WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 25, 2008

เช็กบิล...แหลก?

จำได้ว่าก่อนการเลือกตั้ง 23 ธ.ค.50 “นายนพดล ปัทมะ” รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และคนสนิท “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับต้นๆ เคยลั่นวาจาไว้ว่าหากพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล จะไม่มีการล้างแค้น คมช. หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมา และ “นายสมัคร สุนทรเวช” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ก็ได้ย้ำกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เมื่อครั้งไปเยือน “กระทรวงกลาโหม” เป็นครั้งแรก ในวันที่ 11 ก.พ.51 ว่าไม่ได้ต้องการมาคิดบัญชี หรือเช็กบิลใดๆ กับใครทั้งสิ้น...

แต่แล้วกระบวนการ “ชำระแค้น” ก็เริ่มขึ้น..เริ่มนับหนึ่งที่ “นายสุนัย มโนมัยอุดม” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วยคำสั่งเด้งฟ้าผ่า โดยการย้ายให้ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่ตรวจสอบกรณีการทุจริตข้าราชการตั้งแต่ระดับ 8 ลงมา และได้ดัน “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ขึ้นแทนทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการวางตัว “นายธาริต เพ็งดิษฐ์” รองอธิบดีดีเอสไอ ฝ่ายวิชาการ ให้ไปนั่งในตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.

แต่เมื่อขั้วการเมืองเปลี่ยน สถานการณ์จึงเปลี่ยนแปลง และการแต่งตั้ง “พ.ต.อ.ทวี” มาเป็นอธิบดีดีเอสไอ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า มาทำความสะอาดคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ” เพราะ “พ.ต.อ.ทวี” ต้องถือว่าเป็นข้าราชการผู้หนึ่ง ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย เนื่องจากในสมัย “รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ” มีรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ได้เคยขอเจ้าหน้าที่ในทีมของ “พ.ต.อ.ทวี” ให้มาดูแล...และแม้ว่า “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะนัดชี้แจงสาเหตุคำสั่งย้าย “นายสุนัย” ในวันที่ 25 ก.พ.51 ที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นปรากฏว่า ได้มีกระแสข่าวออกมาว่าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันนั้น “นายสมพงษ์” จะ “อ้าง 3 เหตุผล” เพื่อความเหมาะสมในการใช้อำนายโยกย้าย “นายสุนัย” คือ

1. ได้รับเรื่องร้องเรียนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอของนายสุนัย น่าจะไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ผ่านการอบรมหลักสูตรพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
2. เรื่องร้องเรียนกรณีการสั่งพักราชการข้าราชการดีเอสไอ 9 คน กรณีการเบิกจ่ายค่าที่พักระหว่างทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนนายสุนัยจะยกเลิกคำสั่งพักราชการในเวลาต่อมา และ
3. กรณีร้องเรียนความเหมาะสมของคนใกล้ชิด ที่ได้รับเงินเพิ่มประจำตำแหน่ง

ก็ลองชั่งน้ำหนักกันดูว่า เหตุผลทั้ง 3 เพียงพอหรือไม่ กับคำสั่งโยกย้ายในครั้งนี้...ซึ่งการโยกย้ายในครั้งนี้ ทำให้ “คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)” ต้องทบทวนคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “ดีเอสไอ” ทั้งคดีการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร และคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทในเครือกฤษดามหานครนั้น มีความเป็นไปได้ที่ คตส. จะไม่ขอความร่วมมือ
สาเหตุเป็นเช่นไร ก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว...

ซึ่ง “นายองอาจ คล้ามไพบูลย์” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้มองว่าการโยกย้าย “นายสุนัย” ครั้งนี้ เป็นเหมือนการ “เชือดไก่ให้ลิงดู”ที่จะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แต่จะมีการโยกย้ายเพิ่มเติมอีก เพราะมีข้าราชการหลายคนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ซึ่งอาจจะทำให้กระทบกับผู้มีอำนาจในอดีตหลายกรณี ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า “นายจรัญ ภักดีธนากุล” ปลัดกระทรวงยุติธรรม อาจจะเป็นรายต่อไป เพราะถูกเล็งไปแขวนเป็นผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรีสำหรับ “นายปราโมช รัฐวินิจ” อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก็ไม่น่าจะรอดพ้นจากผลกระทบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นกัน

แม้ “นายจักรภพ เพ็ญแข” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ จะยื้อเวลาต่ออายุให้อีก 1 เดือน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นคำตอบเดิม คือ “เด้ง” ออกจากตำแหน่งอยู่ดี...ส่วน “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็มีชื่อติดอยู่ในบัญชี แต่การโยกย้ายหรือปลดออกจากตำแหน่งเป็นไปได้ยาก เพราะมี พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุ้มครอง “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)” ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง ที่เป็นเสมือนไม้เบื่อไม้เมา เป็นหนามยอกอกของพรรคพลังประชาชน เพราะคดี “นายยงยุทธ ติยะไพรัช” ประธานรัฐสภา ยังค้างคาอยู่

พรรคพลังประชาชนจะรอดหรือดับ ก็ขึ้นอยู่กับมติของ กกต.นอกจากนั้น ยังมี ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ติดอยู่ในบัญชีเช่นกันจงระมัดระวังไว้ให้ดี...ส่วน “คตส.” มีแววว่าน่าจะถูกปล่อยให้แห้งตาย เพราะถูกตัดเสบียงตั้งแต่ไก่โห่ แค่เอ่ยปากของงบประมาณในช่วงที่ต่ออายุขัย ก็ถูกปฏิเสธหน้าหงาย
โธ่...ใครเขาจะให้เงินมาจัดการนายตนเองล่ะ

ดังนั้น หลังจากหมดงบเดิมที่ “รัฐบาลขิงแก่” มอบให้ในเดือน เม.ย.นี้ อีก 2 เดือนที่เหลือ “คตส.” จะทำอย่างไร ก็ต้องดูกันต่อไป แต่เท่าที่รู้เมื่อจัดการศัตรูสิ้นซาก ทางก็จะสะดวก พรมแดงจะถูกนำมาปู และแล้วก็ถึงเวลาเตรียมขบวนแห่ต้อนรับ “นายใหญ่” กลับไทย..!!