ที่มา มติชน
โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
การ เลือกตั้ง 3 กรกฎาคมนี้ น่าจะเป็นมหกรรมการใช้สิทธิของประชาชนคนไทย ที่มีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจนมากที่สุดครั้งหนึ่ง โดยมีกระแสการต่อสู้ระหว่างขั้ว ระหว่างอุดมการณ์ทางการเมือง เข้ามาเกี่ยวพันอย่างแนบแน่น
เพราะฉะนั้น การแสดงออกของประชาชนส่วนหนึ่ง ในช่วงระหว่างการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ จึงปรากฏชัดเจนว่าตั้งใจจะเลือกใครและตั้งใจจะปฏิเสธใคร
แม้ชาวเสื้อ แดงโดยรวมจะยอมรับข้อห้ามปรามของแกนนำ ไม่ให้มีการรวมกลุ่มไปขัดขวางต่อต้านการหาเสียงของนายกฯอภิสิทธิ์และพรรคประ ชาธิปัตย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยสกัดนายกฯหญิง
แต่ในแง่อารมณ์ความรู้สึกส่วนบุคคลซึ่งต้องการแสดงออกทางการเมือง ยากที่ใครจะห้ามได้
ขบวนหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ในหลายพื้นที่ จึงหนีไม่พ้นโดนประชาชนคนสองคน ชูป้ายต่อต้านบ้าง ตะโกนด่าทอบ้าง
เนื้อหาหลักคือกรณี 91 ศพ
ไปจนถึงปัญหาข้าวยากหมากแพง การเข้ามาเป็นรัฐบาลท่ามกลางข้อกังขา ระบบ 2 มาตรฐาน
แม้ฝ่ายประชาธิปัตย์พยายามจะอธิบายปรากฏการณ์นี้ เพื่อเชื่อมโยงถึงพรรคเพื่อไทยและ นปช.
ผู้อาวุโสของประชาธิปัตย์บางคน ถึงกับอ้างว่าเป็นการจัดตั้งกันมา เป่าหูกรอกข้อมูลผิดๆ ให้มาแสดงออก
อาจจะหวังปลอบใจกันเอง ว่าประชาชนทั่วไปไม่ได้คิดต่อต้านนายกฯรูปงามอย่างนั้นหรอก
เสียงพรรคเรายังดีอยู่
ประชาชนยังเชื่อมั่นอภิสิทธิ์อยู่
อะไรทำนองนั้น
แต่ สิ่งที่เราจะเห็นได้จากการแสดงออกของประชาชน ในการเผชิญหน้ากับอภิสิทธิ์ขณะหาเสียงก็คือ การชูป้ายที่เขียนแบบตามมีตามเกิด กระทั่งเดินดุ่มๆ เข้าไปแล้วตะโกน
ไม่ได้ขว้างปาข้าวของ
ยิ่งไข่ซึ่งเป็นของแพงก็ไม่มีการปา
ขณะที่เหตุผลของอภิสิทธิ์และรัฐบาล ที่อ้างว่ามีผู้ก่อการร้าย มีนักรบชุดดำ จนนำสู่เหตุการณ์บานปลาย 91 ศพนั้น
ไม่ สามารถอธิบายให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเขายอมรับได้หรอก ว่าทำไมจึงมีเจ้าหน้าที่รัฐลั่นกระสุนใส่ผู้ชุมนุม จนล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก
คำว่านักรบชุดดำจึงตีค่าได้เพียงแค่เป็นคำเอ่ยอ้าง ที่ผู้นำรัฐบาลซึ่งมีกลไกในมือมากมาย จะต้องหาพยานหลักฐานมายืนยัน มิใช่พูดลอยๆ
ฉะนั้นอีก 3 สัปดาห์สุดท้ายของการหาเสียง ขบวนของนายกฯอภิสิทธิ์คงหนีไม่พ้นการแสดงออกของประชาชนเช่นนี้อีก
อันเป็นการแสดงออกตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตยแท้ๆ อีกด้วย
ความ จริง อารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ มีคนพร้อมจะแสดงออกตั้งนานแล้ว ตั้งแต่หลัง 19 พฤษภาคม 2553 ด้วยซ้ำ เพียงแต่ได้รับการปกปิดด้วยขบวนอารักขานายกฯที่ใช้เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจนับ ร้อยในทุกๆ วัน
คุ้มกันตั้งแต่ออกจากบ้าน มายังทำเนียบรัฐบาล และในทุกสถานที่ที่เดินทางไป
แล้วจัดอารักขาขนาดนั้นทำไม ก็เพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรตามมา หลังกระชับพื้นที่สำเร็จเสร็จสม
จนเมื่อนายกฯอภิสิทธิ์ต้องสลัดคณะผู้อารักขา มาลงตามท้องถนนเพื่อหาเสียงเลือกตั้งนี่แหละ
จึงได้พบความจริงจากสังคมไทย
และแน่นอน 3 กรกฎาคมนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนมีเป้าหมายการเมืองชัดเจนที่สุด