ที่มา ประชาไท
ถกทีมสืบคดียิงสนธิเตรียมชง "ธานี" 20เม.ย.
เว็บไซต์คมชัดลึก - ผบช.น.ถกด่วนทีมสืบคดียิง "สนธิ" เตรียมชง "ธานี" 20 เม.ย. ประธานวิปรัฐบาลระบุนายกฯให้ความสำคัญคดีนี้ พันธมิตรกาญจนบุรีแค้นจนท.ปล่อยคนยิง
เพื่อไทยหนุนแก้รธน.จี้2เดือนเสร็จยุบสภาทันที
เว็บไซต์คมชัดลึก - เพื่อไทยเด้งรับหนุนแก้ รธน."พีรพันธ์"บอกร่างรอไว้นานแล้ว แต่ต้องเสร็จใน 2 เดือน แล้วยุบสภาทันที อ้าง ปชช.ไม่ยอมรับรัฐบาลปล้นเขามา พรรคร่วมหนุนจ้องหาช่องคืนสิทธิ์อดีตกก.บห.พรรค
ภูมิใจไทยปัด 'เนวิน' อยู่เบื้องหลังลอบฆ่า 'สนธิ'
เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทยและกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่ นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุถึงผู้ที่ลอบยิงนายสนธิ คือนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังมวลชนสีน้ำเงิน โดยขอปฏิเสธว่า นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 100% ซึ่งหลังจากนี้พรรคภูมิใจไทยจะมีการหารือพร้อมแถลงข่าวในวันที่ 20 เม.ย. นี้ ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.
รัฐบาลยังไม่ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน-อารักขาเข้ม"อภิสิทธิ์"
เว็บไซต์สยามรัฐ - นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) วันนี้ (19 เม.ย.) ว่า กอฉ.ได้รายงานสถานการณ์ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ รวมถึงสถานการณ์ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้นายกรัฐมนตรีทราบ
นายปณิธาน กล่าวว่านายกรัฐมนตรีขอบคุณผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ได้ร่วมกันทำงานและแสดงความกังวลเรื่องผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ผลักดันผู้ชุมนุมเสื้อแดง พร้อมกำชับให้ดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างทั่วถึง และชี้แจงประเด็นข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนต่อสาธารณชน
“มีการหารือเรื่องการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ประชุมเห็นว่า หากสถานการณ์คลี่คลาย ก็สามารถประชุมเพื่อมีมติยกเลิกได้ทันที แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างประเมินสถานการณ์ โดยพิจารณาประเด็นความปลอดภัยของประชาชนและผู้นำ รวมทั้งความเคลื่อนไหว ทั้งภายในและต่างประเทศ และแนวโน้มของผู้ชุมนุมที่ยังมีอีกหลายปัจจัย” นายปณิธานกล่าวและว่า จะยังมีกำลังเจ้าหน้าที่ประจำในจุดที่มีความล่อแหลมต่อไป ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด และจะพิจารณาลดกำลังลงตามสถานการณ์
ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ นายปณิธาน กล่าวว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง คือ มีการให้ข้อมูลเอกสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและมีการเคลื่อนไหวเข้า – ออกประเทศไทย ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องเฝ้าระวัง เบื้องต้นได้รับทราบรายงานว่า มีบุคคลไม่เกิน 10 คน ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว หลังมีการสลายการชุมนุม แต่ยังไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจนของการเดินทางออกนอกประเทศ
“กอฉ.กำลังประเมินสถานการณ์ ได้รับข้อมูลจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเคลื่อนไหวใต้ดินด้วย และจะรายงานสถานการณ์ให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ” นายปณิธาน กล่าวพร้อมยอมรับว่า กระแสข่าวลอบสังหารนายกรัฐมนตรียังคงมีอยู่ จึงได้มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น
ต่อข้อถามว่า มีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำเสื้อแดง รวมอยู่ใน 10 คนดังกล่าวหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน เพราะยังไม่มีความชัดเจน คาดจะได้รายละเอียดชัดเจน วันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) และว่า บ่ายวันพรุ่งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถึงผลการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และคดีความที่เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุม ทั้ง 2 กลุ่ม (เสื้อเหลือง – เสื้อแดง) และขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ
สำหรับข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลให้เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอหลายเรื่อง แต่ไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจะรอรับฟังข้อเสนอจากสมาชิก ในการประชุมร่วมรัฐสภา
ต่อกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกลอบยิง นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยลงลึกในรายละเอียด แต่ได้พูดคุยเรื่องความปลอดภัย และไม่ปลอดภัยของประชาชน และบุคคลสำคัญ หากใครรู้สึกว่า ตัวเองตกอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ผ่านมา รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลขอให้แจ้งมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง จะเป็นผู้ประสานให้ และเวลานี้มีบางส่วนร้องขอมาบ้างแล้ว.
พท.ยื่นสอบนายกฯทำเกินเหตุ
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - เพื่อไทยโต้ข้อมูลรัฐบาลยันการ์ดเสื้อแดงตาย ญาติถูกบีบให้เร่งเผาศพ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า ผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่พบในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมว่า ญาติผู้เสียชีวิต 1 ใน 2 ราย คือนายชัยพร กันทัง ยืนยันว่านายชัยพรออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน เพื่อไปเป็นการ์ดอาสาของคนเสื้อแดง พร้อมกับเพื่อนคือ นายนัฐพงษ์ ปองดี ล่าสุดญาตินายชัยพรร้องทุกข์กับพรรคว่า มีหลายฝ่ายบีบให้เร่งเผาศพผู้เสียชีวิตเพื่อไม่ให้มีการพิสูจน์
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย รวบรวมข้อมูลความเสียหาย ไปยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) วันที่ 20 เมษายน เวลา 10.00 น. จากนั้น วันที่ 21 เมษายน จะไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดี และเมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏร วันที่ 22 เมษายนจะไปร้องต่อคณะกรรมาธิการการกฏหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฏร วันที่ 24 เมษายน จะไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบนายกรัฐมนตรีกรณีสั่งการให้ผลักดันผู้ชุมนุมที่ดินแดง เนื่องจากพรรคเห็นว่าการสั่งการของนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เกินกว่ารัฐธรรรมนูญ และกฎหมายทั่วไปกำหนดไว้
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้สรุปยอดรับเรื่องร้องทุกข์ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม วันที่ 16 - 19 เมษายน ที่ผ่านมา ว่ามียอดผู้ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 52 ราย แบ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 ราย สูญหาย 7 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 4 รายแจ้งเบาะแสพร้อมรูปถ่าย 8 ราย และอยู่ระหว่างการควบคุมตัว 8 ราย.
“วิปรัฐบาล” หนุนประชุม 2สภา หาทางออกวิกฤต
เว็บไซต์แนหน้า- นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า จะประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายในวันที่ 21 เม.ย.นี้ นอกจากรัฐบาลจะได้มีโอกาสที่จะรับฟังความคิดเห็นทั้ง 2 สภาอย่างกว้างขวาง เปิดโอกาสให้อภิปรายกันอย่างเต็มที่ รัฐบาลก็มีโอกาสที่จะได้ชี้แจงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปทางการเมือง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่เพื่อนสมาชิกรัฐสภาจะได้ตระหนักถึงปัญหาและเข้าใจว่าจะได้นำวิกฤตดังกล่าวนี้มาเป็นโอกาสให้กับบ้านเมืองต่อไป
วิปวุฒิสภา นัดประชุมเรื่องอภิปรายทั่วไปพรุ่งนี้
เว็บไซต์แนวหน้า - นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานคณะกรรมการกิจการวุฒิสภา หรือ วิปวุฒิ เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 เม.ย. วิปวุฒิสภาจะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องรัฐบาลขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 175 เพื่อเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายสถานการณ์การเมือง ก่อนที่จะไปร่วมประชุมร่วม 3 ฝ่ายในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งก่อนหน้านี้วุฒิสภาได้ร่วมลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ไปแล้ว เมื่อรัฐบาลขอเปิดประชุมเอง วุฒิสภาจึงไม่มีปัญหา และเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะนำความขัดแย้งเข้าสู่เวทีสภา
สำหรับการประชุมวิปวุฒินั้น จะสรุปท่าทีและข้อเสนอของวุฒิสภา รวมถึงกำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปราย โดยในการหารือเบื้องต้นวุฒิสภาจะเสนอให้รัฐบาลดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าเป็นต้นตอของปัญหาการเมืองในขณะนี้
จตุพรอ้างเสื้อแดงถูกป้ายสี
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - จตุพรปัดเสื้อแดงเอี่ยวเหตุวุ่นวายที่นางเลิ้ง จี้นายกฯเอาผิดคนเสื้อน้ำเงิน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวยืนยันอีกครั้งว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่นางเลิ้งในวันที่ 13 เม.ย.ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยน่าจะเป็นการสร้างเรื่องของกลุ่มอื่นมากกว่า เป็นการป้ายสีคนเสื้อแดง ประกอบกับเหตุการณ์ยิงมัสยิด ที่เพชรบุรีซอย 7 ที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินไปปรากฏตัว รวมถึงการที่กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินใช้อาวุธยิงคนเสื้อแดงที่ พัทยา ซึ่งปรากฏภาพนายเนวินยืนบัญชาการร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ระบุว่า การที่นายสนธิถูกลอบทำร้ายน่าจะมาจากคนเสื้อสีน้ำเงิน จึงขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่าได้ดำเนินคดีกับคนเสื้อสีน้ำเงินแล้วหรือยัง.
ส.ส. พท. ชี้ รบ.ปิดวิทยุชุมเสื้อแดงทั่วประเทศ ทำผิด รธน.
เว็บไซต์แนวหน้า - นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินสั่งปิดวิทยุชุมชนของกลุ่มเสื้อแดง ถือเป็นการกระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ เพราะวิทยุชุมชนถือเป็นสื่อสารมวลชนอย่างหนึ่งที่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองในสิทธิเสรีภาพ ถ้าจะสั่งปิดก็ต้องปิดวิทยุชุมชนทั้ง 5,000 แห่ง ทั่วประเทศด้วย เพราะขณะนี้ยังไม่มีสถานีวิทยุชุมชนใดได้รับใบอนุญาตดำเนินการอย่างถูกต้องจาก กสช. ถ้ามาสั่งปิดเฉพาะสถานีของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็เป็นการเลือกปฏิบัติ
พท.แนะ รบ. ยุบเอ็นบีทีทิ้ง แล้วจัดประมูลใหม่ อ้าง เสนอแต่ความแตกแยก
เว็บไซต์แนวหน้า - นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงในรายการเพื่อไทยวันอาทิตย์ ว่า ตนเป็นห่วงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน และองค์กรวิชาชีพสื่อ เพราะวันนี้การทำงานของสื่อเสมือนปิดหูปิดตาประชาชน เพราะอยู่ในช่วงที่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินขั้นรายแรง ซึ่งจากที่ตนติดตามพบว่าสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เอ็นบีทีรวมถึงวิทยุชุมชน สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ยังดำเนินเสนอข่าวชะเลียรัฐบาล และยังออกอากาศสดอยู่ทุกวัน ต่างจากสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น และวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง ที่รัฐบาลกลับใช้ฝ่ายความมั่นคงองค์กรของรัฐเข้ามาตรวจสอบ หลังจากยกเลิก พ.ร.ก. ตนจะนำเรื่องเหล่านี้ไปร้องเอาผิดนายสาธิต วงศ์หนองเตย นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกฯ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะทำงานโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การให้ข่าวของรัฐบาลขณะนี้สร้างความแตกแยก เพราะนำเอาข้อมูลเชิงลบของคนรักประชาธิปไตยไปออก ซึ่งเป็นข้อมูลแค่ชำเลืองมองเท่านั้น ทั้งนี้ ตนในฐานะทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้ององค์กรสื่อทั้งหลาย ช่วยกันปกป้องวิชาชีพ เรียกร้องให้รัฐบาลคืนสิทธิเสรีภาพและการรับรู้ข่าวสารคืนประชาชน นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้ยุบสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เอ็นบีทีทิ้ง เพราะมีไว้รังแต่จะสร้างความแตกแยก และขอให้ประมูลใหม่เพื่อให้เป็นสถานีเสรีจริงๆ ออกกฎหมายห้ามมีความแทรกแซง
“โฆษกมาร์ค”วอนเพื่อไทยยุติสร้างข่าวรายวัน ย้ำการพรก.ฉุกเฉินใต้-กทม.สถานการณ์ต่างกัน
เว็บไซต์แนวหน้า - ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.30 น. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยพยาพยามสร้างกระแสเรื่องคนตายมาโดยตลอด แม้ผบ.ทบ.ประกาศเอาชีวิตเป็นเดิมพันก็ไม่ยอมหยุดเรื่องนี้ โดยเฉพาะจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาท้าทายให้สาบานต่อวัดพระแก้วและพระสยามเทวาธิราช การที่ผบ.ทบ.เอาชีวิตออกมาเดิมพันก็นับเป็นเดิมพันที่สูงสุดอยู่แล้ว แต่นายจตุพรตนไม่แน่ใจว่าจะเอาอะไรมาเดิมพัน ครั้งหนึ่งนายจตุพรเคยเดิมพันตำแหน่งส.ส.กับพ.อ.วินัย สมพงษ์ กรณีทุจริตการศึกษาในสภาแล้วแพ้เดิมพันไป วันนี้ไม่เห็นว่านายจตุพรจะรับผิดชอบอะไรออกมา สิ่งที่นายจตุพรออกมาท้าทายผบ.ทบ.ขอให้ยุติพฤติกรรมที่เอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ เรื่องการปั้นเรื่องคนตายขึ้นมาคิดว่าเป็นเรื่องจินตนาการของแกนนำนปช. ที่พยายามสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะคนเหล่านี้เชื่อว่าถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อไรคิดว่ารัฐบาลจะเป็นผู้พ่ายแพ้ คนเหล่านี้คิดว่าเหตุการณ์ชุมนุมของเขาเหมือนเหตุการณ์ 14 ต.ค.บวกกับ 17 พ.ค. ผลสุดท้ายที่ออกมาเป็นกบฎ 26 มี.ค. ที่มีนายวีระ มุสิกะพงษ์ แกนนำนปช. เป็นผู้ต้องหาในขณะนั้น
“ผมอยากขอร้องให้พรรคเพื่อไทยยุติการสร้างข่าวรายวัน ขอวิงวอนเพราะบ้านเมืองกำลังไปในทิศทางที่ดี พวกผมไม่ปิดกั้นในการที่จะเอาภาพมาแสดงตามที่พยายามโอ้อวดไว้ถ้ามีภาพจริงก็ให้แสดงออกมาไม่จำเป็นต้องไปแสดงในสภาฯซึ่งอาจมีข้อจำกัดในการสื่อสาร ผมคิดว่าคนเหล่านี้ถ้ามีภาพคงจะขยายผลออกมาเป็นเรื่องใหญ่โต เชื่อว่าวันนี้ไม่มีหรอกที่รอเวลาอยู่มีคนตั้งข้อสงสัยว่ามีการเมกข้อมูล จัดฉากตัดต่อเพื่อให้เรื่องดูสมจิงสมจังใช่หรีอไม่ รวมถึงความพยายามสร้างภาพตั้งศูนย์รับแจ้งคนหายคิดว่าเป็นการแก้เกี้ยวทางการเมือง เพราะเหตุการณ์สลายชุมนุมครั้งนี้ถูกมวลชนเสื้อแดงวิพากษ์วิจารณ์แกนนำค่อนข้างมาก เพราะคนเหล่านี้มาจากตจว.มีการเกณฑ์เข้ามา สุดท้ายมาลอยแพที่หน้าทำเนียบเขาได้รับข้อมูลเพียงข้างเดียว วันนี้ที่รัฐบาลประกาศให้สลายชุมนุมพวกเขาออกจากที่ชุมนุมไม่ได้จนต้องเป็นภาระของรัฐบาลส่งมวลชนกลับไปพื้นที่ หลังจากนั้นก็ถูกวิพากษ์วิจาณณ์ส่วนคนเหล่านี้ทอดทิ้งไม่สนใจจึงต้องมาตั้งศูนย์ดังกล่าว ทั้งที่รัฐบาลมีหน่วยงานทีเกี่ยวข้องมาดูแลว่าจะลาออกและจนวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีการแจ้งว่ามีผู้ตายจากการสลายการชุมนุมแม้แต่คนเดียว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมระบุว่าการที่รัฐบาลยังคงพรก.ฉุกเฉินเพราะต้องการใพรก.คุ้มครองและพยายามพูดว่าพรก.ฉุกเฉินไม่สามารถสร้างความมั่นคงได้โดยอ้าง 3 จังหวัดภาคใต้ที่ประกาศมา 5 ปีแล้วเหตุกาณ์ยังไม่จบ นายเทพไทกล่าวว่า สองสถานการณ์ที่หยิบยกมาแตกต่างกัน แต่สาเหตุความวุ่นวายมาจากพวกเดรียวกัน กรณีความวุ่นวายจากภาคใต้เกิดขึ้นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เหตุกาณณ์ 13 เม.ย. เป็นเพราะลูกสมุนของพ.ต.ท.ทักษิณ จึงสู้กันไม่ได้ใปนระเด็นการเคลื่อนไหวและความรุนแง รัฐบาลทราบดีไม่มีใครอยากให้คงพรก.ฉุกเฉินไว้ แต่รัฐบาลมีความจำเป็นเมื่อเห็นจากท่าทีและการเคลื่อนไหวที่ปรากฎชัดของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ประกาศจะเคลื่อนไหวลงใต้ดิน การออกมาประกาศสงครามกลางเมืองของนายจตุพร รวสมถึงพฤติกรรมการไล่ล่าเอาชีวิตผู้นำ หากยกเลิกวันนี้สถานการณ์จะเข้าทางเสื้อแดงอีกครั้ง
ดีเอสไอพร้อมสอบรัฐสลายเสื้อแดง
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ยุติธรรมพร้อมให้ดีเอสไอดำเนินการหากเพื่อไทยยื่นสอบรัฐสลายเสื้อแดง นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย จะยื่นหนังสือร้องเรียนให้ดีเอสไอตรวจสอบรัฐบาลในการสลายการชุมนุมของกลุ่ม เสื้อแดง ว่าหากมีการร้องเรียนให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบดีเอสไอก็พร้อมดำเนินการให้ โดยจะทำงานร่วมกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่มีขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อนนำเสนอสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ คดีพิเศษ อย่างไรก็ตามข้อกฎหมายที่เห็นต่างกันในเรื่องการสลายการชุมนุม ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลจะเป็นฝ่ายชี้แจงได้
นายชาญเชาวน์ กล่าวยืนยันถึงกระแสข่าวโยกย้ายในดีเอสไอว่า ยังไม่มีคำสั่งโยกย้ายทั้งตำแหน่งอธิบดีหรือรองอธิบดี โดยกรณีของ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของทีพีไอที่ถูกตรวจสอบกรณีข้อมูลในสำนวนรั่วขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้า มาก แต่ยังไม่สรุปจึงไม่เกี่ยวข้องที่จะส่งผลให้มีการโยกย้ายในดีเอสไอ
นาย ชาญเชาวน์ กล่าวอีกว่าในฐานะได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบว่า ข้อมูลในสำนวนเงินบริจาคทีพีไอรั่วหรือไม่ ได้มีหนังสือเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมอภิปรายจากพรรคเพื่อไทย มาให้ข้อมูล ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม ได้มีหนังสือยืนยันกลับมาว่า ข้อมูลที่ใช้ในการอภิปราย ไม่ได้รับข้อมูลจากดีเอสไอและยังไม่สะดวกที่จะมาให้รายละเอียดกับดีเอสไอ.
พิภพยันพธม.นิ่งจี้รื้อโครงสร้างมั่นคง
เว็บไซต์คมชัดลึก - สน.ชนะสงครามจับมือทหารร่วมตรึงกำลังแยกสำคัญ-บ้านพระอาทิตย์ “ศุภชัย ใจสมุทร” ออกโรงปัด “เนวิน ” เบื้องหลังลอบฆ่า"สนธิ" โต้ "จิตตนาถ" ลูกชาย"สนธิ" จินตนาการสูงคิดเรื่อง ระบุ พรรคภูมิใจไทยเตรียมหารือพร้อมแถลงข่าว 20 เม.ย.นี้
'ปธ.วิปรัฐบาล'เมินเชือดจนท. ยันไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก
เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ในนามพรรคร่วมรัฐบาลขอแสดงความเสียใจ และหวังว่าพันธมิตรฯคงเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ บุคคลที่ดำเนินการย่อมหวังผลทางการเมือง เป้าหมายชัดเจนต้องการทำให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญกับคดีลอบสังหารนายสนธิเป็นพิเศษ
ส่วนข้อเรียกร้องที่ให้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า ระยะเวลาที่ผ่านมาคนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับความมั่นคงได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ หากแต่สถานการณ์การเมืองของประเทศในขณะนี้เกิดวิกฤตเป็นพิเศษ จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยจะต้องไม่มีการเปลี่ยนม้ากลางศึก เข้าใจว่าเวลานี้รัฐบาลจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลสำคัญและประชาชน
นอกจากนี้ นายชินวรณ์ ยังได้กล่าวถึงการประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ว่า นอกจากรัฐบาลจะได้มีโอกาสที่จะรับฟังความคิดเห็นทั้ง 2 สภาอย่างกว้างขวางแล้ว ยังเปิดโอกาสให้อภิปรายกันอย่างเต็มที่ รัฐบาลก็มีโอกาสที่จะได้ชี้แจงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปทางการเมือง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่เพื่อนสมาชิกรัฐสภาจะได้ตระหนักถึงปัญหาและเข้าใจว่าจะได้นำวิกฤตดังกล่าวนี้มาเป็นโอกาสให้กับบ้านเมืองต่อไป.
เสธหนั่นเบรกทักษิณทำร้ายประเทศ
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - เสธหนั่นซัดจนท.หย่อนยานอารักขาบุคคลสำคัญเบรกแม้วทำร้ายประเทศ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนมีสีกลุ่มไหน และมองไม่เห็นว่าการกระทำครั้งนี้ถึงกับแค้นจนต้องลอบสังหาร อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลมีการวิเคราะห์กันว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ที่พัทยา กระทรวงมหาดไทย และในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ยังหย่อนยาน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ
นอกจากนี้ พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องหยุดสร้างความเดือดร้อนให้ประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนไทย ตอนนี้ประเทศแย่มาก มีแต่ความวุ่นวาย ควรคิดถึงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย และต้องคิดว่าประเทศไทยก็คือประเทศของตัวเอง หยุดปลุกระดมให้พี่น้องประชาชนไล่ฆ่ากัน อะไรที่สูญเสียไปก็มาคุยกันทีหลังได้ อะไรที่รัฐบาลควรคืนความเป็นธรรมให้ก็ควรคืน.
แม้วซุกนิการากัว จตุพรขู่แฉคลิปทหารฆ่า หมายจับหัวโจกแดงเพิ่ม
เว็บไซต์คมชัดลึก - "แม้ว" เผ่นซุก "นิการากัว" หลังได้พาสปอร์ตทูต จ้อสื่อเทศเมินตอบแดงแพ้ "จตุพร" ทำ ผบ.ทบ.สาบานอ้างมีคลิปทหารฆ่าประชาชน ขู่แฉกลางสภา หมายจับเพิ่มแกนนำ พ่อ "วิสาระดี" โดนด้วย
นิตยสารอะราเบียน บิสิเนส ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ มุ่งหน้าไปประเทศนิการากัว ที่ออกหนังสือเดินทางการทูตให้ เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา
อะราเบียน บิสิเนส รายงานด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเคยสร้างความร่ำรวยจากธุรกิจโทรคมนาคม ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง มีแผนจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาก่อตั้งบริษัทด้านโทรคมนาคมในดูไบ โดยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อยากจะก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจด้านโทรคมนาคมในเขตเศรษฐกิจพิเศษของนครดูไบ
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า จะเดินทางออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หลังพำนักมานาน 1 เดือน โดยจะเดินทางด้วยหนังสือเดินทางทางการทูตของนิการากัว หลังถูกทางการไทยเพิกถอนหนังสือเดินทางทุกชนิดของเขา หลังจากที่ถูกตั้งข้อหาปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนก่อความไม่สงบในประเทศไทย ในความพยายามโค่นล้มรัฐบาล ด้วยการโฟนอินจากต่างประเทศเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติ
ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส (เอฟที) ของอังกฤษ เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งให้สัมภาษณ์ต่อนายโรบิน วิกเกิลสเวิร์ธ ผู้สื่อข่าวประจำภาคพื้นอ่าวเปอร์เซีย ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฉบับวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่ากลุ่มเสื้อแดงแพ้หรือไม่ โดยกล่าวเลี่ยงว่าผู้ชุมนุมมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง ขณะเดียวกันยังปฏิเสธข่าวที่ว่าแกนนำผู้ชุมนุมได้รับเงินสนับสนุนจากเขา เพื่อใช้ในการปลุกระดมกลุ่มเสื้อแดงให้มาร่วมชุมนุม โดยอ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดอขงผู้ชุมนุมจากการพูดล้อเล่นกันระหว่างการปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์
อดีตนายกฯ ระบุอีกว่า รัฐบาลจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลืองโดยใช้สองมาตรฐาน เห็นได้จากคนเสื้อแดงถูกปฏิบัติการอย่างโหดร้าย แต่คนเสื้อเหลือง ทหารกลับเรียกร้องให้นายกฯ ขณะนั้นลาออก
พ.ต.ท.ทักษิณเห็นว่าทางออกของวิกฤตประเทศที่เกิดขึ้นขณะนี้ มีทางเดียวคือการประนีประนอม เพราะหากต้องการจำคุกคนเสื้อแดงก็ไม่มีหนทางที่จะยุติความขัดแย้งได้ และเชื่อว่าคนเสื้อแดงพร้อมจะเปิดเจรจากับรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ชุมนุมนำระเบิดเพลิงมาใช้ด้วยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณกลับตอบว่า "ผมไม่รู้"
เมื่อถามว่า คิดว่าจะลี้ภัยอยู่ภายนอกประเทศตลอดชีวิตหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าจะกลับเมื่อพร้อมและขึ้นอยู่กับสถานการณ์
พ.ต.ท.ทักษิณยังเชื่อว่ากองทัพและบุคคลระดับสูงอยู่เบื้องหลังอำนาจของรัฐบาลนี้
อดีตนายกฯ ยังกล่าวถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งถึง 8 ปี
แต่เมื่อถูกถามว่า ทำไมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางพระราชหฤทัย พล.อ.เปรม พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่รู้ และไม่สามารถพูดได้ว่าทรงไว้วางพระราชหฤทัยหรือไม่
แกนนำเสื้อแดงชลบุรีหนีไปเกาะกงแล้ว
เว็บไซต์คมชัดลึก - ส.ส.ชลบุรี ปชป. เผยถูกทามทามกลุ่มเสื้อเหลืองเมืองพัทยาร่วมชุมนุม DSIพร้อมตรวจสอบกรณีรัฐบาลสลายการชุมนุมเสื้อแดง เลขาฯอาเซียนแนะไทยเร่งสร้างปรองดอง-สร้างเชื่อมั่นโดยเร็ว วิปวุฒิฯนัดถกกำหนดหัวข้ออภิปรายทั่วไปพรุ่งนี้ รมว.พาณิชย์ตรวจเช็คสต๊อกข้าวที่โรงสี จ.ศรีสะเกษ แต่ไร้เงาม็อบเสื้อแดงป่วน
นายศักดา นพสิทธิ์ ตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ตนถูกออกหมายจับ ในฐานะแกนนำในการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยานั้น ครั้งแรกจะตัดสินใจมอบตัวหากยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน แต่พรรคพวกได้โทรศัพท์ออกมาเตือนว่า หากเข้ามอบตัวจะถูกจับตัวดำเนินคดีทันที จึงได้ตัดสินใจกับพวกที่ถูกออกหมายจับอีก 2 คน เดินทางไปเกาะกงทันที เพราะไม่มั่นใจในขบวนการยุติธรรม จึงต้องหลบหนีออกไปตั้งตัวเสียก่อน หากสถานการณ์ดีขึ้น จะกลับมามอบตัว
"ช่วงนี้อยู่สุขสบายดี ไม่มีปัญหาในเรื่องที่พักแต่อย่างใด และยังมีคนคอยดูแลอีกด้วย" นายศักดากล่าว
ด้านนายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการทามทามให้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อเหลืองเมืองพัทยาเหมือนกันแต่ได้ปฏิเสธไป เพราะว่าการชุมนุมในครั้งนี้ ทำเพื่อคนบางคนไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องคิดให้หนักเหมือนกัน ประกอบกับช่วงนี้เมืองพัทยาเสียหายอย่างหนัก และบอบช้ำจากการที่กลุ่มเสื้อแดง ล้มการประชุมสุดยอดอาเชียนที่พัทยา ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างมากมาย หากมีการชุมนุมกันอีกจะทำให้เมืองพัทยาเสียหายอย่างหนัก ทั้งที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัว
นายประมวล กล่าวอีกว่า ตนไม่อยากให้สีเสื้อใดมาชุมนุมกันที่เมืองพัทยาอีก หากพบว่ามีการทำผิดกฎหมายให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่รู้ว่าผู้ชุมนุมรู้สถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ว่าเป็นอย่างไร หรือจะทำให้เมืองพัทยาเสียหายไปมากกว่านี้
สวนดุสิตโพล เผย 80.64% ปชช.เชื่อว่า การลอบสังหาร “สนธิ”เกี่ยวข้องกับการเมือง
เว็บไซต์แนวหน้า - จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยการใช้อาวุธสงคราม จนทำให้คนขับรถได้รับบาดเจ็บสาหัสและนายสนธิ ลิ้มทองกุล ต้องเข้ารับผ่าตัดจนปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยมีการตั้งประเด็นทั้งเรื่องการเมือง และเรื่องส่วนตัว เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,358 คน ตั้งแต่วันที่ 17-19 เมษายน 2552 สรุปผลได้ดังนี้
1. ความคิดเห็นของประชาชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อันดับ 1 มีสาเหตุมาจากเรื่องการเมือง 51.25 %
อันดับ 2 เป็นได้ทั้งจากเรื่องการเมืองและเรื่องส่วนตัว 31.46 %
อันดับ 3 เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้มาได้ 10.37 %
อันดับ 4 ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ 6.92 %
2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ “การเมือง” หรือไม่?
อันดับ 1 เกี่ยวข้องกับการเมือง 80.64 % เพราะ เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตร / ต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลจับอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร มาดำเนินคดี ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 16.13 % เพราะ อาจมีศัตรูทั้งทางธุรกิจและทางการเมือง / ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง 3.23 % เพราะ อาจจะมีสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัว/ไม่ทราบข้อมูล-สาเหตุที่แท้จริง ฯลฯ
3. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ “การเมืองไทย” ร้อนแรงขึ้นหรือไม่?
อันดับ 1 ส่งผลให้การเมืองไทยร้อนแรง 57.15 % เพราะ อาจเกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร/ทำให้กลุ่มพันธมิตรออกมากดดันรัฐบาลเพื่อหาผู้กระทำผิด ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 25.71% เพราะ ยังต้องรอผลการสอบสวน/ยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จึงไม่น่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ส่งผลให้การเมืองไทยร้อนแรง 17.14 % เพราะยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินอยู่/สถานการณ์ที่ผ่านมาร้อนแรงมากพออยู่แล้ว/ หลักฐานและมูลเหตุการลอบสังหารยังไม่ชัดเจน ฯลฯ
4. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึง “ความเปลี่ยนแปลง” ของสังคมไทยอย่างไร?
อันดับ 1สภาพจิตใจของผู้ที่กระทำมีความโหดเหี้ยม ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง35.42 %
อันดับ 2 สังคมไทยมีความขัดแย้ง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน 27.08 %
อันดับ 3 ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนลดน้อยลง 18.75 %
อันดับ 4 มีการใช้ความรุนแรงเข้ามาตัดสินปัญหามากกว่าการใช้เหตุผล 10.42 %
อันดับ 5 มาตรการที่ใช้ควบคุมอาวุธร้ายแรง/อาวุธสงครามหย่อนยาน 8.33 %
5. แนวทาง/วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
อันดับ 1 ประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศ 48.39 %
อันดับ 2 รณรงค์และสร้างความสามัคคีให้แก่คนในชาติ 25.81 %
อันดับ 3 จับตัวผู้กระทำความผิดเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 12.90 %
อันดับ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดูและควบคุมการครอบครองอาวุธอย่างเข้มงวด 9.67 %
อันดับ 5 คงแก้ไขได้ยากเพราะบ้านเมืองมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย 3.23 %
สั่งจับตาแก๊ง “นช.ทักษิณ” พบเข้าออกไทยถี่ผิดสังเกต
ASTV ผู้จัดการรายวัน - นายกรัฐมนตรี เรียก ผบ.เหล่าทัพ พร้อมหน่วยงานด้านความมั่นคงประเมินสถานการณ์ รับเหตุการณ์ยังไม่นิ่ง ฝ่ายก่อความวุ่นวายยังจ้องก่อม็อบป่วน แถมให้ข่าวใส่ร้ายทั้งในและต่างประเทศ เผยจับตาเครือข่าย “ทักษิณ” เกือบ 10 คนเข้า-ออกประเทศไทยถี่จนผิดสังเกต พร้อมสั่ง “พัชรวาท” แจงความคืบหน้าทุกคดีวันนี้ “อภิสิทธิ์”อ่อนยวบหลังถูกม็อบและฝ่ายการเมืองกดดันหนัก ยอมแก้ รธน.แทนปฏิรูปการเมือง โดยให้ทุกพรรคเสนอมาตราที่เป็นปัญหามาให้พิจารณาใน 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันแบะท่านิรโทษกรรมนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ พร้อมปัดฝุ่น กม.คุมม็อบ อ้างจะได้ไม่ต้องประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ย้ำรัฐบาลไม่ได้ 2 มาตรฐาน ทหารและตำรวจไม่เลือกข้าง
ปท.เอเชียได้อานิสงส์ศก.จีนฟื้นตัว แต่‘มังกร’แรงยังไม่พอกระตุ้นทั้งโลก
ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี – การที่จีนกำลังเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว ถือเป็นข่าวดีสำหรับประเทศในเอเชีย ทว่าแดนมังกรก็ยังไม่มีพลังมากพอที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมกระเตื้องขึ้นได้ ทั้งนี้เป็นความเห็นของพวกนักวิเคราะห์
กลุ่มติดอาวุธใน 'อาเซียน'ใช้เน็ตเพิ่มขึ้น
ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี - ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรเร่งหาทางรับมือ หลังพบว่า บรรดากลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคนี้นิยมใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเป็น
เครื่องมือในการเผยแพร่แนวคิดแบบหัวรุนแรงสุดขั้ว และใช้เป็นช่องทางสำหรับฝึกอาวุธให้กับสมาชิก รวมทั้ง ใช้ในการหาสมาชิกใหม่เข้ามาเป็นแนวร่วมเพิ่มมากขึ้น
รายงานผลการศึกษาดังกล่าวเป็นของสถาบัน เอส ราชารัตนัม เพื่อการศึกษาด้านการระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ของสิงคโปร์ ที่ทำการศึกษาร่วมกับ สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย หรือ เอเอสพีไอ โดยผลการศึกษาพบว่า กลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความชำนาญมากขึ้นในการใช้สื่ออินเทอร์เน็ต โดยมีการเผยแพร่วิธีการทำระเบิด และมีสื่อออนไลน์เป็นของตัวเองเพื่อใช้ในการชักจูงผู้คนให้หลงเชื่อว่าแนวคิดของกลุ่มตนเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง และกลุ่มของตนจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในการต่อสู้
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ไม่ได้มุ่งโจมตีเฉพาะชาติตะวันตกเท่านั้น แต่ยังมีความพยายามโน้มน้าวให้ผู้คนหันมาต่อต้านรัฐบาลของประเทศตนเองด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น ผลการศึกษายังพบว่า เว็บไซต์ของกลุ่มหัวรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว มีจำนวนมากถึง 117 เว็บไซต์ เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเมื่อปี 2007 ที่พบว่ามีเพียง 15 เว็บไซต์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า บรรดาหน่วยงานภาครัฐของประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย กลับดำเนินการเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานในยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ในการหยุดยั้งการแพร่ขยายของการสร้างแนวคิดรุนแรงผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทั้งที่ ประเด็นดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรับมือกับภัยก่อการร้ายในภูมิภาค
ผลการศึกษาฉบับนี้ยังระบุว่า นอกเหนือจากการเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรงผ่านทางเว็บไซต์แล้ว บรรดากลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคกำลังมุ่งชักจูงเยาวชนโดยใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นด้วยเช่นกัน
การเผยแพร่แนวคิดของกลุ่มหัวรุนแรงสุดขั้วในลักษณะดังกล่าว ถูกพบครั้งแรกในภูมิภาคนี้เมื่อช่วงต้นปี ค.ศ. 2000 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเว็บไซต์ภาษาบาฮาซามาเลย์ และบาฮาซา
อินโดนีเซีย โดยในระยะแรก กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ พยายามลอกเลียนแนวทางในการนำเสนอเนื้อหา ตลอดจนข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ จากเว็บไซต์ของกลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ในภายหลัง ได้มีการปรับปรุงรูปแบบให้มีความซับซ้อนและมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น รวมทั้ง มีการนำเสนอข่าวสารที่มีความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์เช่นเดียวสำนักข่าวต่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ชื่อเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มญามาอะห์ อัล-อิสลามิยะห์ หรือเจไอ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเหตุก่อวินาศกรรมบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียเมื่อปี 2002 และ กลุ่มอาบู ไซยาฟ ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ที่เป็นที่รู้จักจากการลักพาตัวชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งจับคณะเจ้าหน้าที่กาชาดสากลเป็นตัวประกัน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นยังคงไม่ได้รับอิสรภาพจนถึงขณะนี้
เหตุการเมืองวุ่นช่วงสงกรานต์ ข่าวเอสเอ็มเอสใช้งานเพิ่มเท่าตัว
เดลินิวส์ - เอไอเอสเผยยอดใช้บริการเสริมด้านข่าวเพิ่มกว่า 60% ในช่วงสงกรานต์ จากเหตุการณ์ทางการเมือง ผู้คนต้องการรับรู้ข่าวตลอดเวลา
ชาวนากาฬสินธุ์ร้องข้าวนาปรังตกต่ำโลแค่4บาท
เว็บไซต์สยามรัฐ - ขณะนี้เกษตรกรกำลังเร่งเก็บเกี่ยวข้าวปรัง หนีพายุฤดูร้อนที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับนาข้าว และทำให้ข้าวเปียกชื้นที่จะส่งผลให้ค่ามีความชื้นสูงและราคาตกต่ำตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้เกษตรกรจ.กาฬสินธุ์นับว่ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากราคาข้าวที่มีการรับซื้อในพื้นที่ทั้งข้าวเปลือกจ้าวและข้าวเปลือกเหนียวราคาเหลือเพียงกิโลกรัม 4 บาท หรือที่ตันละ 4,000 บาทเท่านั้น ให้เกษตรกรเดือดร้อนจำนวนมาก และยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากรอเข้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกแต่ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังก็ยังไม่คืบหน้า
นายผดุง นิสังกาศ อายุ 41 ปี เกษตรกรบ้านเชียงงาม จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกนาปรังตกต่ำเป็นอย่างมากราคาสูงสุดรับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 4.50 บาทเท่านั้น ซึ่งหากคิดคำนวณกับการลงทุนที่จะต้องจ่ายค่าปุ๋ยกว่า 14,000 บาท ค่าจ้างเกี่ยวข้าวอีกไร่ละ 500 – 600 บาทถือว่าขาดทุนย่อยยับ ถ้าหากจะไม่ขายเก็บไว้กินเองในครอบครัวก็ไม่ได้เพราะต้องนำเงินไปใช้หนี้ธนาคาร ต้องแบ่งจ่ายค่าใช้จ่ายเปิดเทอมของลูกอีก ถือว่าตอนนี้ลำบากและเดือดร้อนมากอยากให้รัฐบาลเร่งจัดการให้โดยด่วน
ด้านนายประเสริฐ ผลิใบ อายุ 55 ปี เกษตรกรชาวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า รอที่จะเข้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกก็ยังไม่เห็นวี่แววจากทางราชการมาติดต่ออะไร อยากให้เร่งรัดโดยเร็วเพราะต้องการที่จะนำเงินไปใช้หนี้และใช้จ่าย ส่วนราคาข้าวที่ตกต่ำหากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาโดยด่วนอย่างน้อยราคากิโลกรัมละ 8 บาทเท่ากับปีที่แล้วยังทำให้เกษตรกรยังพอมีเงินเหลือบ้างหากราคายังตกต่ำเช่นนี้อีกบอกได้เลยว่าเกษตรกรเดือดร้อนขาดทุนเป็นหนี้ท่วมอีกแน่