ก้มกราบแผ่นดิน น้ำตาไหล ภาพประวัติศาสตร์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินออกจากห้องรับพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นาทีแรกที่เหยียบอยู่บนมาตุภูมิ
ภายหลังต้องระหกระเหินเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ลี้ภัยทางการเมืองจากการถูกรัฐประหารยึดอำนาจตลอด 1 ปี 5 เดือนกว่าๆ
537 วันเต็มๆ
“ทักษิณ” กลับมาแล้ว ภารกิจแรกคือมอบตัว ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม
และนับเป็นสัญญาณที่ดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายทองหล่อ โฉมงาม ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และผู้พิพากษาอีก 2 ท่าน ใช้เวลาพิจารณาไม่ถึง 20 นาที ก็อนุญาตให้ประกันตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะจำเลยที่ 1 ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ในวงเงินประกัน 8 ล้านบาท โดยศาลสั่งให้ยึดสมุดเงินฝาก แจ้งอายัดและเพิกถอนหมายจับ
ห้ามออกนอกประเทศยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามกระทำการอันใดที่มีผลเสียหายต่อการดำเนินคดี นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 12 มีนาคม
เช่นเดียวกันไม่ต้องลุ้นกันนาน กับคิวของคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัทเอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) อดีตนายกฯทักษิณได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สุดท้ายอัยการสูงสุดได้อนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 1 ล้านบาท พร้อมนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 3 เมษายน
หายใจหายคอโล่งกันไป
แต่ที่ยังเสียววาบ หายใจได้ไม่ทั่วท้อง ตามรายงานข่าวกรองของตำรวจตรวจสอบพบปืนซุ่มยิง ระยะไกล อานุภาพสูง หรือ “สไนเปอร์” 3 กระบอก ได้หายไปจากคลังอาวุธของหน่วยทหารบกหน่วยหนึ่ง
โดยไม่รู้ว่าใครเบิกไป
ขณะเดียวกัน นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ยอมรับว่า ดีเอสไอมีปืนสไนเปอร์จริง โดยมีอยู่ทั้งหมด 15 กระบอก
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหลืออยู่กี่กระบอก
ประเด็นลอบสังหารเขย่าขวัญในห้วงเวลาล่อแหลมสุ่มเสี่ยง
สังเกตว่า ตลอดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปศาลฎีกาต่อไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด อดีตนายกฯทักษิณได้ใช้รถยนต์กันกระสุนยี่ห้อโฮลเด้นท์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1991 กรุงเทพมหานคร โดยไม่กล้าแวะทักทายกองเชียร์ ที่มารอรับ
ท่ามกลางการอารักขาของตำรวจหน่วยอรินทราช การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังบนตึกสูงที่เป็นเส้นทางผ่านของขบวนรถอดีตนายกฯทักษิณ
บล็อกจุดเสี่ยงต่อการซุ่มยิงระยะไกล
โดยเฉพาะการเหมาฟลอร์เข้าพักที่โรงแรมเพนนินซูลา เนื่องจากเหตุผลเพื่อความปลอดภัย เพราะที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม มีคนงานก่อสร้างเข้าออกจำนวนมาก
ขณะที่โรงแรมเพนนินซูลามียุทธศาสตร์เหมาะสามารถเข้าออกได้ 3 ทาง ทั้งทางบก ทางอากาศมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และทางเรือที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา
เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเต็มที่
นาทีเสี่ยงๆเสียวๆแบบนี้ “ทักษิณ” ไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
แต่มันก็เป็นอะไรที่เรียกคะแนนสงสาร ลดโทนเผชิญหน้าลงไปได้เยอะ กับบทแถลงเปิดใจ อดีตนายกฯทักษิณได้ยืนเคียงข้างคุณหญิงพจมาน นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว
พูดด้วยน้ำเสียงที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกส่วนลึก
เมื่อวันที่ออกจากประเทศไทยในฐานะนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ แต่ตอนกลับมาถูกกล่าวหา ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ เปรียบเหมือนเป็นผู้ต้องหาสำคัญ
รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว
ยืนยันเลิกเล่นการเมือง จะใช้เวลาต่อสู้คดี ปกป้องชื่อเสียงที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม ทำงานด้านการกุศล การกีฬา การศึกษา ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
“ขออาศัยเป็นประชาชนคนหนึ่ง ต้องการใช้ชีวิตในประเทศ ไทย ผมไประเหเร่ร่อนในต่างประเทศ ยืนยันไม่มีแผ่นดินไหนให้ ความอบอุ่นเท่ากับประเทศไทย ผมขอตายในผืนแผ่นดินไทย”
ไม่เหลือแวว “ทักษิณ” จอมพยศคนเก่าเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)