WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, April 19, 2009

เป้าหมาย “ทักษิณ“ รัฐไทยล้มเหลว

ที่มา ไทยรัฐ

มหาสงกรานต์ปีนี้ เป็นปีที่มีวันหยุดราชการยาวนานที่สุด

เพราะรัฐบาลอยากให้ประชาชนมีความสุข สนุกสนาน ฉลองปีใหม่ไทย รดน้ำกันให้ชุ่มฉ่ำ คลายวิกฤติความขัดแย้งของคนในชาติ

แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ม็อบเสื้อแดงภายใต้ การนำของกลุ่ม นปช. ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบฯ ขับไล่ระบอบอำมาตยาธิปไตย และรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ขยายลุกลามบานปลาย เป็นจลาจลกลางเมือง กลายเป็นสงครามไฟ

ปิดถนนหลายจุดในกรุงเทพฯ จนการจราจรเป็นอัมพาต ปาระเบิดเพลิง เผารถเมล์ ยึดรถแก๊สขวางถนนในย่านชุมชน

ถึงขั้นที่รัฐบาลต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เคลื่อนกำลังทหารออกมาควบคุมสถานการณ์

ม็อบปะทะทหาร ชาวบ้านปะทะม็อบ

แม้แต่นายกฯอภิสิทธิ์ ก็ยังถูกม็อบไล่ล่าทุบรถจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ขณะที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ โดนรุมยำหัวร้างข้างแตก

ก่อนที่ทหารจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และกดดันจนแกนนำม็อบเสื้อแดงต้องประกาศสลายการชุมนุมและมอบตัวกับทางการ

ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีเหตุรุนแรงถึงขั้นเลือดนองแผ่นดิน

สถานการณ์ผ่านมาถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า ปัญหาความแตก แยกขัดแย้งของผู้คนในประเทศ เหตุจลาจล มิคสัญญีที่เกิดขึ้น

มันแค่หยุดไปชั่วคราว ไม่ใช่การสงบอย่างถาวร

ไฟยังไม่ดับ เพียงแต่จำกัดวงไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น สถานการณ์ความขัดแย้งยังคุกรุ่นรอเวลาปะทุ

พร้อมที่จะหวนกลับมามีเหตุให้เกิดเรื่องปะทะกันได้อีก

และอาจลุกลามบานปลายขยายวงกว้างออกไป จนเกิดความเสียหายมากกว่าเหตุจลาจลม็อบเสื้อแดงครั้งที่ผ่านมาก็เป็นได้

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐขอชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของม็อบเสื้อแดงที่นำมาสู่เหตุการณ์จลาจล เป็นเพราะมีเดิมพัน และเป็นเดิมพันที่สูงมาก

เนื่องจากหัวหน้าขบวนการม็อบเสื้อแดง ที่ประกาศเปิดตัวอย่างชัดเจน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ยังไม่ยอมแพ้ ยังเดินหน้าสู้ต่อ เพราะยุทธศาสตร์ของเขายังไม่บรรลุผล

ในฐานะหัวหน้าขบวนการคนเสื้อแดง ความเคลื่อนไหวจากการโฟนอินและวีดิโอลิงค์ชัดเจนว่า

ต้องการปลุกเร้ากระแสมวลชนคนเสื้อแดง ให้เกิดการเผชิญ

หน้ากับฝ่ายอำนาจรัฐ

เป้าหมาย คือ สร้างอำนาจต่อรอง

ที่สำคัญ ภายใต้การเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆให้เข้ามาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร

ยกระดับการชุมนุมจากการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ขับไล่นายกฯอภิสิทธิ์ มาเป็นการปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ประกาศโค่นล้มอำมาตยาธิปไตย

กดดัน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง

ต่ในทางลึกได้มีความพยายามในการต่อสายเจรจาต่อรองผ่านบุคคลบางฝ่าย โดยสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งเงื่อนไขขอมา ก็คือ

เงินที่ถูกอายัด 76,000 ล้านบาท เขาขอคืนแค่ 50,000 ล้านบาท และไม่ต้องติดคุกในทุกคดี

แต่การเจรจาประสานในทางลับ ประตูไม่เปิดให้บรรลุผลได้

ทำให้มีการยกระดับสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงให้รุนแรงยิ่งขึ้น

เป้าหมายสำคัญ คือ ทำให้เกิดการแตกหัก

ทำให้ประเทศไทยกลายเป็น รัฐที่ล้มเหลวไม่สามารถอยู่ร่วมในกติกาแห่งอารยประเทศได้

โดยมีร่องรอยชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน ในการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ทั้งการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ การโฟนอิน และวีดิโอลิงค์ เข้ามาปลุกม็อบเสื้อแดง ระบุชัดว่า

ประเทศไทย มีรัฐบาลที่ไม่ได้มาโดยประชาธิปไตย มาโดยมิชอบ มาจากผลพวงของการรัฐประหาร

เป็นรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติซ่อนรูป

กล่าวหากระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่มีความยุติธรรม โจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของประธานองคมนตรี และองคมนตรี

หนุนหลังอย่างเปิดเผยปลุกระดมคนเสื้อแดงทุกพื้นที่ทั่วประ-เทศให้ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว สร้างเงื่อนไขให้ประชาชนลุกฮือ

เพื่อทำให้รัฐบาลถูกมองว่าแก้ปัญหาวิกฤติประเทศไม่ได้

ทำให้เกิดจลาจล มิคสัญญี ปฏิวัติรัฐประหาร สงครามกลางเมือง

เพื่อให้องค์กรสากลอย่างสหประชาชาติ สอดแทรกเข้ามาเป็นกรรมการกลางจัดโต๊ะเจรจา เปิดช่องให้ตัวเองได้มีที่นั่งอยู่ในวงเจรจานั้นด้วย

แต่เป้าหมายนี้ ก็ไม่บรรลุผล

เพราะรัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์วิกฤติจลาจลม็อบเสื้อแดงเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนหน้านั้น การเดินเกมตามยุทธศาสตร์

ของ ทักษิณที่บรรลุผลไปแล้ว ก็คือ ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่เมืองพัทยาได้สำเร็จ

กลุ่มม็อบเสื้อแดงบุกทุบกระจกโรงแรม ลุยเข้าไปถึงขอบเวทีประชุมผู้นำอาเซียน

ส่งผลให้บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งผู้นำประเทศคู่ค้าคู่เจรจา ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

ที่ต้องร่วมวงเจรจาและลงนามสัญญาด้านการค้า การลงทุน การแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือด้านต่างๆระหว่างกัน

ต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนออกจากห้องประชุม บ้างก็โดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บ้างก็ลุยน้ำลงเรือเร็ว พากันหนีตายกลับประเทศแทบไม่ทัน

สื่อต่างประเทศรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ทำให้ประเทศไทย เสียภาพพจน์ไปเต็มๆ

ส่งผลกระทบไปถึงเรื่องการลงทุนและการท่องเที่ยวของไทย

ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามตามมามากมายจากนานาชาติ ถึงขนาดที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ออกมากล่าวประณามการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งซีเอ็นเอ็น และบีบีซี ก็ ได้ตั้งคำถามและข้อสังเกตมากมายระดมเข้าใส่ ทักษิณในทำนองว่า

พฤติการณ์ที่ออกมา นานาชาติ กระแสโลก ไม่ขานรับ

ที่สำคัญ มาถึงวันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่ได้กลายเป็น รัฐที่ล้มเหลวอย่างที่คนบางคนต้องการเห็น

อย่างไรก็ตาม ทีมของเราขอย้ำว่า สถานการณ์ในขณะนี้แม้รัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์สามารถหยุดเหตุการณ์จลาจลจากม็อบเสื้อแดงไว้ได้

แต่ก็เป็นเพียงการหยุดเอาไว้ชั่วขณะ

เป็นแค่อาการสงบชั่วคราว แต่ไฟแห่งความขัดแย้งแตกแยกในสังคมยังไม่ได้ดับมอดสนิทลง ยังคงคุกรุ่น

พร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้อีกตลอดเวลา และอาจลุกโชนร้อนแรงกว่าเดิม

ถ้ามีการเติมเชื้อโหมไฟจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

เหนืออื่นใด การที่ประเทศไทยจะกลายเป็น รัฐที่ล้มเหลวจะเกิดขึ้นก็เพราะฝีมือของคนไทยด้วยกัน

ถ้าไม่สามารถยุติความแตกแยกร้าวฉานของคนในชาติได้

ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐต้องขอตอกย้ำอีกครั้งว่า โดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยไม่อยู่ในอาณัติ ครอบงำใดๆ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

มีหน้าที่สำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤติให้ประเทศชาติและประชาชน

แต่ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ที่เป็นฝ่ายค้านในอดีต ถูกมองเป็นพวกเสื้อเหลือง ในขณะที่รัฐบาลในอดีตและมาเป็นฝ่ายค้านในขณะนี้ เป็นพวกเสื้อแดง

การทำงานในสภาฯ จึงกลายเป็นการแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบ่งสี ควบคู่ไปกับการเมืองนอกสภาฯ

แทนที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยจะร่วมมือร่วมใจกันใช้เวทีสภา เป็นเวทีแก้ปัญหาวิกฤติให้กับชาติบ้านเมือง

กลับกลายเป็นใช้เวทีสภาเป็นสถานที่ฟาดฟันกัน ไม่ได้ ใช้เป็นเวทีระดมสมองในการคลี่คลายปัญหาให้กับประเทศชาติ

ถ้า ส.ส. และ ส.ว.ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย แก้ความแตกแยกในระบบไม่ได้ ก็คงยุติความแตกแยกร้าวฉานของสังคมไม่ได้

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างที่ทำกันไป เป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุ

แต่ถ้าต้นเหตุคือ ส.ส. นักการเมือง ไม่สามารถปรองดองกันได้ ฟันเฟืองแต่ละขั้วยังคงอาละวาดกันต่อไป ปัญหาก็ไม่จบ

โดยเฉพาะปัญหานักการเมืองบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 ที่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง เป็นหัวเชื้อให้มีการอาละวาดราวีกันไม่เลิก

ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ต้นตอจึงอยู่ที่แกนนำของคนพวกนี้ไม่กี่สิบคน ที่จะต้องหันหน้ามาพูดคุยกัน กติกาสูงสุดของประเทศจะแก้ไขกันอย่างไร โดยใช้เวทีสภาเป็นทางออก

แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเหล่านี้ยังต้องฟัง นายใหญ่ที่อยู่ เมืองนอก อย่างเคร่งครัดอยู่รึเปล่า

ถ้าต้องฟัง ยังไงมันก็ไม่จบ.

ทีมการเมือง