WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, April 21, 2009

ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 21 เมษายน 2552

ที่มา ประชาไท

การเมือง สังคม

เด้งแล้ว ผบช.ภ.2-ผบก.ชลบุรีเซ่นม็อบเสื้อแดงป่วนประชุมอาเซี่ยนฯ

เว็บไซต์สยามรัฐ - เมื่อวันที่ 20 เม.ย. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่งที่ 170/2552 ให้พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ.2 ไปปฎิบัติราชการที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วยผบ.ตร.รักษาราชการแทนในตำแหน่งผบช.ภ.2 อีกหน้าที่หนึ่ง

นอกจากนี้มีคำสั่งที่ 171/2552 ให้พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ไปปฎิบัติราชการที่สำนักงานผบ.ตร. โดยให้พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ รองผบช.ภ.2 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ทั้งสองคำสั่งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามในคำสั่งไม่ได้ระบุเหตุผล แต่มีรายงานข่าวว่า เพื่อความสะดวกในการสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากพล.ต.อ.พัชรวาท ได้มีคำสั่งให้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าสืบสวนข้อเท็จจริงว่ามีข้อบกพร่องอะไร จนทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 14 ได้

เครือข่ายเสื้อแดงทยอยมอบตัวสู้คดีทั่วประเทศพรุ่งนี้

เว็บไซต์แนวหน้า - นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมาจับหลังการชุมนุมคนเสื้อแดงจ.ลำพูน ได้หารือกับผู้ที่ถูกออกมาจับในจังหวัดต่างๆได้ข้อสรุปว่า จะมีการทยอยมอบตัวเป็นแพ็กเก็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ในกทม.จะรอมอบตัวพร้อมนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แนนนำนปช. ในจ.ลำพูนก็จะไปมอบตัวในวันที่ 21 ที่กองกำกับการสถานีภูธรเมืองลำพูน จากการหารือกันทุกคนไม่หวั่นไหวอะไร เพราะพวกเราได้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ปลุกระดมอะไร อย่างไรก็ตามเป็นห่วงว่าขณะนี้มีขบวนการไล่ล่าของรัฐที่หยุดหย่อน จะทำให้มีการสู้ใต้ดินเพิ่มมากขึ้น อยากให้รัฐให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่าใช้ 2 มาตรฐาน

"จักรภพ" เผยเผ่นออกนอก ปท. ตั้งหลักฐานบัญชาเสื้อแดง
มติชนออนไลน์ - สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำของกลุ่มนปช.กล่าวให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับเอเอฟพี ระบุว่า เขาได้หนีออกนอกประเทศเพื่อเลี่ยงการถูกออกหมายจับฐานยุยงให้ใช้ความรุนแรง โดยเราต้องซ่อนตัวเองในที่ปลอดภัย และจะตั้งสำนักงานที่สามารถดำเนินการเคลื่อนไหวได้ และเราได้พัฒนายุทธศาสตร์บางประการเพื่อให้เราสามารถใช้เวลาวิเคราะห์สถานการณ์ได้ นอกจากนี้ นายจักรภพกล่าวว่า มีความเห็นขัดแย้งกันกรณีกลุ่มเสื้อแดงยอมสลายการชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวไม่เป็นฉันทามติแต่เขาก็ต้องยอมการตัดสินใจของแกนนำที่อยู่ในพื้นที่ เพราะตัวเขาเองอยู่นอกพื้นที่ จึงไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์เองได้ นอกจากนี้ นายจักรภพกล่าวด้วยว่า เขายังคงติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้แนะนำอะไรแก่กลุ่มเสื้อแดง

ภูมิใจไทยค้านนิรโทษกรรม
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - พรรคภูมิใจไทยไม่หนุนรัฐบาลออกกฏหมายเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใด นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนยัน พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยหากจะเสนอให้มีการนิรโทษกรรมนักการเมือง และพรรคการเมืองต่างๆ หลังการปฏิวัติ 19 กันยายน เนื่องจากทางพรรคได้ประกาศจุดยืนตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลแล้วว่า จะไม่สนับสนุนการออกกฎหมายที่ใช้กับคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมื่อถามว่า การที่นายกรัฐมนตรีออกมาแสดงท่าทีเปิดทางให้มีการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ถือเป็นการที่รัฐบาลยอมอ่อนข้อให้กลุ่มเสื้อแดงหรือไม่นายบุญจงกล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะนายกฯคงมองเพียงว่า น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติกลับสู่ความสงบเรียบร้อยด้วยวิธีการสันติวิธีเท่านั้น

ผบ.ตร.สั่งอารักขาเข้มองคมนตรี - ครม.
เว็บไซต์คมชัดลึก - พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งด่วนที่สุดถึง ผบช.น. ผบช.ภ. 1-9 ผบช.ก. ผบช.ส.และ ศปก.ตร.ให้เพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัย (รปภ.) บุคคลสำคัญ และป้องกันเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสังคมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ดังนี้ 1.เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยองคมนตรี คณะรัฐมนตรี อย่างเคร่งครัด เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะสถานที่ทำงาน สถานที่พัก ยานพาหนะ และสถานที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่าง ๆ

2.จัดทำแผนรักษาความปลอดภัยและแผนเผชิญเหตุ โดยประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและส่งแผนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ 3.สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวบุคคล หรือกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบ รวมทั้งติดตามสถานการณ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยปฏิบัติ และประชาคมข่าวอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังมีคำสั่งที่ 001 (ผบ)/162 ถึงหน่วยต่าง ๆ ดังนี้ 1.เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทางการเมือง-ทางสังคม และบุคคลสำคัญอื่น ๆ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบเป็นพิเศษ 2.เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดอย่างเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ

3.ให้ตั้งจุดตรวจค้นและการปฏิบัติของสายตรวจ มุ่งเน้นภารกิจจุดตรวจอาวุธ สิ่งผิดกฎหมาย เป็นจุดก้าวสกัดจับ ดูแลบ้านพักบุคคลสำคัญ และสถานที่สำคัญในพื้นที่ 4.ตรวจสอบว่ามีการจัดทำแจกจ่ายแผ่นซีดี "ทหารฆ่าประชาชน" หรือในลักษณะคล้ายคลึงกันหรือไม่ เพื่อนำมาพิจารณาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ หากพบเป็นความผิดให้จับกุมตามกฎหมาย

เนวินฟ้องแล้วจตุพร-ณัฐวุฒิ-อดิศรหมิ่น
เว็บไซต์คมชัดลึก - เนวินส่งทนายแจ้งความดำเนินคดี 4 แกนนำ นปช."จตุพร ณัฐวุฒิอดิศร-สมคิด"ข้อหาหมิ่นประมาท เหตุมีการระบุ "เนวิน"อยู่เบื้องหลังคนเสื้อสีน้ำเงินสั่งเผารถเมล์และก่อเหตุจลาจล ไม่แตะลูกชาย"สนธิ" เทพไทโต้ เพื่อไทยคนหาย คือ แกนนำนปช. "วิปวุฒิ"ขอ6 ชั่วโมงอภิปรายร่วม 2 สภา นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย และคนใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ เวลา 14.00 น. ตนพร้อมด้วยทีมทนายความ จะเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ให้ดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.นายณัฐวุมิ ใสยเกื้อ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย สองแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีหมิ่นประมาทนายเนวิน และดำเนินคดีนายจตุพร และนายอดิศร เพียงเกษ ประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ดีทีวี และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 กรณีได้ทำโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด ในการฆ่าผู้อื่นอันเป็นความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

ศาล รธน. อัด ตร.รู้จะเกิดเหตุปาระเบิดสำนักงานฯ แต่ส่ง จนท.ดูแลน้อย
เว็บไซต์แนวหน้า - นายเชาวนะ ไตรมาส รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงถึงกรณีการลอบปาวัตถุระเบิดเข้าใส่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยนายเชาวนะ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ดังกล่าวสรุปได้ว่า มีการใช้เครื่องยิงวัตถุระเบิดเข้ามาภายในบริเวณอาคารที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ ด้านถนนจักรเพชร 3 ครั้ง คือ 1.เป็นเศษวัตถุระเบิดตกเข้ามาบริเวณด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 2.เป็นลูกระเบิดที่ยังไม่ระเบิดตกเข้ามาบริเวณด้านหน้าป้อมยามรักษาความปลอดภัย และ 3. เป็นวัตถุระเบิดตกเข้าบริเวณอาคารสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายทั้งในและนอกอาคารเป็นบริเวณกว้าง และเจ้าหน้าที่ทหารที่มาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยบาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเก็บพยานหลักฐานและสำนักงานศาลได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ไปให้ปากคำในฐานะผู้เสียหายที่สน.พระราชวังเรียบร้อยแล้ว

ด้านนายพสิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าจะเกิดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจให้กับบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งทางตุลาการก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าอาจจะเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้น ตั้งแต่เกิดการโยนระเบิดที่บ้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จึงได้อนุมัติให้จ้างทีมรักษาความปลอดภัยของตุลาการขึ้น แต่เป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใดเมื่อเป็นที่คาดการณ์อยู่แล้ว ทำไมทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)กลับไม่ได้สนใจและส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลสำนักงานศาลอย่างจำกัด

อยากถามทางสตช.ว่าจะมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของสำนักงานศาล ตุลาการ และข้าราชการของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ส่วนเรื่องการขอความช่วยเหลือจากทหารในการรักษาความปลอดภัยนั้น คงต้องหารือในเชิงลึกอีกครั้ง เพราะขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่มีการประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ด้วย นอกจากนี้อาวุธสงครามที่ก่อเหตุครั้งนี้กลางเมืองหลวง ก็เป็นที่น่าสงสัยว่ามีการเคลื่อนย้ายอาวุธสงครามอย่างนี้ได้อย่างไร และไม่แน่ใจว่ากรณีนี้เป็นอาวุธเป็นเดียวกับที่ก่อเหตุบุกยิงนาย สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯหรือไม่ ซึ่งตนต้องฝากความห่วงใยไปให้นายสนธิด้วย

ส.ว. เคืองรัฐบาลเมินขออภิปรายไม่ลงมติ
มติชนออนไลน์ - การประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นสอบถามความคืบหน้าในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ 161 เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลได้ขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179 เพื่อหารือสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ในวันที่ 22-23 เมษายนนี้แล้ว โดยที่ยังไม่ได้สอบถามมายังวุฒิสภาเลยว่าจะเห็นสมควรอย่างไร


นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วุฒิสภาได้ร่วมประคับประคองรัฐบาลนี้มาตั้งแต่การแถลงนโยบายรัฐบาล ดังนั้น การจะทำอะไรก็ควรให้เกียรติกัน รัฐบาลต้องจัดเรียงลำดับความสำคัญในเรื่องญัตติ วาระ และให้เครดิตการทำงานของวุฒิสภาบ้าง


ขณะที่ น.ส.ทัศนา บุญรอง รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวว่า ขณะนี้ญัตติดังกล่าวยังคงอยู่ขึ้นอยู่กับว่าในการประชุมร่วมรัฐสภา ทางรัฐบาลจะชี้แจงชัดเจนหรือไม่ และผู้เสนอญัตติพอใจหรือยัง หากไม่พอใจก็เป็นสิทธิที่จะขอให้รัฐบาลมาชี้แจงเพิ่มเติมได้ ขณะนี้ประธานวุฒิสภากำลังประสานรัฐบาลอยู่ว่าจะสะดวกมาชี้แจงต่อวุฒิสภาเมื่อไหร่

ปชป.ระแวงพรรคร่วม สุเทพเผยกลางที่ประชุมระวังถูกทุ่มเงินซื้อ เผย 4 แผน ล้มรัฐบาลมาร์ค

เว็บไซต์แนวหน้า - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าที่ประชุมพรรคนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ดูแลความมั่นคง ได้วิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังทำอะไรกับสังคมไทย โดยเห็นว่ามีความพยายามดำเนินการ 4 อย่างคือ 1. ขยายแนวร่วมให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นในสังคมไทย ด้วยการให้ข่าวว่ามีคนตายจำนวนมากในเหตุการณ์สลายการชุมนุมและใช้สองมาตรฐานในการปราบม็อบเพื่อให้เกิดความเกลียดชังในสังคม และ 2. พยายามทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล และขอให้ระวังว่าจะมีการใช้เงินซื้อพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้เกิดความขัดแย้งและจำทำให้รัฐบาลไม่สามารถอยุ่ได้ ต้องล้มไปในที่สุด

นพ.วรงค์ กล่าวว่า 3. ใช้มาตรการกดดันนายอภิสิทธิ์ ให้ลาออก ซึ่งหาก 3 ข้อ ไม่ได้ผล ก็จะดำเนินการในข้อที่ 4. คือ ดำเนินการหมายเอาชีวิตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมได้พูดคุยกันถึงแนวทางการให้ความเป็นธรรมกับประชาชนโดยนายกฯ และรองนายกฯ ยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิที่จะชุมนุม จะไม่มีการจับกุมผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้นการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และ แกนนำนปช. ระบุว่าจะมีการจับผู้ชุมนุมอีก 3 แสนคนจึงเป็นไปไม่ได้ แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับคนที่ทำผิดกฎหมายอาญาและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พูดถึงทางออกที่จะเกิดขึ้น โดยรัฐบาลจะใช้เวทีการประชุมร่วมรัฐสภา ในการรับฟังความเห็นและหาทางออก และจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางส่วนซึ่งเป็นความผิดทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดทางอาญา

กทม.ติดเพิ่มกล้องวงจรปิดทั่ว กทม.

เว็บไซต์เดลินิวส์ - 20 เม.ย. นายพงษ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรียกประชุมเจ้าหน้าที่จากสำนักจราจรและขนส่ง เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของกล้องวงจรปิดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในส่วนที่ติดตั้งไปแล้ว รวมทั้งสั่งเพิ่มจุดติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดสำคัญครอบคลุมพื้นที่ทั่ว กทม. ซึ่งจะต้องติดตั้งให้เสร็จภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อนำกล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติมในการดูแลในเรื่องของความมั่นคง และความปลอดภัย ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ ปัจจุบันมีกล้องวงจรปิดที่ดูแลในส่วนของความมั่นคงประมาณ 699 ตัว แบ่งเป็นในเขตพระราชฐาน 399 ตัว และในเขตพื้นที่ชั้นในอีก 300 ตัว

ปลัด กทม. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะมีการขยายขอบเขตการติดตั้งกล้องวงจรปิดออกไปในพื้นที่สำคัญรอบนอก หลังมีปัญหาในเรื่องของความมั่นคง ปลอดภัย ซึ่งการดำเนินการจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้ แต่หากไม่ทันก็ต้องให้เสร็จภายในปีงบประมาณปี 2553 ทั้งนี้ ยังให้คำแนะนำสำนักจราจรและขนส่ง ขอร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีกล้องวงจรปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น ในการขอเชื่อมต่อสัญญาณร่วมกับทางหน่วยราชการเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลเรื่องความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เศรษฐกิจ

ขุนคลัง เผย ขอดูแหล่งกู้ 2 สัปดาห์
เว็บไซต์แนวหน้า - นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (21 เมย.)จะมีการหารือถึงการปรับลดกรอบงบประมาณในปี 53 ส่วนรายละเอียดจะชี้แจงให้ทราบหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น โดยกระบวนการในครั้งนี้มาจากการประมาณการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่มีแนวโน้มปรับลดลง ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม หรือนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอก 2 จำนวน 1.56 ล้านล้านบาท แต่ส่วนที่จะนำเงินทุนจากแหล่งใดนั้น จะขอเวลาในการพิจารณา 2 อาทิตย์ ทั้งนี้ เชื่อว่า จีดีพีในปี 52 จะยังคงติดลบอยู่ที่ร้อยละ 4-5 และจีดีพี จะกลับฟื้นตัวในปี 53 รวมถึงเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่รัฐบาลก็ยังคงงบลงทุนในปี 53 ไว้ที่ 300,000 ล้านบาท

นิคมอุตฯ ร่อแร่ยอดขายที่ดินปีนี้วูบ
ASTV ผู้จัดการรายวัน - สมาคมนิคมฯ ชี้ปีนี้ยอดขายที่ดินวูบ หลังเจอปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกและพิษการเมืองซ้ำเติม เตือนรัฐเร่งหามาตรการส่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในประเทศเพื่อกระตุ้นขยายงาน แทนที่จะเดินสายโรดโชว์ต่างชาติหวั่นเหนื่อยแรงเปล่า

นายทวิช เตชะนาวากุล เลขาธิการสมาคมนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้น ผนวกกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ทำให้เป้าหมายการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งสวนอุตสาหกรรมทั่วประเทศในปีนี้ปรับตัวลดลงเหลือ 1.5-2 พันไร่จากปีก่อนที่มีการขายที่ดินในนิคมฯ รวมทั้งสิ้น 2.5-3 พันไร่ โดยช่วง 3เดือนแรกของปี 2552 พบว่ามียอดขายที่ในนิคมฯได้เล็กน้อย หากการขายที่ดินในนิคมฯได้ตามเป้าหมายก็ถือว่าโชคดี

ช่วงนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ขณะที่ไทยเองก็เจอผลกระทบทั้งการส่งออกที่ลดลง ปัญหาความไร้เสถียรภาพการเมือง โดยเฉพาะเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้ภาคการท่องเที่ยวพังพินาศ สูญรายได้ 2 แสนล้านบาท สำหรับนิคมฯเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบก่อน ซึ่งการลงทุนของไทยส่วนใหญ่ต้องอาศัยการลงทุนจากต่างชาติเป็นหลัก แต่เมื่อการเมืองไร้เสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนข้ามชาติเองก็กังวลในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหากเกิดปัญหาจลาจล

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ประกอบการนิคมฯในไทยจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจโลกนี้ไปได้ ไม่ถึงขั้นปิดตัว เนื่องจากเคยผ่านประสบการณ์ในวิกฤตต้มยำกุ้งมาแล้ว และมีหลักทรัพย์ในรูปที่ดินจำนวนมาก ทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาสภาพคล่อง จึงไม่น่าเป็นห่วงเมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ

นายทวิช กล่าวว่า การออกไปโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในต่างประเทศของรัฐบาล ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่ต้องไม่คาดหวังจากการโรดโชว์ เพราะหากปัญหาการเมืองไม่สงบ เชื่อว่าการโรดโชว์เพื่อชักจูงบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในไทยคงเป็นไปได้ลำบาก ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นในช่วงนี้ คือการรักษานักลงทุนเดิมที่มีอยู่ไม่ให้ถอนตัวออกจากเมืองไทย รวมทั้งส่งเสริมให้นักลงทุนเหล่านี้มีการขยายการลงทุนเพิ่มเติมด้วย

ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในประเทศที่มองว่าจะขยายตัวติดลบ 4 -5% ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถูกซ้ำเติมจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันหยุดชะงัก เม็ดเงินที่คาดจะเข้ามาจากนักท่องเที่ยวหายไปทันที

การไปโรดโชว์ต่างประเทศของรัฐบาลมองว่าเหนื่อยเปล่า แต่ควรสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนในประเทศดีกว่า เพราะขณะนี้ลูกค้าเดิมเป็นลูกค้าที่ดีที่สุด ต้องเร่งรักษาและเชียร์ให้ขยายการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากนักลงทุนเดิมมีความเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยดี อย่างไรก็ตาม การโรดโชว์ต่างประเทศก็ยังต้องทำแต่ไม่ควรคาดหวังในระยะสั้นนายทวิชกล่าว

นายทวิชกล่าวอีกว่า จากการสำรวจแรงงานที่จังหวัดอยุธยาในช่วงมี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีแรงงานในสวนอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 1.8 แสนคน เชื่อว่าหากจะมีการปลดแรงงานในนิคมฯ และสวนอุตสาหกรรมที่จังหวัดอยุธยาในปีนี้แค่ 15% หรือประมาณ 3-4 หมื่นคน แต่ทั้งนี้คงต้องสำรวจใหม่อีกครั้งในช่วงพ.ค.นี้ จึงจะรู้แน่ชัดว่าจะมีแรงงานถูกเลิกจ้างมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นช่วงผลิตเพื่อการส่งออก แต่เท่าที่ทราบขณะนี้กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น

ต่างประเทศ

ปชช.ลังกานับหมื่นแห่หนีตาย ทหารรบ.-อีแลมปะทะเดือด
เว็บไซต์สยามรัฐ - ศรีลังกา - พลเรือนชาวศรีลังกากว่า 3.5 หมื่นคนแห่หนีตาย หลังกบฏอีแลมกับกองกำลังรัฐบาลปะทะเดือด ด้านทหารบุกช่วยประชาชน 5 พันคน จากการถูกใช้เป็นโล่มนุษย์ ขณะที่ยูเอ็นหวั่นร่วมแสนชีวิตยังอยู่ในพื้นที่สู้รบ ล่าสุดกบฏเอา 17 ชีวิตผู้หญิงและเด็กเซ่นระเบิดฆ่าตัวตายเพื่อเปิดทางหลบหนี

โอบามาเตือนเศรษฐกิจ US ยังย่ำแย่ ทำเนียบขาวก็ปรามตลาดหุ้นที่พุ่งลิ่ว
ASTV ผู้จัดการรายวัน - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (19) ว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน ในขณะเดียวกันที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับท็อปของเขา ก็ออกมาสยบความคาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นตัวการทำให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เรายังไม่พ้นจากพงหนาม และตอนนี้ก็ยังคงเป็นเวลายากลำบากสำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป สินเชื่อยังคงหดตัวต่อเนื่องโอบามากล่าวในการแถลงข่าวที่พอร์ต ออฟ สเปน เมืองหลวงของประเทศตรินิแดดและโตเบโก ที่ซึ่งเขาไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประเทศในทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้

ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างแรง และความเจ็บปวดจากปัญหายังคงปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคนตกงานราว 5,000,000 คนแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 2007 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดเมื่อวันศุกร์โดยอยู่ในระดับที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่หกแล้ว รวมทั้งราคาน้ำมันก็ปิดเพิ่มขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกระเตื้องขึ้น รวมทั้งผลประกอบการไตรมาสแรกที่พวกธนาคารขนาดใหญ่ทั้งหลายกำลังทยอยรายงานออกมา ต่างก็ดีกว่าที่คาดไว้

เรากำลังเห็นตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น หลังจากช่วงเวลาที่ไม่ได้มีตัวเลขสถิติในเชิงบวกให้เห็นกันเลยลอเรนซ์ ซัมเมอร์ส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติภายใต้ทำเนียบขาว กล่าวในรายการ มีท เดอะ เพรส ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี

อย่างไรก็ตาม หนทางแห่งความยากลำบากยังคงยาวไกลและต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะหลุดพ้นได้ เราจะต้องพยายามสร้างงานใหม่ ๆขึ้น รวมทั้งการช่วยเหลือภาคการเงินของเราด้วยเขากล่าว

ปัญหาท้าทายประการหนึ่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯก็คือการพลิกฟื้นให้เกิดความเชื่อมั่นในภาคธนาคารขึ้นมาใหม่ โดยต้องให้เห็นว่าตอนนี้ธนาคารต่าง ๆของสหรัฐฯมีเม็ดเงินดำเนินงานอย่างเพียงพอแล้ว หลังจากขาดทุนมหาศาลเมื่อตลาดตราสารหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยล้มครืนลงมาเมื่อปีที่แล้ว

ทีมเศรษฐกิจของโอบามา ก็กำลังเดินหน้าใช้มาตรการตรวจวัดความทนทานของธนาคารใหญ่ 19 แห่ง ว่าจะสามารถรับมือกับวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้แค่ไหน โดยกำหนดที่จะประกาศแนวทางในการดำเนินงานในเรื่องนี้ในวันที่ 24 เมษายน และจะประกาศผลการตรวจสอบในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้

โอบามากล่าวว่าผลการตรวจสอบน่าจะแสดงให้เห็นว่าธนาคารบางแห่งต้องการความช่วยเหลือมากกว่าธนาคารอื่น ๆ

เพราะว่าธนาคารต่าง ๆก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน และความต้องการความช่วยเหลือจากผู้เสียภาษีก็มีระดับต่างกันไปด้วยโอบามากล่าว เขายังให้คำมั่นอีกครั้งว่าเงินของผู้เสียภาษีจะไม่สูญเปล่าแน่นอน

เราพยายามที่จะใช้เงินของประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจะไม่เอาเงินของประชาชนไปถมเข้าไปในหลุมดำ และรับรองว่าจะต้องเกิดผลตอบแทนแน่นอนเขากล่าว

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการสหรัฐฯ ต่างเรียงหน้ากันออกมาบอกว่า เศรษฐกิจกำลังจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านในไม่ช้านี้ ซัมเมอร์สกล่าวถึงคำพูดเหล่านี้ว่า ไม่มีอะไรเสียหายถ้าจะพูดคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวไว้ล่วงหน้า แต่เขาเน้นว่าเศรษฐกิจยังจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาท้าทายต่อไป

ไม่มีใครที่จะอยู่ในสถานะที่จะมาประกาศความชัยชนะในตอนนี้ แต่ความจริงที่ว่าไม่ใครสามารถประกาศชัยชนะได้ ก็มิได้หมายความว่าเราไม่ควรจะพูดถึงพัฒนาการในทางดีที่ค่อย ๆคลี่คลายออกมาทีละน้อย

ยังคงมีความเสี่ยงอันหนักหนาอยู่ และยังคงมีความแรงกดดันต่อเศรษฐกิจซึ่งเราต้องเตรียมตัวรับมือในอนาคตซัมเมอร์สชี้

ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯนั้นอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ภาคการเงินของประเทศเพื่อประคองให้ไม่ล้มครืนลงมาก โดยเฉพาะพวกธนาคารขนาดใหญ่ทั้งหลาย จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลอุ้มแต่สถาบันการเงินที่ร่ำรวย ตอนนี้ธนาคารยักษ์ใหญ่บางแห่งอย่างเช่น โกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ต้องการจะคืนเงินเหล่านั้นให้รัฐบาล เพราะเชื่อว่าตนเองมีความสามารถเพียงพอในการประคองกิจการต่อไปได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ซัมเมอร์สบอกว่าแม้จะยินดีที่ธนาคารเริ่มอยากจะคืนสินเชื่อที่ได้ไป แต่ก็จะต้องระวังไม่เป็นการไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวธนาคารขึ้นอีก รวมทั้งจะต้องไม่ทำให้สภาพคล่องเหือดหายไป จากการนำเอาเม็ดเงินที่ควรจะนำไปให้ประชาชนและภาคธุรกิจกู้ มาคืนแก่รัฐ เนื่องจากต้องความเป็นอิสระในการบริหารงานของตนเอง