร์” 3 กระบอก ได้หายไปจากคลังอาวุธของหน่วยทหารบกหน่วยหนึ่ง

โดยไม่รู้ว่าใครเบิกไป

ขณะเดียวกัน นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ยอมรับว่า ดีเอสไอมีปืนสไนเปอร์จริง โดยมีอยู่ทั้งหมด 15 กระบอก

แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหลืออยู่กี่กระบอก

ประเด็นลอบสังหารเขย่าขวัญในห้วงเวลาล่อแหลมสุ่มเสี่ยง

สังเกตว่า ตลอดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปศาลฎีกาต่อไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด อดีตนายกฯทักษิณได้ใช้รถยนต์กันกระสุนยี่ห้อโฮลเด้นท์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1991 กรุงเทพมหานคร โดยไม่กล้าแวะทักทายกองเชียร์ ที่มารอรับ

ท่ามกลางการอารักขาของตำรวจหน่วยอรินทราช การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังบนตึกสูงที่เป็นเส้นทางผ่านของขบวนรถอดีตนายกฯทักษิณ

บล็อกจุดเสี่ยงต่อการซุ่มยิงระยะไกล

โดยเฉพาะการเหมาฟลอร์เข้าพักที่โรงแรมเพนนินซูลา เนื่องจากเหตุผลเพื่อความปลอดภัย เพราะที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม มีคนงานก่อสร้างเข้าออกจำนวนมาก

ขณะที่โรงแรมเพนนินซูลามียุทธศาสตร์เหมาะสามารถเข้าออกได้ 3 ทาง ทั้งทางบก ทางอากาศมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และทางเรือที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา

เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเต็มที่

นาทีเสี่ยงๆเสียวๆแบบนี้ “ทักษิณ” ไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

แต่มันก็เป็นอะไรที่เรียกคะแนนสงสาร ลดโทนเผชิญหน้าลงไปได้เยอะ กับบทแถลงเปิดใจ อดีตนายกฯทักษิณได้ยืนเคียงข้างคุณหญิงพจมาน นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว

พูดด้วยน้ำเสียงที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกส่วนลึก

เมื่อวันที่ออกจากประเทศไทยในฐานะนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ แต่ตอนกลับมาถูกกล่าวหา ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ เปรียบเหมือนเป็นผู้ต้องหาสำคัญ

รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว

ยืนยันเลิกเล่นการเมือง จะใช้เวลาต่อสู้คดี ปกป้องชื่อเสียงที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม ทำงานด้านการกุศล การกีฬา การศึกษา ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

“ขออาศัยเป็นประชาชนคนหนึ่ง ต้องการใช้ชีวิตในประเทศ ไทย ผมไประเหเร่ร่อนในต่างประเทศ ยืนยันไม่มีแผ่นดินไหนให้ ความอบอุ่นเท่ากับประเทศไทย ผมขอตายในผืนแผ่นดินไทย”

ไม่เหลือแวว “ทักษิณ” จอมพยศคนเก่าเลย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)