ที่มา Thai E-News
ฟังคลิปเสียงวันที่ 7 มิ.ย.ตอนหมอตุลย์+แก้วสรร รวมหัวกลั่นแกล้งยิ่งลักษณ์เพิ่มเติม ตามลิ้งค์ http://www.mediafire.com/?a32zoc9317gwuno
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา Asia Update TV
รายการ ที่นี่ความจริง วันที่ 6 มิถุนายน ทางโทรทัศน์ Asia Update-DNN ดำเนินรายการโดยนักวิชาการสาวหัวใจประชาธิปไตย ผศ.ดร.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อาจารย์หวาน)และ รศ.สุดสงวน สุธีสร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อาจารย์ตุ้ม) ส่วน ผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก อาจารย์พิเศษคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (อาจารย์จา)งดดำเนินรายการ เนื่องจากลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
รายการที่นี่ความจริง วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2554:กกต.มาแปลก
ในประเทศเสรี ผู้คนสามารถใช้สิทธิในการเลือกตั้งได้เต็มที่ และต่างคนต่างก็ยอมรับมติของประชาชนอย่างเป็นสุภาพบุรุษ (หรือสุภาพสตรี)
แต่ ในประเทศไทย ฝ่ายรัฐยังคงพยายามกีดกั้นไม่ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นหรือความไม่พอใจใน การกระทำหลาย ๆ ประการของรัฐโดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขณะที่สื่อของรัฐยังมีการออกรายการที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง และโจมตีใส่ร้ายฝ่ายคู่แข่งได้อยู่
ขณะเดียวกัน องค์กรของรัฐอย่างกกต.ก็มีการกระทำอะไรแปลก ๆอย่างการให้คนที่เลือกตั้งล่วงหน้าในปีที่แล้วต้องมาเพิกถอนสิทธิไม่เช่น นั้นจะไม่มีสิทธิเลือกตั้งในวันจริง แต่กระทำโดยไม่ได้ประชาสัมพันธ์ใด ๆ ทำให้มีคนไม่รู้และเสียสิทธิในการเลือกตั้งในวันจริงไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปลงชื่อเลือกตั้งล่วงหน้าเพิ่ม
แม้ ว่าการมีกกต.จะทำให้ต่างประเทศเห็นว่าประเทศของเรามีกกต. แต่กกต.ของไทยก็ไม่ได้ทำหน้าที่อะไร ทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เรื่องที่ควรรู้ อาศัยแต่ออกข่าว ซึ่งทำให้คนที่ไม่ได้ติดตามหรือติดตามข่าวไม่ทั่วถึง ก็ทำให้พลาดเรื่องราวต่าง ๆ ได้ กกต. จึงสมควรมีการประชาสมพันธ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรและถ้วนหน้ากว่านี้
ประเภท ของการเลือกตั้งล่วงหน้ามี 2 ประเภท คือการเลือกตั้งนอกเขตหรือนอกประเทศ และการเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งในเขตนั้นเอง ซึ่งปกติในต่างประเทศจะมีแต่คนแก่ที่ใช้การเลือกตั้งแบบนี้เนื่องจากอาจจะทำ ให้การเลือกตั้งปกติติดขัด อีกทั้งบางรัฐในอเมริกาก็ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ในประเทศไทยเองความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้งล่วงหน้าก็มีต่ำมาก เพราะคนต่างกลัวว่าจะมีการทุจริต เนื่องจากต้องเก็บหีบบัตรไว้ถึง 8 วันก่อนนับคะแนน จึงอาจมีการเปลี่ยนหีบหรืออื่น ๆ ได้
ในเรื่องของ การเปลี่ยนหีบ มีการเกิดขึ้นมาบ่อยจนเป็นปกติแล้ว แม้จะเริ่มดีขึ้นบ้างหลังมีการก่อตั้งกกต. ในสมัยรัฐธรรมนูญประชาชน 2540 แต่ก็เริ่มกลับมามีอีกในสมัยหลังรัฐธรรมนูญ 2550
กกต. เองก็ออกมาแสดงความเห็นว่าไม่ต้องการให้มีประชาชนไปเฝ้าหีบบัตร ซึ่งความจริงนั้นการที่ประชาชนไปเฝ้าหีบบัตรเป็นการป้องกันการโกง และไม่มีข้อเสียใด ๆ ทั้งสิ้น และหีบบัตรที่กกต. ใช้เองก็มีสเป็คค่อนข้างต่ำ และสามารถปลอมแปลงได้ง่าย การพิมพ์บัตรก็พิมพ์บัตรออกมาเกินจากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึง 8 ล้านฉบับ ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในการโกงได้ อย่างในการเลือกตั้ง 2550 ที่มีการเผาบัตรทิ้ง ที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นการทำลายหลักฐานการโกง และยังออกมาขู่ฟอด ๆ ว่าจะมีการให้ใบเหลือง ใบแดง ยุบพรรค ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวกกต.เท่าใดนัก
ขณะที่ ฝ่ายพรรคของอำมาตย์ก็ยังคงพูดเรื่องการจับมือกันได้สูงสุดได้ก่อตั้งรัฐบาล โดยไม่รู้จักคำว่า Priority ซึ่งหมายถึงการเรียงลำดับความสำคัญ ซึ่งพรรคที่ได้อันดับหนึ่งและมีความสำคัญมากที่สุดก็สมควรได้จัดตั้งรัฐบาล และการที่ฝ่ายอำมาตย์ดึงดันเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในความ บริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้งและการเมืองน้อยลง