ที่มา ประชาไท
5 กุมภาพันธ์ 2555 ห้องประชุมทะเลสีครีมรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคตะวันตก แถลงเปิดตัวเครือข่าย ระบุตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ประเทศไทย มีระบบหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้คนไทยกว่า 48 ล้าน เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างมีศักดิ์ศรี แต่ปัจจุบันกลุ่มคนหลายกลุ่ม ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายคัดค้านระบบหลักประกันฯ ตั้งแต่ต้น และฝ่ายเสียผลประโยชน์ ทั้งบริษัทยาข้ามชาติ และกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนบางส่วน ออกมาปล่อยข่าวในแง่ลบ จึงได้รวมตัวปกป้องนโยบายนี้ ร้องยิ่งลักษณ์ นายกฯ เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้รัฐมนตรี และพวกพ้อง บริหารจัดการตามอำเภอใจ ให้พัฒนาระบบสุขภาพ เป็นมาตรฐานเดียว โดยมีรายละเอียดในแถลงการณ์ ดังนี้
0 0 0
ก่อนปี 2543 การรักษาพยาบาลในประเทศไทยเป็นไปในรูปแบบธุรกิจ ใครมีเงินก็มีอายุยืนยาว ใครไม่มีเงินก็ล้มตายไปอย่างไม่มีใครสนใจ การเข้ารับการรักษาพยาบาลจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวของคนจนในชนบท การรักษาพยาบาลแต่ละครั้ง ต้องมีเงินไปจ่ายค่าหมอค่ายาตามที่รพ.กำหนด โดยไม่สามารถต่อรองราคาได้ สภาพคนไทยในอดีต คนที่ไม่มีเงินพาผู้ป่วยไปรักษาก็ต้องปล่อยนอนรอความตายไปเองทั้งที่บางโรค สามารถรักษาให้หายได้ หรือในกรณีที่ไปโรงพยาบาลแล้วมีเงินไม่พอจ่ายค่ายา ก็จะถูกเทยาออก และจ่ายยาให้ตามจำนวนเงินที่มี หรือไม่ก็ต้องเข้าไปกราบกราน ขอร้องให้หมอช่วยเซ็น ส่งตัวไปที่ห้องสังคมสงเคราะห์ แล้วก็ต้องเข้าไปนั่งก้มหน้าตัวลีบให้เจ้าหน้าที่ซักประวัติ และว่ากล่าวที่ทำไมถึงจน กว่าจะได้ยามากินศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แทบไม่มี
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ประเทศไทย มีระบบหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้คนไทยกว่า 48 ล้าน เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างมีศักดิ์ศรีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เจ็บป่วยก็สามารถกด 1669 เรียกรถฉุกเฉินไปรับถึงบ้านได้ มีการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลในทุกโรคที่มีค่า ใช้จ่ายสูงโดยการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาสนับสนุน ทำให้การบริการด้านสาธารณสุขของไทยมีความครอบคลุมในการดูแลรักษาที่จำเป็น สำหรับประชาชนกลุ่มต่างๆมากขึ้น ซึ่งประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐอเมริกายังต้องมาดูเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้การดำเนินการของ สปสช. ที่ผ่านมายังสามารถยกเลิกการเก็บเงินสมทบ 30 บาท เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันแก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งมีการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง เป็นรูปธรรม เรียกได้ว่าระบบหลักประกันสุขภาพเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง จนทำให้เกิดความพึงพอใจของประชาชนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผู้ให้บริการมากขึ้นทุกปี โดยเห็นได้จากผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมาทุก ปี และก็ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมและชนะเลือกตั้งเข้ามาจัดตั้ง รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
แต่ปัจจุบันมีข่าวเกี่ยวกับระบบหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) จากกลุ่มคนหลายกลุ่ม ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายคัดค้านระบบหลักประกันฯ ตั้งแต่ต้น และฝ่ายเสียผลประโยชน์ ทั้งบริษัทยาข้ามชาติ และกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนบางส่วน ที่ออกมาปล่อยข่าวในแง่ลบ ที่เป็นไปได้ว่ามีเป้าหมายที่จะล้มระบบหลักประกัน โดยการดำเนินการให้ระบบหลักประกันอ่อนแอลง และยังมีการให้ข่าวเพื่อลดความน่าเชื่อถือ และทำลายระบบหลักประกันฯ โดยการประจานว่า สปสช. เป็นสาเหตุที่ทำให้หมอกับผู้ป่วยขัดแย้งกัน สปสช.ทำให้โรงพยาบาลขาดทุนฯลฯ และ สปสช. ทำให้หมอลาออก เป็นต้น
จากสถานการณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้น พวกเรากลุ่มคนรักหลักประกันฯภาคตะวันตก ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายประชาชน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี และ สุพรรณบุรี จึงได้ร่วมกันหาข้อมูล ว่าข้อกล่าวหานั้นจริงหรือไม่ อย่างไรซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกันฯ ภาคตะวันตก มีข้อเท็จจริงจะมาแถลงดังนี้
1. เรื่องสปสช.ทำให้หมอกับผู้ป่วยขัดแย้งกันเป็นเรื่องมายาคติ ไม่เป็นความจริง เพราะภาพรวมประชาชนและหมอในภาคตะวันตกไม่มีความขัดแย้งกัน แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีความร่วมมือกันในการพัฒนาระบบหลักประกันในหลายด้าน ร่วมกัน ทั้งด้านสร้างเสริมสุขภาพ ด้านยา ด้านอาหารปลอดภัยฯลฯ การมีระบบหลักประกันยังเป็นช่องทางให้ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนทำความ เข้าใจกับผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการในหลายส่วน เช่น ช่องทางคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขต (อปสข.) อนุกรรมการบริหารระดับจังหวัด(อปสจ.) อนุกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการให้บริการระดับจังหวัด อนุกรรมการมาตรา 41 ซึ่งทำให้เกิดการพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างหมอและ ประชาชน การออกมาให้ข่าวว่าหมอกับคนผู้ป่วยขัดแย้งกันจึงเป็นเท็จ เพื่อมุ่งสร้างกระแสให้ผู้คนเข้าใจผิดต่อ สปสช. โดยมีเป้าหมายดึงการบริหารเงินแสนล้านกลับไปอยู่กระทรวงสาธารณะสุขเพื่อเป็น ขุมทรัพย์ของคนบางพวกบางกลุ่มเหมือนก่อนที่มีระบบหลักประกันฯ ดังที่ได้เกิดกรณีการทุจริตการจัดซื้อยาดังที่เคยเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว
2. เรื่องสปสช.ทำให้โรงพยาบาลขาดทุน ก็เป็นการกล่าวเท็จ เพราะจากข้อมูลล่าสุดเดือนธันวาคม 2554 ที่ประเมินของ สปสช.เขต 5 ราชบุรี มีสถิติชัดเจนว่า โรงพยาบาลในภาคตะวันตก ไม่มีโรงพยาบาลไหนขาดทุน หรือขาดสภาพคล่อง ทั้งๆที่ภาคตะวันตกมีโรงพยาบาลจำนวนมาก แต่มีประชากรน้อย ซึ่งเป็นภาคที่สุ่มเสี่ยงต่อการขาดทุนของโรงพยาบาล มากกว่าภาคอื่นๆ ดังนั้นการออกมากล่าวอ้างว่าโรงพยาบาลขาดทุนจึงเป็นเรื่องโกหกกลางอากาศ เพื่อหวังผลที่ต้องการลดความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการเงินของ สปสช. แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของกลุ่มคนดังกล่าว ว่ามีแนวคิดล้าหลังไม่ยอมรับความเสมอภาคและเท่าเทียมด้วยความเป็นมนุษย์ของ ทุกคนเหมือนกัน แต่ยังคงยึดแนวคิดแยกชนชั้นกดหัวคนจนเหมือนเดิม
3. เรื่อง สปสช.ทำให้หมอลาออก เรื่องนี้ต้องให้เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข ต้องออกมาให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่หมอลาออกว่าเป็นเพราะ เหตุใด ? เพราะ สปสช.จริงหรือไม่ หรือเป็นเพราะนโยบายของรัฐบาลที่เปิดให้ประเทศไทยเป็น Medical hub (เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในอาเซียน )ซึ่งทำให้เกิดการแปรรูประบบการรักษาพยาบาลไปสู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ โรงพยาบาลเอกชนเติบโตขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด จนทำให้จ้าของโรงพยาบาลเอกชนรวยติดอันดับต้นๆของประเทศ และโรงพยาบาลเอกชน นี้หรือไม่ที่เป็นต้นเหตุให้หมอในระบบหลักประกันลดลง ดังนั้นเรื่องหมอลาออก เป็นหน้าที่ของ สธ. ในการบริหารจัดการบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ใช่หน้าที่ สปสช.
จากสถานการณ์ และข้อเท็จจริงที่กล่าวมาทั้งหมดพวกเรา กลุ่มคนรักหลักประกันภาคตะวันตกขอยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ คนกลุ่มไหนมาทำให้ระบบหลักประกันฯ สั่นคลอน อ่อนแอและถูกทำลาย พวกเราจึงได้รวมตัวกันในวันนี้ เพื่อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. ขอ ให้นายกฯรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ หัวหน้าฝ่ายบริหารราชการแผ่นดินเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้รัฐมนตรี และพวกพ้อง บริหารจัดการตามอำเภอใจ จนเข้าข่ายดังที่มีข่าวออกมาว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเข้าไปสู่ภาวะเขียนด้วย มือลบด้วยเท้า
2. ขอให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเน้นการพัฒนาระบบสุขภาพในประเทศไทย ให้ ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ระบบสุขภาพทั้ง 3 ระบบ เป็นระบบสุขภาพมาตรฐานเดียว ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมตลอดไป
3. ขอให้รัฐมนตรีออกมาตอบคำถาม 8 ข้อของชมรมแพทย์ชนบท เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับประชาชนให้ชัดเจนมากว่านี้
จากข้อเรียกร้องหากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ กลุ่มคนรักหลักประกันภาคตะวันตกจะร่วมกันกับเครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกัน สุขภาพทุกภูมิภาคทั่วประเทศดำเนินการปกป้อง และคัดค้านการทำลายระบบหลักประกันสุขภาพอย่างเข้มข้นในทุกมิติทุกวีถีทาง โดยเบื้องต้นได้มีการนัดหมายรวมตัวกันของกลุ่มคนรัก หลักประกันสุขภาพในภาคตะวันตกอีกครั้ง ในวันที่ 11 มีนาคม 2555 เพื่อปกป้องและรักษาระบบหลักประกันให้เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป