WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, March 10, 2010

ใต้เท้าขอรับ: สงครามเริ่มที่ ‘เรา’

ที่มา ประชาไท


ใช้สิทธิโดยไม่รุนแรง
รักษากฎหมายโดยไม่ปราบปราม
หาทางออกโดยไม่รัฐประหาร

ข้อเสนอโดยคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
8 มีนาคม 2553

0 0 0

ในวาระที่คนเสื้อแดงจะเคลื่อนพลครั้งใหญ่ สื่อหลายสำนัก พร้อมใจกันนำเสนอข่าว กระพือความกลัวในสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น

แน่ล่ะ ความกังวลต่อความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ แต่เจตนาของสื่อเหล่านี้ โดยที่ไม่ต้องนับชิ้นข่าว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เราก็รู้ว่า มีผลเป็นการทำลายความชอบธรรมการชุมนุมของคนเสื้อแดง

บางสำนักจงใจจัดทำรายงานพิเศษ เรื่องเหยื่อจากการชุมนุมเสื้อแดงเมื่อครั้งสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่เหตุการณ์เหล่านี้เต็มไปด้วยข้อสงสัย ซึ่งนั่นเท่ากับว่า สื่อสำนักนั้นได้ตัดสินแล้วว่า การชุมนุมของคนหลายหมื่นหลายแสนที่จะเกิดขึ้นเป็นความผิด เป็นการก่อความวุ่นวาย ทั้งๆ ที่หากเป็นกลุ่มมวลชนอื่นๆ สื่อเหล่านี้กลับปกป้องว่า นี่คือ ‘เสรีภาพในการชุมนุม’

จนบัดนี้ยังไม่มีเหตุอันใดที่จะเชื่อว่า คนเสื้อแดงจะชุมนุมอย่างไม่สันติ หรือเตรียมก่อการ แม้หลายครั้ง คนที่มีภาพนำการเคลื่อนไหวจะเข้าข่ายยั่วยุ แต่หลายครั้งหลายหนเช่นกันที่แกนนำคนเสื้อแดง หรือแม้แต่คนที่สื่อเชื่อกันว่าอยู่เบื้องหลัง จะได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า “สันติ สันติ” แต่สื่อก็ยังคงอาศัยการวิเคราะห์ ความเห็นของรัฐบาล หน่วยงานความมั่นคง หรือเลือกไม่ให้น้ำหนักกับบางคน เลือกเชื่อเสื้อแดงบางคน จนนำไปปักใจเชื่อ ช่วยกันโหมกระพื้อความเชื่อนั้น

ไม่น่าเชื่อว่า ขณะที่เราเห็นการค้นพบอาวุธมากมายในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปีสองปีที่แล้ว โดยสื่อเชื่อว่า นั่นคือการชุมนุมที่เรียกว่า สันติ และอาวุธนั้นมีเพื่อป้องกันตนเอง แต่ครั้นการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นอาวุธสักชิ้น สื่อกลับพร้อมใจกันเรียกว่า เป็นการชุมนุมที่มีแนวโน้มรุนแรง และนำเสนอข่าวอันมีผลเป็นการลดความชอบธรรมของการชุมนุม ไม่ว่าจะอ้างว่า เป็นการนำเสนอไปตามข้อเท็จจริงก็ตาม

เสรีภาพการชุมนุมก็คือ เสรีภาพการชุมนุม ไม่ว่าจะอย่างไร รัฐจำเป็นต้องคุ้มครองเสรีภาพนี้ไว้ ไม่ว่าเขาจะชุมนุมด้วยเสื้อสีใด กอดประชาธิปไตย หรือกอดภาพลักษณ์ของคุณธรรม เขาเหล่านั้นมีสิทธิเสรีภาพที่จะชุมนุม อันเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

รัฐอาจจะปิดกั้นเสรีภาพการพูดการคิดการเขียนได้ โดยผู้คนอาจจะก้มหน้ายอมรับสภาพการกดขี่และการละเมิดได้สักพัก แต่เสรีภาพการชุมนุมปิดไม่ได้ มันเป็นพื้นฐานของพื้นฐาน เป็นประตูแห่งเสรีภาพทั้งปวง ยิ่งเมื่อมันเกิดขึ้น มันก็เป็นการใช้เสรีภาพที่ผู้ชุมนุมเอาหยาดเหงื่อแรงงานและเอาชีวิตร่างกาย และจิตใจ ผ่านสองเท้าของเขาเดินเข้ามาร่วมและก่อเกิดอารมณ์ความรู้สึกรวมหมู่ รัฐจึงต้องปกป้อง คุ้มครอง ดูแล ด้วยความเข้าใจถึงความคับแค้นนั้น

การใช้ความกลัว ข้ออ้าง ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างในเรื่องอะไรมากีดกันเสรีภาพในการชุมนุมจึงไม่พึงกระทำ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้ผู้จัดการชุมนุมควบคุมการชุมนุมของคนล้านอารมณ์ ล้านความรู้สึก ล้านความแตกต่างให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและสันติแล้ว ยังเท่ากับการยั่วยุ

รัฐและสื่อมวลชนพึงตระหนักว่า ความรุนแรงจะไม่มีทางเกิดขึ้น หากไม่สร้างความเกลียดชังขึ้นมาก่อน หากรัฐและสื่อ (บางสำนัก) ทำลายความชอบธรรมของการชุมนุม ทั้งๆ ที่การชุมนุมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ก็เท่ากับใบอนุญาตให้รัฐและฝ่ายตรงข้ามปราบปรามประชาชนผู้เห็นต่าง และนั่นคืออาวุธอันรุนแรงที่สุดที่ได้โยนเข้าใส่ผู้ชุมนุมแล้ว

อย่างไรก็ตาม เราอาจจะพยายามเข้าข้างรัฐและสื่อที่ตีข่าวและกระพือข่าวเช่นนี้ว่า มีขึ้นเพื่อหวังตีกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดจากฝ่ายผู้ชุมนุมก็ได้ กระนั้น สื่อและรัฐ ได้ให้ความเป็นธรรม และได้ใช้วิจารณญาณวิเคราะห์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นเหตุและผลแล้วหรือไม่

การออกมาเน้นย้ำด้วยเสียงอันดังหลายครั้งของ จรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช. ว่า “หากต้องการความรุนแรง จะระดมพลออกมาเป็นเรือนล้านดังที่ตั้งหวังทำไม” ข้อเท็จจริงเช่นนี้ เป็นเหตุและผลที่ฟังไม่ได้กระนั้นหรือ การระดมพลออกมาให้มากที่สุด มันได้สะท้อนว่า ผู้จัดการชุมนุมเองต้องการให้การชุมนุมมีผลเป็นการกดดันทางการเมือง โดยที่มีความเสี่ยงที่จะพบความรุนแรงให้น้อยที่สุดหรือไม่

ไม่ฟังคำพูด ดูประวัติก็ได้ แกนนำ นปช. เหล่านี้ไม่ใช่หรือ ที่ยอมสลายการชุมนุมเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย ทั้งๆ ที่รัฐและสื่อ ใช้ข้ออ้างของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งที่ตอบโต้การปราบปรามจากรัฐ หรือการปะทุอารมณ์ของคนเสื้อแดงกลุ่มเล็ก มาเป็นข้ออ้างในการสลายการชุมนุมที่กดดันทางการเมืองต่อรัฐทั้งหมด เมื่อครั้งเหตุการณ์สงกรานต์ในปี 2553

เราอาจจะเห็นแกนนำเสื้อแดงบางคนยั่วยุ หรือเสื้อแดงบางคนที่ไม่อาจเรียกว่าแกนนำแต่สื่อยัดเยียดให้ ประกาศจะใช้ความรุนแรง หรือเป็นที่คาดได้ว่า เราอาจจะเห็นเสื้อแดงบางคนใช้ความรุนแรง แต่เรา รัฐ และสื่อ จำเป็นต้องแยกแยะและเข้าใจว่า ความอดทนอดกลั้นของแต่ละคนมีขีดสุดไม่เท่ากัน กระนั้นเราต้องไม่กระทำผิดพลาดด้วยการกดทับปัญหาและความไม่เป็นธรรมให้หนักขึ้นไปอีกด้วยการเหมารวม ซึ่งแน่นอนการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีภารกิจต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามอดทนอดกลั้นในแนวทางสันติอย่างถึงที่สุดอีกครั้งด้วยเช่นกัน

เราอาจจะด่าโจมตีแกนนำ นักการเมือง ทหาร อำมาตย์ หรือโจมตีผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นของกลุ่มไหนก็ได้ แต่การด่า โจมตี และดูถูกมวลชนผู้เข้าร่วมเป็นเรือนแสนเรือนล้านจนก่ออคติในใจต่อมนุษยชาติต่างสีด้วยกันนั้น มันไม่ได้สร้างผลในทางสร้างสรรค์ใดๆ แม้แต่น้อย กระทั่งมันไม่มีผลในการดูถูกคนอื่นหรอก หากแต่กลายเป็นการดูถูกตัวเอง และกีดกันตัวเองออกไปจากมนุษย์คนอื่นๆ หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ เรากีดกันคนอื่นๆ จนกระทั่งเราเองต่างหากที่ไม่ใช่มนุษย์

สงครามกลางเมืองจะเกิดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะมีมือฉวยโอกาส และมีส่วนได้ส่วนเสียมากเหลือเกิน

เรารู้แต่ว่า ถ้ามันเกิด มันก็เกิดจากฝ่ายรัฐและอำนาจนำนั่นเองที่สร้างเงื่อนไขขึ้น โดยเริ่มขึ้นจากใจเรา ภายใต้การบงการและครอบงำของรัฐและสื่อนั่นเอง