ที่มา thaifreenews
"แก๊สน้ำตา" (Tear gas) หรือ CS gas ที่เป็นชื่อสามัญของ 2-chlorobenzalmalononitrile หรือ o-Chlorobenzylidene Malononitrile มีสูตรทางเคมีคือ C10 H5 Cl N2 โดยส่วนประกอบที่นำมาผลิต เป็นสารเคมีหลายชนิด แต่พบบ่อยคือ 1- chloroacetophenone (CN), 2-chlorobenzalmalononitrile (CS), dibenzoxazepine (CR), oleoresin capsicum (OC or "pepper spray") และ pelargonic acid vallinylamide (PAV)
แก๊สน้ำตาเป็นส่วนผสมของสารเคมี มีคุณสมบัติละลายน้ำ เมื่อถูกร่ายกายจะเกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะเยื้อบุต่างๆ จำแนกอาการได้ดังนี้
แก๊สน้ำตาเป็นส่วนผสมของสารเคมี มีคุณสมบัติละลายน้ำ เมื่อถูกร่ายกายจะเกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะเยื้อบุต่างๆ จำแนกอาการได้ดังนี้
เยื่อบุตา ทำให้มีน้ำตาไหล แสบ คัน บวม แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้
ยกเว้นว่าถูกแก๊สน้ำตาระเบิดใส่ตาโดยตรง
เยื่อบุโพรงจมูก ทำให้แสบจมูก มีน้ำมูก
เยื่อบุในช่องปาก ทำให้แสบ ร้อนริมฝีปาก ปากแห้ง หรือเกิดการพองมีน้ำเหลืองไหล เกิดแผลในปาก
ทางเดินหายใจ เจ็บคอ ไอ จาม มีเสมหะ หายใจลำบาก หัวใจเต้นแรง หัวใจทำงานผิดปกติ หายใจติดขัดเพราะหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพอง รายที่สูดดมควันเป็นเวลานานมาก อาจทำให้ปอดอักเสบได้
ทางเดินอาหาร สำลักควัน กลืนน้ำลายที่มีแก๊สน้ำตาเข้าไป จะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้
ผิวหนัง : แสบ บวมแดง
ยกเว้นว่าถูกแก๊สน้ำตาระเบิดใส่ตาโดยตรง
เยื่อบุโพรงจมูก ทำให้แสบจมูก มีน้ำมูก
เยื่อบุในช่องปาก ทำให้แสบ ร้อนริมฝีปาก ปากแห้ง หรือเกิดการพองมีน้ำเหลืองไหล เกิดแผลในปาก
ทางเดินหายใจ เจ็บคอ ไอ จาม มีเสมหะ หายใจลำบาก หัวใจเต้นแรง หัวใจทำงานผิดปกติ หายใจติดขัดเพราะหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพอง รายที่สูดดมควันเป็นเวลานานมาก อาจทำให้ปอดอักเสบได้
ทางเดินอาหาร สำลักควัน กลืนน้ำลายที่มีแก๊สน้ำตาเข้าไป จะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้
ผิวหนัง : แสบ บวมแดง
แก๊สน้ำตาจะออกฤทธิ์ทันทีที่ร่างกายสัมผัสถูก และฤทธิ์จะคงอยู่นานประมาณ 10-30 นาที ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ถูกแก๊สน้ำตา สิ่งแรกคือ หลีกเลี่ยงออกไปอยู่พื้นที่ที่ไม่มีควันแก๊สน้ำตาป้องกันการสูดดมซ้ำ จากนั้นรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือในปริมาณมากๆ ทันที วิธีการล้างให้ปล่อยน้ำให้ไหลผ่านดวงตาเบาๆ นานสักระยะเพื่อให้นำล้างแก๊สน้ำตาออกให้หมด เพราะหากล้างน้ำแรงไปจะทำให้ดวงตาอักเสบหรือกระจกตาเสียหายได้ หลังจากล้างดวงตาเสร็จแล้วให้ล้างใบหน้า มือ ขา ขา ด้วยสบู่ หรือน้ำเปล่าก็ได้ แต่สบู่จะช่วยชะล้างแก๊สน้ำตาได้ดีกว่าน้ำเปล่า และรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจเช็คร่างกายว่าได้รับอาจเกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจทำให้หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบได้ โดยผู้ป่วยจะจะมีอาการ หายใจติดขัด หายใจไม่ออก เจ็บบริเวณคอหลอดลมเพราะเกิดการอักเสบ แน่นหรือเจ็บหน้าอก ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้แพทย์จะรักษาตามอาการ โดยให้ดมออกซิเจน และจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ระยะเวลาการรักษาไม่นานภายใน 1-7 วัน อาการก็หายเป็นปกติ
สำหรับผลข้างเคียงระยะยาว รายงานทางการแพทย์จากการทดลองให้ห้องปฏิบัติการได้ฉีดแก๊สน้ำตาให้กับสัตว์ทดลอง พบว่ายังไม่มีข้อมูลยืนยันได้ว่าแก๊สน้ำตามีอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว หรือเกิดการสะสมในร่างกายเป็นเวลานานก่อให้เกิดเป็นมะเร็งได้
สำหรับผลข้างเคียงระยะยาว รายงานทางการแพทย์จากการทดลองให้ห้องปฏิบัติการได้ฉีดแก๊สน้ำตาให้กับสัตว์ทดลอง พบว่ายังไม่มีข้อมูลยืนยันได้ว่าแก๊สน้ำตามีอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว หรือเกิดการสะสมในร่างกายเป็นเวลานานก่อให้เกิดเป็นมะเร็งได้
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับแก๊สน้ำตา สวมใส่เสื้อผ้า และรองเท้าที่มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางแกงขายาว รองเท้าหุ้มข้อ สวมหมวก หรือหน้ากาก และควรพกแว่นกันแดดติดต่อตลอดเวลา หรือจะให้ดีควรเป็นแว่นที่มีลักษณะคล้ายแว่นกันน้ำ เพราะจะช่วยปกปิดดวงตาได้มิดชิดกว่าแว่นกันแดดปกติ
ด้วยความปรารถดีจาก FARED first aid red shirt อาสาปฐมพยาบาลเสื้อแดง