WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, March 13, 2010

หนึ่งเสียงเอาความรุนแรง

ที่มา Thai E-News



ถ้าไม่ต้องการความรุนแรงจริง “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ซึ่งประกอบด้วยองค์กรวิชาชีพสื่อ ทั้งสมาคมนักข่าว สภาการหนังสือพิมพ์ จะต้องใส่เสื้อขาวเดินทางไปยังสำนักงานของสื่อกระแสหลัก ที่ยุยงให้ “ฆ่ามันๆ” อ่านแถลงการณ์ประณาม โดยไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหมหน้าไหน..คุณสารีต้องยืดอกสามศอก ประณาม พธม.อย่างสง่าผ่าเผยเลยครับ


โดย ใบตองแห้ง
ที่มา ประชาไท

รำคาญน่ะครับ เห็นพวก “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ออกมารณรงค์แล้วรำคาญ ว่าจะไม่เขียนอะไรจนหลังวันที่ 14 แล้วก็อดไม่ได้

อันที่จริงผมยอมรับว่า-แม้องค์ประกอบของ “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” จะทะแม่งๆ อยู่เพราะบางองค์กรเห็นชัดว่าเป็นพวกโน้มเอียงพันธมิตรหรือลูกสมุนรัฐบาล-แต่ตัวบุคคลที่ออกมารณรงค์หลายท่านก็เป็นที่น่านับถือ เป็นคนที่จริงใจ ไม่อยากเห็นความรุนแรง ไม่อยากเห็นประชาชนเสียเลือดเนื้อไม่ว่าฝ่ายไหน หลายท่านก็เป็นกลางจริง เช่นฟังท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์วิทยุเมื่อค่ำวันพุธ (ขออภัยฟังไม่ทันว่าใคร) ท่านติงว่าท่าทีของทหารไม่เหมือนตอนที่รัฐบาลสมัคร-สมชายจะให้ปราบม็อบพันธมิตร (คือกระเหี้ยนกระหือรือ ว่างั้นเถอะ)

บางคนอย่างคุณสารี ที่ออกมาเรียกร้องในฐานะกลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง พวกเสื้อแดงอาจมองว่าเธอเป็นพันธมิตร แต่อย่าลืมนะครับ เธออยู่ในกลุ่ม NGO ที่ปีนกำแพงรัฐสภาคัดค้าน กม.ความมั่นคง จนถูกจับพร้อมกับ อ.จอน อึ้งภากรณ์ จุดยืนนี้ต้องคารวะ เพราะพวกพันธมิตรจำนวนมากที่เคยต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ยอมค้านกฎหมายที่ คมช.ออกมาเพื่อสร้างรัฐทหารซ้อนในรัฐ

เพียงแต่ในหลักการแล้ว การออกมาเรียกร้อง “ไม่ต้องการความรุนแรง” ในวันนี้ มันสายไปแล้วครับ และมันก็เลื่อนลอย ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง กลายเป็นเครื่องมือของผู้กุมอำนาจ

ต้องชื่นชมนักเขียนอย่างคุณคำผกา เธอพูดชัดกว่า ที่ว่าสันติวิธีจะเกิดขึ้นได้ในสังคมที่มีความยุติธรรมเท่านั้น ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยทุกวันนี้เกิดขึ้นตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากฝ่ายกฎหมาย เป็นความรุนแรงที่มองไม่เห็น

การทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง การใช้อำนาจที่อ้างว่าศักดิ์สิทธิ์ ตัดสินยุบพรรคการเมืองที่ประชาชนลงคะแนนให้ 19 ล้านเสียง ตัดสิทธิคนที่ไม่รู้ไม่เห็นกับการกระทำผิดโดยใช้กฎหมายย้อนหลัง เขาชนะเลือกตั้งเข้ามาใหม่ โดยประชาชนเลือกท่วมท้น ก็ยังยุบพรรคเลือกอีก ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล (ในค่ายทหาร) นอกจากละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังล่วงล้ำอำนาจอธิปไตยของปวงชน ซึ่งมันยิ่งใหญ่และอยู่เหนืออำนาจตุลาการนะครับ อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างในประเทศนี้ด้วย

นี่คือความรุนแรงไหม ผมว่าเป็นความรุนแรงที่ไม่มีอะไรเทียบได้ เพราะกระทำโดยพลการหักหาญอำนาจอธิปไตยของปวงชน นอกจากนั้นยังตามมาด้วยความพยายามใช้อำนาจศาลตัดสินปัญหาการเมือง ทำลายบุคคลที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนโดยไม่สามารถพิสูจน์ความผิดให้เห็นชัด

กองทัพใช้รถถัง ศาลใช้กฎหมาย คุณบอกว่าไม่มีใครตาย แต่ใช้ความรุนแรงที่มองไม่เห็น สร้างความอึดอัด กดดัน โกรธแค้น เมื่อเขาจะตอบโต้แบบชาวบ้าน เขาไม่มีอำนาจอย่างพวกคุณ เขาก็ต้องตอบโต้ด้วยจำนวนคน ด้วยกำลังกาย ด้วยสองมือสองตีน คุณกลับบอกว่านี่-ใช้ความรุนแรง

ความรุนแรงถ้าจะเกิดขึ้นจากมวลชนเสื้อแดง มันก็เกิดเพราะความโกรธแค้นอัดอั้นกับความยุติธรรม 2 มาตรฐานที่เขาเห็นมาตลอด 4 ปี มันเกิดเพราะพวกเขาถูกสื่อ นักวิชาการ พันธมิตร ดูหมิ่นเหยียดหยามว่าโง่ ถูกซื้อ หรือเป็นข้าทาสทักษิณ รวมทั้งจะเกิดเพราะการให้ร้ายป้ายสี ราวกับเสื้อแดงที่จะเข้ามาเป็นผีป่า ซาตาน เป็นโจรจะเข้ามาปล้นบ้านปล้นเมือง

พูดได้ไงว่าให้คนกรุงรวมตัวเป็นชาวบ้านบางระจันยุคใหม่ เห็นคนไทยด้วยกันเป็นพม่า นี่เรียกว่ายั่วยุให้เกิดความรุนแรงไหม ถ้าคนกรุงรวมตัวกันเป็นชาวบ้านบางระจันได้จริง เขารุมกระทืบคุณตั้งแต่ตอนยึดสนามบินแล้วครับ

ตัวผมเองก็ทักท้วงคัดค้านม็อบพันธมิตรมาตลอดนะครับ เรื่องความรุนแรง แต่วันนี้ไม่แล้ว ทำไมล่ะ ไม่ใช่ 2 มาตรฐาน ก็ที่ว่ารุนแรงๆ พันธมิตรทำไปหมดแล้ว พันธมิตรชนะด้วย คุณรุนแรงแล้วชนะ ชนะแล้วไม่ต้องรับผิด ยึดทำเนียบไม่เป็นกบฎ ยึดสนามบินไม่เป็นผู้ก่อการร้าย ลอยหน้าลอยตาได้ดิบได้ดีกันไปทั่ว แล้วคุณจะมาห้ามคนอื่นรุนแรงได้ไง คนอื่นเขาก็อยากใช้ความรุนแรงเอาชนะเช่นกัน ผมถึงบอกว่าการเคลื่อนไหวยุคโพสต์พันธมิตร จะมานั่งตบยุงอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว แม้แต่ชาวนาประท้วงราคาข้าวยังต้องปิดถนน

ถ้าเราจะพูดถึงสันติวิธี ไม่เอาความรุนแรง ก็ต้องพูดตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว หรืออย่างน้อยก็สองปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ สงครามกลางเมืองมันเกิดแล้วครับ คุณสารี ไม่ใช่ยังไม่เกิด เพียงแต่มันยังอยู่ระหว่างเดินทัพ ยังไม่ประจัญบานกันเท่านั้น

เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งบีบคั้น กดดัน พันธนาการทุกอย่าง จนไม่มีทางออก อีกฝ่ายก็ต้องใช้ความรุนแรงเข้าตอบโต้ ไม่มีทางเลือก มันต้องเกิด Chaos จริงไหมพี่เปี๊ยก

ม็อบเสื้อแดงวันนี้จึงไม่มีใครห้ามได้ และที่น่ากลัวก็คือแม้แต่แกนนำก็จะคุมไม่ได้ เพราะมวลชนเคียดแค้นกดดันมานาน เขาต้องการระเบิดอารมณ์ เขามาอย่างอิสระ ไม่เหมือนพวกสาวกลัทธิที่เป่านกหวีดปี๊ดๆ ก็ซ้ายหันขวาหัน

เพียงแต่ที่ผมเตือนสติเสื้อแดงว่าอย่ารุนแรง ก็เพราะรุนแรงแล้วเสียหาย รุนแรงแล้วไม่ชนะ (ถ้ารุนแรงแล้วชนะ เอาแม่มเลย ฮิฮิ) เปล่า! คือยังไงก็ต้องคำนึงถึงชีวิตมวลชนอยู่ดี และต้องคำนึงว่าการต่อสู้เพื่อ “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” นั้นยังอีกยาวไกล ต้องสงวนพลังไว้

และพูดให้ถึงที่สุด การต่อสู้ไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตาม ถ้าใช้ความรุนแรง นองเลือด สงครามกลางเมือง ฯลฯ มันจะนำไปสู่เผด็จการของผู้ชนะ กวาดล้างทำลายผู้แพ้ ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ฉะนั้นตราบใดที่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังมีทางเลือกได้ที่จะไปสู่จุดหมายโดยไม่ต้องรุนแรง ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรง เว้นแต่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนและจำต้องตอบโต้

อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์วันนี้ ผมเห็นว่ามวลชนเสื้อแดงมี “ความชอบธรรม” ที่จะ “แสดงอารมณ์” เพียงต้องจำกัดให้อยู่ในเป้าหมาย นั่นคือประท้วงให้สังคมรู้ ให้โลกรู้ ว่ามวลชนไม่ยอมรับความอยุติธรรม รวมถึงแสดงพลัง สร้างความฮึกเหิม แสดงนัยสำคัญว่า เฮ้ย! คนกรุง พวกกูมาแล้ว มาเป็นแสนๆ และสามารถจะทำให้เมืองฟ้าเมืองสวรรค์นี้เป็นอัมพาต ถ้าอยากทำ คนจนมาแล้ว คนชนบทมาแล้ว มาเพื่อ “เคาะประตูบ้าน” ให้ชนชั้นกลาง ชนชั้นนำ ผู้ลากมากดี เซเลบส์ ได้รับรู้ว่านี่คือคนส่วนใหญ่ของประเทศ นี่คือเจ้าของประเทศตัวจริง

แต่ไม่จำเป็นต้อง “พังบ้าน” นะครับ เพราะแม้จะพูดว่า “สงครามชนชั้น” แต่ในการต่อสู้ข้างหน้า คนชั้นล่างก็ต้องร่วมมือกับคนชั้นกลางอยู่ดี เพราะคนชั้นกลางจำนวนไม่น้อยก็เอือมระอาระบอบอภิสิทธิ์ พวกที่เต้นตามเสียงนกหวีดพันธมิตรเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น

แกนนำเสื้อแดงจะต้องควบคุมให้อยู่ในเป้าหมายนี้ นี่ต้องเรียกร้องกัน ไม่ใช่เอาแต่ประกาศ “สงครามครั้งสุดท้าย” ถึงวันนี้มองเห็นแล้วว่ามวลชนจุดติด คุณต้องเลิกปลุกด้วยอารมณ์รุนแรงได้แล้ว คุณวางแผนอะไรกันมากกว่านี้หรือเปล่า ผมไม่ทราบ ทักษิณวางหมากอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ผมไม่ทราบ แต่ถ้าเป้าหมายสูงสุดคือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ก็ต้องวางเป้าของการเคลื่อนไหวไว้แค่นี้ ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องยุบสภา ต้องเป็นเรื่องที่ยืดหยุ่นได้ กดดัน-แต่ต้องพร้อมจะต่อรองได้ ถ้าเข้าเป้าทางการเคลื่อนไหวแล้ว

ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่า ในเมื่ออารมณ์ฝูงชนแรงก็ต้องแสดงออก ฉะนั้น ภารกิจหนึ่งของแกนนำคือจะต้อง “ออกแบบความรุนแรงเล็กๆน้อยๆ” ให้มวลชนพอจะระบายอารมณ์ได้บ้าง โดยไม่เกินขอบเขตเกินไป (คือมันต้องเกินมั่งอยู่แล้ว) ไม่เสียหายทางการเมือง และไม่เป็นเหตุให้ถูกสลายม็อบ อาจจะผิดกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะเคยมีคนบางกลุ่มเขาทำแล้วเรียกว่า “อารยะขัดขืน” (ฮา)

แต่ต้องอารยะจริงๆ นะครับ เพราะทำแล้วต้องยอมรับโทษตามกฎหมายเหมือนมหาตมะคานธี อย่าทำเหมือนพวกพันธมิตรที่ “อนารยะขัดขืน” สมมติเช่น ถ้าคุณจะจัดตั้งกัน ยกพลซักหมื่นคน เดินทางไปปาขี้ใส่บ้านอภิสิทธิ์ (ฮา) คุณก็บอกตำรวจจัดรถรอไว้เลย ปาเสร็จเดินขึ้นรถ รับสารภาพ นำตัวส่งศาล สั่งขัง 10 วัน (เพราะกระทำกับผู้นำประเทศ ทำกับคนธรรมดาโทษไม่หนักเท่านี้) เอาเลย ยอมให้ขังหมื่นคน

สมมตินะครับ สมมติ อย่าทำจริง เดี๋ยวเขาหาว่าใบตองแห้งยุ (ฮา)

ในฝ่ายรัฐ ก็ต้องเข้าใจว่าอารมณ์มวลชนเดือดพล่าน ทางออกคือต้องเปิดช่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ระบาย ไม่ใช่สุมไฟจนหม้อต้มน้ำระเบิด ฉะนั้นถ้ามีการทำผิดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ต้องอะลุ่มอล่วย (เช่นอภิสิทธิ์ต้องไม่สั่งใช้กำลังปราบ ถ้าม็อบจะไปปาขี้ที่บ้าน-ฮา) เพราะเมื่อครั้งที่เสื้อเหลืองปิดหน้ารัฐสภา (การชุมนุมไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ) ทั้ง ปชป. เสื้อขาว และกรรมการสิทธิ ก็ออกมาปกป้องว่ารัฐอย่าใช้ความรุนแรง

อภิสิทธิ์ต้องเลือกเอานะครับ ระหว่างอนาคตทางการเมืองที่อีกยาว กับการแบกหม้อก้นดำแทนอำนาจรัฐประหาร

กลับมาที่ “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ขอบอกว่าถ้าไม่ต้องการความรุนแรงจริง คุณต้องไม่ทำเพียงแค่ใส่เสื้อขาวไปสวดมนต์อยู่ถนนสีลม แต่ต้องทำมากกว่านี้ เพราะทำแค่นี้เหมือนคุณแสดงนัยว่าไม่ต้องการให้เสื้อแดงเข้ามาชุมนุม ทั้งที่เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย คอยดูการตีความที่จะออกทางสื่อก็จะบอกว่าคัดค้านเสื้อแดงใช้กำลัง

ถ้าไม่ต้องการความรุนแรงจริง “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ต้องประณามคนของรัฐบาลที่ออกมายั่วยุ เหยียดหยาม ให้ร้ายป้ายสี สร้างกระแสความตื่นกลัว คุณต้องเดินไปบอกรัฐบาลว่า ให้เปลี่ยนท่าที ประกาศเชิญพี่น้องประชาชนเสื้อแดงมาชุมนุมโดยสงบสันติ โดยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะบริจาคเงินช่วยค่าอาหารในการชุมนุมวันแรก (ไม่มีทาง)

ถ้าไม่ต้องการความรุนแรงจริง “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ซึ่งประกอบด้วยองค์กรวิชาชีพสื่อ ทั้งสมาคมนักข่าว สภาการหนังสือพิมพ์ จะต้องใส่เสื้อขาวเดินทางไปยังสำนักงานของสื่อกระแสหลัก ที่ยุยงให้ “ฆ่ามันๆ” อ่านแถลงการณ์ประณาม โดยไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหมหน้าไหน

ถ้าไม่ต้องการความรุนแรงจริง “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ต้องประณามพันธมิตร ที่ปลุกให้คนกรุงต่อต้านม็อบเสื้อแดง คุณสารีต้องยืดอกสามศอก ประณาม พธม.อดีตภาคประชาชนที่สนับสนุนให้รัฐใช้ กม.ความมั่นคง อย่างสง่าผ่าเผยเลยครับ เพราะคุณสารีต่อต้าน กม.เผด็จการมาแล้ว

และถ้าไม่เอาความรุนแรงจริง ในท้ายที่สุด “หนึ่งเสียงไม่เอาความรุนแรง” ต้องคิดว่าในสถานการณ์ที่มวลชนเต็มไปด้วยอารมณ์คับแค้น คุณต้องหาช่องระบาย ให้เขาได้รับความยุติธรรมคืนไปบ้าง หรือมีช่องทางที่จะต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย นั่นคือถ้าเกิดการประจัญหน้าโดยไม่มีทางออก คุณต้องเรียกร้องให้รัฐบาลคลี่คลายสถานการณ์ โดยยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งแม้จะไม่ได้คืนความยุติธรรมให้ทั้งหมด แต่ก็เป็นวิถีทางที่จะลดวิกฤติ เพราะรัฐบาลนี้มีที่มาที่ไม่ชอบธรรม ในเมื่อเหลือเวลาอีกไม่เกิน 2 ปี สภาก็จะครบวาระ ทำไมจะยุบสภาก่อนไม่ได้ อภิสิทธิ์ก็คุยอยู่ว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจลุล่วงแล้ว

กล้าไหมละครับ คนที่บอกว่าไม่ต้องการความรุนแรง คนไทยรักสงบ คนที่บอกว่าเป็นกลาง เป็นพลังเงียบ ถ้าสถานการณ์ไม่มีทางออกจริงๆ คุณกล้าเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาไหม การยุบสภาไม่ใช่เรื่องเสียหาย ให้ประชาชนกลับไปลงคะแนนตัดสิน เสื้อแดงเขาท้าว่าพร้อมอยู่แล้ว แม้จะอยู่ในกติกาที่เสียเปรียบ รัฐบาลใหม่ไม่ว่าได้ใครก็ตาม ก็ยังมีความชอบธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ และจะลดความรุนแรงของความขัดแย้งลง แม้การต่อสู้กันจะดำรงอยู่ต่อไปอีกนาน แต่ก็จะค่อยๆ เข้าสู่วิถีของประชาธิปไตย

ความรุนแรงต้องแก้ไขด้วยวิถีทางประชาธิปไตย ไม่มีประโยชน์ที่จะมาชูป้ายหน่อมแน้ม

ใบตองแห้ง
12 มี.ค.53

ป.ล.ขอฝากถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ พธม.ภาคประชาชนว่า ที่จริงนี่เป็นโอกาส-อาจจะสุดท้ายที่จะได้ “กลับเนื้อกลับตัว” (ฮา) เพราะผมคุยกับเพื่อนพ้อง พธม.ทีไรก็ยืนยันว่า “เราไม่เอาอำมาตย์” แต่ม็อบเสื้อแดงมาทีไร ก็ออกมาปกป้องทุกที แสดงตัวเป็นศัตรูโจมตีให้ร้ายประชาชนที่อยู่อีกข้าง (ลับหลังก็คุยอีกละว่าสะใจ แอบเชียร์เสื้อแดงด้วยซ้ำ)

ไม่ได้เรียกร้องให้เชียร์หรอกครับ แค่อยู่เฉยๆ เก็บปากเก็บคำ ก็พอแล้ว หรือถ้าจะเรียกร้องไม่ให้รุนแรง ก็ใช้ภาษาดีๆ ได้ แสดงท่าทีเคารพสิทธิเคารพความเห็นต่าง แล้วทำตัวเป็นพ่อปู เอ๊ย กฤษณาสอนน้อง ว่าอย่าเอาอย่างการใช้ความรุนแรงของพันธมิตรเลย เราผิดไปแล้ว (ฮา)