WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, April 20, 2009

ทัศนะหลัง 'สนธิ' ถูกยิง

ที่มา ประชาไท

[ ทีมข่าวการเมือง ]

ทุกๆ เช้าของวันจันทร์-ศุกร์ ถ้าไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ภารกิจของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมเดินทางมายังสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแห่งเอเชีย (Asia Satellite Television) หรือ เอเอสทีวี ถ.พระอาทิตย์ เพื่อดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” รายการเล่าข่าวและวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งเขาจัดเป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 6.00-7.00 น.

แต่วันนี้ 17 เมษายน เขาไม่ได้จัดรายการ “Good Morning Thailand” เหมือนเคย เพราะถูกลอบยิงเมื่อเวลาราว 5.40 น. ก่อนที่รถของเขาจะมาถึงสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี

000



ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

ขณะเกิดเหตุนายสนธิ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน วล 89 กทม. ออกจากบ้านพักย่าน ถ.สุโขทัย มา 3 คนพร้อมคนขับ และการ์ดที่นั่งมาด้านหน้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.30 น. ขณะมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณปั๊มคาลเท็กซ์ หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรหม ถ.สามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ได้มีรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียนได้ขับมาประกบข้างรถ และ มือปืนสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงลายพราง ซึ่งอยู่ด้านหลังของรถกระบะ ได้ยิงใส่ล้อรถนายสนธิ เพื่อให้ยางแตกก่อน แล้วกระหน่ำยิงเข้าใส่ตัวรถ ก่อนหลบหนี

โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีบาดแผลที่ศีรษะด้านขวา เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวชิระ รายที่ 2 นายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ อาการสาหัส ถูกยิงเข้าที่ลำตัวและศีรษะ ถูกนำส่งโรงพยาบาลมิชชัน และนายวายุภักดิ์ มัลคละสินธุ์ อายุ 40 ปี การ์ด ที่นั่งมาด้านหน้าคู่กับคนขับได้รับบาดเจ็บ เล็กน้อยถูกนำส่ง รพ.วชิระพยาบาล

โดยขณะนี้นายอดุลย์ แดงประดับ ยังอยู่ในอาการสาหัส ส่วนนายสนธิหลังผ่าตัดเอากระสุนที่ฝังศีรษะออก ได้ย้ายออกจาก รพ.วชิรพยาบาล มาอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ โดยนายอดุลย์ และนายวายุภักดิ์ ได้ย้ายมาอยู่ รพ.จุฬาด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ รพ.วชิรพยาบาลที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลเข้ารักษาเบื้องต้น มีผู้ชุมนุม นปช. ที่รับบาดเจ็บหลังการสลายการชุมนุมของทหารเมื่อ 12-14 เมษายน เข้ารับการรักษาตัวเป็นจำนวนมาก

เบื้องต้น พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.แถลงถึงสาเหตุการลอบยิงนายสนธิว่า เหตุการณ์นี้ตำรวจ ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และยังไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือการเมือง แต่เชื่อว่าเป็นการประทุษร้ายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่จะพยายามตรวจสอบจากเบาะแสอื่นๆ เช่นวิถีกระสุนและเส้นทางการเดินทางของนายสนธิ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งไล่ล่าหาเบาะแส พร้อมกระจายกำลังตามจับตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5 คน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณแยกสี่เสาเทเวศร์

จากรายงานข่าวของ ASTVผู้จัดการออนไลน์ พบว่า กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของ กทม.ที่ติดตั้งบริเวณสี่แยกบางขุนพรหม จำนวน 5 ตัว โดยเป็นกล้องภาพนิ่งจำนวน 4 ตัว กล้องเคลื่อนไหวเมื่อมีการคอนโทรลจำนวน 1 ตัว ปรากฏว่าระบบบันทึกภาพของกล้อง CCTV ขัดข้องทั้ง 5 ตัวพร้อมกัน โดยระบบบันทึกภาพไม่ทำงานตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 16 เมษายน ซึ่งเมื่อเกิดเหตุยิงถล่มขึ้นจึงทราบว่าระบบบันทึกภาพขัดข้อง ทั้งนี้ แม้ว่าระบบบันทึกภาพจะไม่ขัดข้องแต่ทิศทางของมุมกล้องไม่ตรงกับจุดที่เกิดเหตุ ดังนั้นแม้บันทึกภาพได้แต่ก็มองไม่เห็น

ส่วนกล้อง CCTV ที่ติดตั้งบริเวณแยกเทเวศร์ พบว่ารถยนต์ของคันที่เกิดเหตุวิ่งผ่านไปในเวลา 05.41.33 น. และรถต้องสงสัย โตโยต้ากระบะ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ที่ก่อเหตุวิ่งผ่านไปในเวลา 05.41.51 น. โดยวิ่งตามกัน ระยะเวลาห่างแค่ 18 วินาที ก่อนที่จะเกิดยิงถล่มรถของนายสนธิ ในเวลาต่อมา ซึ่งภาพดังกล่าวถือเป็นเพียงภาพเดียวที่กล้อง CCTV สามารถจับภาพได้ เพราะจากการตรวจสอบกล้องที่แยกสี่เสาเทเวศร์ ก็ไม่ปรากฏภาพรถของนายสนธิ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ที่บริเวณแยกบางขุนพรหม พบว่า ตู้ควบคุมระบบบันทึกภาพมีรอยกระสุนปืน 1 รอย แต่ทั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับระบบบันทึกภาพขัดข้องก่อนหน้านี้ แต่ประการใด อีกทั้งไม่ทราบว่ารอยกระสุนปืนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์ยิงนายสนธิ

ส่วนภาพที่บันทึกได้ของกล้อง CCTV ที่ติดตั้งบริเวณแยกบางลำพู ยังพบว่ารถที่คาดว่าจะเป็นรถต้องสงสัย เนื่องจากมีลักษณะเดียวกัน กระบะหลังมีการบรรทุกของเช่นกันได้วิ่งมาตามถนนสามเสนและเลี้ยวซ้ายไปทางถนนพระสุเมรุ ซึ่งบังคับให้วิ่งตรงผ่านหน้าวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

โดยหลังเหตุลอบยิงสนธิ ลิ้มทองกุล ได้มีทัศนะออกมาจากหลายฝ่าย

(1) รัฐบาล

ยิงสนธิมีผลต่อการพิจารณายกเลิก/คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ในฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐการที่สนธิ ถูกลอบยิง ถูกหยิบยกขึ้นหารือในการประชุม ครม. ทันที และถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเมื่อเวลา 08.45 น. ณ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกลอบยิงว่า ได้รับรายงานแล้ว และได้มีการมอบหมายเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า เหตุลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จะมีผลกระทบต่อการพิจารณายกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เดิมจะมีการพิจารณาในระหว่างการประชุม ครม.นัดพิเศษที่จะมีขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น.วันนี้ พร้อมกล่าวว่านายกรัฐมนตรีและหน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ขึ้นแล้ว และในการประชุมคณะรัฐมนตรีคงจะมีรายงานที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องส่งมาให้ที่ประชุมได้พิจารณาเป็นระยะๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ส่วนกำหนดการเดินทาง รวมทั้งสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีจะไปปรากฏตัวนั้น ทั้งหมดจะยังอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหน่วยงานด้านความมั่นคงต่อไป และจะยังไม่เป็นที่เปิดเผย เนื่องจากยังคงหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัยอยู่ [1] โดยหลังการประชุม ครม. ได้มีมติคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อไป

เทพไทแนะรัฐบาลเอาใส่ ชี้มีเหตุรุนแรงมาก่อนทั้งที่พัทยา เหตุลอบยิงองคมนตรี

ขณะที่ฟากประชาธิปัตย์เองก็แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว โดยนายเทพไท เสนพงศ์ [2] โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อ 17 เมษายน ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและครอบครัว ต่อเหตุการณ์ถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงครามจนได้รับบาดเจ็บ ตนคิดว่ารัฐบาลต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้มีการก่อเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการทุบรถนายกรัฐมนตรีที่พัทยา และแผนลอบฆ่าองคมนตรี

เชื่อมีผู้บิดเบือนว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์

วันต่อมา 18 เมษายน 2552 นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ [3] โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ว่าเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องเร่งขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดโดยด่วน เพราะขณะนี้มีความพยายามบิดเบือนข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้าง สถานการณ์ของนายสนธิ หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล และต้องยอมรับว่า อาจถูกมองเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง กรณีของนายสนธิต้องไม่ให้เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคม หรือเป็นจุดเสี่ยงในการใช้มวลชนลุกขึ้นมาปะทะกันอีก ที่สำคัญสังคมจะต้องไม่ตกเป็นเหยื่อการปล่อยข่าวเท็จต่างๆ จนกลายเป็นชนวนรอบใหม่อีก

เมื่อถามว่า ได้วิเคราะห์หรือไม่ว่านายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาจเป็นเป้าหมายโดนลอบทำร้าย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคก็วิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้มีการลอบสังหารองคมนตรี แกนนำพันธมิตรฯ และมีเหตุการณ์ทุบรถนายกรัฐมนตรีที่พัทยา ดังนั้น ต้องให้ความระมัดระวังคุ้มครองบุคคลที่เป็นเป้าหมาย

เมื่อถามว่า รัฐบาลจำเป็นต้องคง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกนานเท่าใด โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าเป็นการตัดสินใจของรัฐบาล เพราะเกี่ยวข้องกับภารกิจการสร้างความสงบ ความปลอดภัยของประชาชน จนกว่าปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะหมดไป เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่ายังคงมีการปลุกระดมทำผิดกฎหมาย และบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ยังมีอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงตามมาได้

(2) กองทัพ

ป๊อกบอกการลอบยิงเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะอาวุธสงครามคู่สังคมไทย

ในขณะที่ทหารอยู่เต็มเมือง แทบทุกมุมสี่แยก จากเหตุลอบยิงสนธิ ลิ้มทองกุล หลายฝ่ายจึงมุ่งตั้งคำถามไปที่ทหาร

โดยเมื่อวันที่ 17 เมษายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา [4] ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การลอบยิงเป็นเรื่องอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องสืบสวนสอบสวน ยอมรับว่าอาวุธสงครามยังคงมีใช้อยู่ในสังคมไทยซึ่งฝ่ายทหารก็พยายามแก้ปัญหานี้อยู่ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นว่าเกี่ยวกับทหารหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีกำลังนายทหารตรึงกำลังอยู่เวรยาม เขตละ 2 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ฝ่ายทหารได้รับคำสั่งและได้สั่งการเด็ดขาดว่าหลังคืนวันที่ 13 เมษายน 2552 ห้ามทหารใช้อาวุธโดยเด็ดขาด แม้เห็นตัวผู้ร้าย หรือ มีเหตุป่วนเมือง เช่น โยนระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิงขนาดเล็ก ส่วนเหตุการณ์ลอบยิงจะเป็นการป่วนเมืองหรือไม่ มองว่าการป่วนเมืองในขณะนี้ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเพราะจะทำให้สังคมไม่ยอมรับ

สรรเสริญบอกยิงสนธิไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด [5] โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหตุลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งที่มีประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการให้อำนาจทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบตามพื้นที่จุดต่างๆ แต่กรณีดังกล่าวเป็นก่อคดีอาชญากรรม เป็่นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุแล้วว่ากำลังทหารที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่มีภารกิจอย่างไร

เมื่อถามว่า มีการพุ่งเป้ามาที่ทหารเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับทหาร แต่หากมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.อ.อนุพงษ์ พูดชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าสีไหนตำรวจต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินคดีมาลงโทษ

เมื่อถามว่า มีการพุ่งเป้ามาที่กองทัพหลังนายสนธิวิจารณ์เรียกร้องให้ปลด ผบ.เหล่าทัพ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว คำพูดสนธิไม่พลังพอที่ใครจะไปทำตาม เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง

เสธ.แดงชี้มีคนจองกฐินมาก

ที่รีบปฏิเสธพัลวัน เห็นจะเป็น พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล [6] หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่มีเรื่องกระทบกระทั่งทางวาจากับสนธิและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด โดย พล.ต.ขัตติยะ กล่าวถึงเหตุลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุลว่า ตนวิเคราะห์ว่าเป็นฝีมือของชนชั้นปกครองระดับสูงของรัฐ ที่มีทั้งรัฐบาล อำมาตย์ ทหาร และตำรวจ เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ เทียบเคียงได้กับเหตุการณ์ยิงถล่ม เสี่ยจิวนาย จุมพล สุขภารังษี อดีตผู้มีอิทธิพลชื่อดังของเมืองชลบุรี และนาย แคล้ว ธนิกุล อดีตเจ้าพ่อเมืองกรุงเทพฯ เพราะเป็นการยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามที่ครบเครื่องเหมือนกัน ยืนยันได้ว่ามือปืนที่ลงมือยิงถล่มนายสนธิครั้งนี้ไม่ธรรมดา

ทหารยังยิงไม่ได้อย่างนี้เลย นี่ยิงเป็นซีรี่ส์ ผมคงชี้ชัดไม่ได้ว่าใครยิงนายสนธิครั้งนี้ เพราะเท่าที่รู้มีคนจองกฐินมาก เพราะนายสนธิด่ากราดไปหมดทั้งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ช่วงหลังนายสนธิเหิมเกริมมาก โชคดีที่รอดชีวิตได้ เพราะมีแต่อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนอาร์กา ถ้ามีจรวดอาร์พีจียิงถล่มรับรองไม่รอดแน่ แต่เป็นเพราะนายสนธิทำบุญไว้เยอะ เลยรอดมาได้พล.ต.ขัตติยะกล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พรรคพวกของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงขันฆ่านายสนธิ พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ไม่ใช่มือซีกพ.ต.ท.ทักษิณทำแน่นอน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณนั้นรบกับกลุ่มอำมาตย์ ไม่ใช่นายสนธิ แต่นายสนธิเปิดศึกไปทั่ว และยังจาบจ้วง ดึงสถาบันลงมาด้วย และขอปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือเสธ.แดงแน่นอน เพราะตนเป็นคนไม่ฆ่าคนไทยด้วยกัน และที่ออกมานั้นเป็นการไล่ควายเท่านั้น ศัตรูของตนอยู่นอกประเทศ ไม่ใช่คนไทย

บทวิเคราะห์จากเสธ.แดง

ขณะที่ในกระดานข่าวเว็บไซต์เสธ.แดง หัวข้อ 10711 เล่าเรื่อง กองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงเจ็กลิ้มทางยุทธวิธี แล้วทำไมพลาดไม่ตาย... วันที่ 18 เมษายน 2552 [7] พล.ต.ขัตติยะ เสนอว่า

...ภาษาทหารเรียกการ OPERATION เจ๊กลิ้ม ครั้งนี้ทำไมผิดพลาด

เมื่อถึงหน้าวัดเอี่ยม รถปิคอัพเร่งเครื่องเข้าใส่บนหลังรถตู้ของเจ็กลิ้ม จากนั้นคนบนรถหลังกะบะ อย่างน้อย 4 คน มีอาวุธประจำกาย (ภาษาทหาร) ประกอบด้วย

คนที่ 1....

พลยิงเอ็ม 16 ใช้ปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร หรือ .223 นิ้ว เป็นปืนไอ้กันใช้ในสงครามเวียดนามตั้งแต่ปี 2509 ลำกล้อง 6 เกลียวเวียนขวา ยิง ไกล 2653 เมตร ยิงหวังผล 460 เมตรลงมา ซองสั้นบรรจุกระสุน 20 ซอง ยาว 30 นัด

คนที่ 2.....

พลยิง H.K 33 เป็นปืนเยอรมัน แต่ผลิตในไทย กองทัพบกซื้อลิขสิทธิ์มา ผลิตเอง ใช้ชื่อ ปลยอ.11 (เป็นเล็กยาวอัตโนมัติ 11 หมายถึงปี 2511เราเริ่ม ผลิต) ใช้กระสุนเหมือนเอ็ม 16 แต่ไม่ได้ทำงานด้วยแก๊ส ทำงานด้วยแรงสะท้อน ถอยหลังเวลาป้อนกระสุนนัดใหม่ แมกยาวบรรจุได้ 40 นัด เกลียวเวียนขวา เหมือนกันเวลารีดลูกให้แม่น

ทำไมตำรวจรู้ว่าเป็นปืนยาวเอชเค 33 เพราะปลอกกระสุนของเอชเค เมื่อยิงแล้วคัดปลอก จะเบี้ยวบุบเพราะชนรังเพลิงบุบทุกลูกเวลาคัดปลอก

คนที่ 3.....

พลยิงอาก้า AK 47 เป็นปืนผลิตในประเทศรัสเซีย และให้จีนแดงผลิต ด้วยตอนสมัยยังดีกัน เป็นสัญลักษณ์ของปืนผู้ร้าย ลูกโตกว่า เอ็ม 16 ขนาด 7.62 มิลลิเมตร หรือ .30 นิ้ว น้ำหนักเยอะกว่า เอ็ม 16 คือ เกือบ 4 โล แม๊กใส่กระสุนได้ 30 นัด ลำกล้อง 6 เกลียวเวียน ซ้าย พวกคอมมิวนิสต์ก็กวนตีนทำตรงข้ามไอ้กันสมัยนั้น มึงเวียนขวากูเวียน ซ้าย ปืนอาก้าเอาลูกเอ็ม 16 ยิงไม่ได้ เหมือนพวกปัญญานิ่มแสนรู้เขาคุยกัน นะจ๊ะ

ที่เห็นรูโตๆ บนกระจกด้านหน้านั้นลูกอาก้าส่วนใหญ่ คาดว่าเอ็ม 16 ใช้ยิงยางรถโดยเฉพาะ

คนที่ 4....

พลยิงเอ็ม 79 ภาษาทหารเรียก เครื่องยิงลูกระเบิดสังหารบุคคล ขนาด กว้างปากลำกล้อง 40 มิลลิเมตร ยิงไกลสุด 375 เมตร หวังผลเป็นจุด 150 เมตรลง มา ถ้ายิงใครต้องอยู่ห่างอย่างน้อย 30 เมตรกันกระเด็นโดน เพราะสะเก็ด กระเด็นตายเรียบระยะ 5 เมตร และเมื่อลูกออกจากปากลำกล้อง อย่างน้อย ต้อง 5 เมตร ถึงทำงาน

ดังนั้นเมื่อรถปิคอัพไล่ยิงรถสนธิ พลยิงยิงเอ็ม 79 ยิงใส่กระจก หลังแตก ลูกตกลงในรถไม่ระเบิด สนธิถึงไม่ตาย และใช้อาวุธผิดประเภท เพราะ ปืน เอ็ม 79 ควรใช้ยิงอยู่กับที่ ใช้บนรถไล่ยิงทำให้คำนวณระยะทางผิดและยิง ยาก จึงหลุดไปตกในรถเมล์อีก 1 นัด นอกจากเข้ากระจกหลังรถตู้เจ็กลิ้มแตก แล้ว

จากนั้นรถปิคอัพจึงแซงซ้าย ปาดเฉียงมาหน้ารถยิงซ้ำ แต่เนื่อง จากไม่ใช่มืออาชีพแต่เก่ง ยิงแม่น เพราะฝึกมาดีเกินไป พลแม่นปืน จึงไม่ยิง สะเปะสะปะแบบมือปืนเอ็ม 16 ยิงยาง ตอนแซงแม่นมาก ช่วงรถแซงก็ต้องยิงข้างรถ พรุนหมด ฝึกมายิงตัวคนจึงยิงแต่กระจก ไม่คิดว่ายิงเข้าข้างรถความแรงของ หัวกระสุนเหล็กกระเด็นใส่คนดีกว่าเยอะ

เมื่อรถปิคอัพตั้งลำหน้ารถตู้ได้ พลแม่นปืนแท้ๆ คือคนยิงอาก้าซึ่งยิงแม่นมาก ไม่ได้ยิงออโต้เพราะทางทหารห้ามยิงออโต้ ต้องยิงทีละนัด หรือซิมิ ใครยิงออโต้ ถูกตบฟันร่วง ถือว่ายิงนกตกปลา เปลืองกระสุน พลยิงอาก้ายิงเป็นจังหวะตามแบบฝึกครั้งละ 2 นัด ขนาดรถวิ่ง จะเห็นว่าปลอก กระสุนกับกระสุนที่เข้ากระจกและตัวถังโดนทุกเม็ดยอดเท่ากัน

และกระสุนอาก้าทุกนัดที่เข้ากระจกจะเป็นเม็ดคู่ ขอบอก แม่ง... ยิงแม่นฉิบหาย และมี 4 นัด ยิงเรียงกันเป็นแถวตรงใต้ที่ปัดน้ำฝน

คนที่ 5 และ ที่ 6

ถือคาบินปืนยาวชื่อเอ็ม 1 ขนาด 7.6 มิลลิเมตร หรือ .30 นิ้ว แต่ กระสุนเล็กกว่าอาก้านิดเดียวคงอยู่หน้ารถกับพลขับ คุมเชิงพระปืนเบา คล่อง ตัว หนักแค่กิโลกว่า

เจ็กลิ้มไม่ตายเพราะคนยิงเก่งเกินไป แม่นเกินไป เหมือนคนเรียนเก่งเวลาเอาไปบริหารงาน บริษัทราชการเจ๊งหมด เก่งเกินไปมันตู้ เคยเป็นแต่ หัวหน้าห้อง ให้ยิงทะลุกระจก ก็ยิงทะลุกระจก ไม่รู้จักมั่วดัดแปลง ป่านนี้คงทะเลาะกันฉิบหายคนขับกับคนยิง เจ็กลิ้มไม่ตาย

ยิงงานนี้ไม่ได้เงินด้วย ยิงตามคำสั่ง ของชนชั้นปกครอง ไม่ใช่มือปืนรับจ้างใช้มอเตอร์ไซด์ และงานอย่างนี้ไม่รับ

หลังจากรถจากไปเปลี่ยนป้ายทะเบียน เปลี่ยนรถ ลำเลียงอาวุธย้อนกลับมาเก็บ คนถ่ายไปอีกคัน บนถนนที่ประกาศภาวะฉุกเฉินหนีสบายกว่า เพราะใช้รถหลวงเช่นรถตำรวจ-ทหาร...

พล.ต.ขัตติยะ ยังตั้งกระทู้แสดงความเห็นในเว็บบอร์ด saedang.com ต่อเรื่องลอบยิงนายสนธิ อีกหลายกระทู้ รวมทั้งวิเคราะห์ 3 สาเหตุที่ทำให้นายสนธิถูกลอบยิงด้วย

(3) พันธมิตรฯ (เสื้อเหลือง)

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เชื่อการชุมนุมใหญ่ลดรูปลงเป็นกองจรยุทธ์

หลังนายสนธิถูกยิง ก็มีปฏิกิริยาตามมาโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นกัน โดยมีประชาชน และบุคคลสำคัญหลายวงการไปลงชื่อในสมุดเยี่ยมนายสนธิ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว ในเวลา 14.40 น. วันที่ 17 เมษายน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เหลือ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้แถลงที่บ้านพระอาทิตย์ [8]

โดยนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า การจัดตั้งกองกำลังได้ลดรูปลงมาจากการชุมนุมใหญ่มาเป็นกองโจร อาศัยการรบแบบจรยุทธ์ กำหนดเป้าหมายแต่ละครั้งเป็นจุดๆ แล้วล่าถอยไป ซึ่งเป็นการลงทุนน้อย แต่ได้ผลตามเป้าหมาย ไม่ต้องทำโฆษณาการผ่านสื่อทีวี และสื่ออื่นๆ แต่มันสะท้อนว่าประเทศนี้ไม่มีความปลอดภัยอีกแล้ว รัฐบาลใช้กฎหมายที่ให้อำนาจสูงสุดในการรักษาความปลอดภัยก็ยังเกิดเหตุ แสดงว่า มีกลไกรัฐบางอย่างไม่ทำงาน

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการประกาศภาวการณ์ใช้อำนาจรัฐเต็มที่ในการระงับ เหตุร้ายในบ้านเมือง แสดงว่า ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะกลไกรัฐบางส่วนโดยเฉพาะทหารและตำรวจไม่ทำงาน เป็นไปได้อย่างไร การประกาศภาวะฉุกเฉิน มีทหาร-ตำรวจประจำอยู่ทุกสี่แยก แต่ให้อาวุธสงครามผ่านเข้ามาได้อย่างหน้าตาเฉย และเป็นไปได้อย่างไรที่ทีวีวงจรปิดเสียหาย ไม่มีภาพปรากฏ แสดงว่า กลไกของรัฐสิ้นสภาพแล้ว เราจึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในกลไกของรัฐ โดยสนับสนุนภาวะผู้นำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ผู้อำนวยการข่าวกรอง สรุปคือ เปลี่ยนผู้รับผิดชอบหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วย ไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรีเองก็อาจจะไม่รอด หลังจากนายกฯ ถูกคุกคาม 2 ครั้ง เลขาธิการนายกฯถูกกระชากลากถูลงมาจากรถ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ก็โดน ขณะที่ผู้นำต่างประเทศที่มาร่วมประชุมต้องหนีกระเจิง

พันธมิตรฯ เชื่อสาเหตุมาจากการเมือง แต่ไม่ปักใจว่าใครเป็นผู้ลงมือ

นายสุริยะใส ได้อ่านสรุปความเห็นจากการประชุมของพันธมิตรฯ ข้อที่ 1 เราต้องประณามบุคคลที่ลงมือในปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิ และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง ว่าเป็นพฤติกรรที่ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม และเราปักใจเชื่อและมั่นใจว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุของความขัดแย้งทางการเมือง ก็คงไม่ต้องสาธยายกันว่าบทบาทของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากในฐานะสื่อมวลชน และในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมายืนอยู่แถวหน้าในการต่อต้านระบอบทักษิณ และความไม่เป็นธรรมทางการเมืองใดๆ โดยเฉพาะการเมืองในระบบเก่า ฉะนั้นเราปักใจเชื่อว่ามีสาเหตุจากการเมือง

ข้อที่ 2 พันธมิตรฯ จะยังไม่ปักใจเชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวใครอยู่เบื้องหลังและเป็นคนสั่งการ แต่จะให้โอกาสรัฐบาลในการดำเนินการโดยเร็ว เพื่อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังในปฏิบัติการครั้งนี้ แต่มีข้อสังเกตอยู่ 2-3 ประการที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ว่า อาจจะเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอำนาจรัฐหรืออำนาจทางการเมืองบางกลุ่ม เพราะ

(1) ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นปฏิบัติการของบุคคลในเครื่องแบบ คนทั่วไป หรือซุ้มมือปืน คงไม่สามารถดำเนินการในช่วงที่กรุงเทพมหานครตกอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

(2) เป็นปฏิบัติการที่ท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างรุนแรง อย่างที่ท่าน อ.สมเกียรติ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า กำลังทหาร ตำรวจ ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอยู่หลายจุด อาจจะมากกว่าร้อยจุดเฉพาะในกรุงเทพมหานคร แต่ว่าปล่อยให้ปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิ โดยเฉพาะลอบยิงตั้ง 4-5 นาที เกิดขึ้นได้อย่างไร

(3) กล้องวงจรปิดตรงสี่แยกบางขุนพรหม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าใช้การไม่ได้ ทุกครั้งก็จะเป็นอย่างนี้ที่มีการลอบยิงแกนนำ ลอบยิง ASTV ลอบยิงพันธมิตรฯ ในช่วงที่มีการชุมนุม กล้องวงจรปิดมักไม่ทำงานในช่วงที่มีการลอบทำร้ายพวกเรา

ข้อที่ 3 เราขอเรียกร้องท่านนายกรัฐมนตรี อย่าชะล่าใจ และอย่านิ่งนอนใจ เพราะกรณีดังกล่าวทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลด้วยในขณะเดียวกัน ว่ารัฐบาลชุดนี้อ่อนแอ และไม่อยู่ในฐานะที่จะคุ้มกัน ป้องกัน แกนนำ/บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ จากการบริหารงานแผ่นดินของท่าน ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรัดดำเนินการ หาตัวผู้ปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิ และบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วรายงานให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะๆ และย้ำว่าในขณะเดียวกัน ตามข้อเสนอของ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องจัดระเบียบกลไกรัฐ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งความล้มเหลวในการประชุมอาเซียนที่พัทยา การก่อจลาจลกลางเมืองหลวง ชี้ให้เห็นชัดเจนว่ากลไกรัฐไม่สนองตอบนโยบายของรัฐบาล ฉะนั้นท่านจะนิ่งนอนใจไม่ได้ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับแกนนำคนอื่นๆ บุคคลสำคัญของบ้านเมือง และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ใช้สิทธิเคลื่อนไหวทางการเมือง

ข้อที่ 4 เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนของการเมืองระบบเก่า ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่พันธมิตรฯ ถูกกระทำ เราถูกลอบยิงนับครั้งไม่ถ้วนในระหว่างการชุมนุม 193 วัน ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ดอนเมือง ที่สุวรรณภูมิ ที่ ASTV หรือแม้กระทั่งมวลชนที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับเราหลายจังหวัด ถูกคุกคามทั้งทางตรง ทางอ้อม แต่ไม่มีความคืบหน้าในการจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการ และอีกหลายครั้งที่มีการข่มขู่คุกคาม แต่พวกเราเลือกที่จะไม่ให้ข่าวเท่านั้นเอง มีตลอดเวลา ผมยืนยันว่ามีตลอดเวลา ทุกคนก็โดนคุกคามตลอดเวลา แม้แต่ตอนนี้ก็เช่นกัน

ข้อที่ 5 อยากสื่อสารไปถึงพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนอื่นต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับพี่น้องประชาชนที่ทราบข่าวและไม่สบาย ใจ ให้กำลังใจคุณสนธิ ให้กำลังใจพวกเรา ก็อยากให้พี่นเองอย่าหวั่นไหว เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกวันข้างหน้า แต่ว่าให้พี่น้องมีสติ อยู่ในที่ตั้ง และรอความคืบหน้าจากแกนนำ ซึ่งจะส่งสัญญาณกับพี่น้องเป็นระยะๆ โดยเฉพาะความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารคุณสนธิ เราไม่นิ่งนอนใจเด็ดขาด และถือว่าเป็นภาระของแกนนำที่จะต้องติดตามการทำงานของรัฐบาลและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี จะต้องให้หลักประกันว่าจากนี้ไปจะไม่มีใครเป็นเหยื่อของการเมืองแบบนี้อีก อย่างที่ท่านพยายามจะสร้าง

สุดท้าย ถ้าใครมีเบาะแส มีภาพถ่าย มีคลิปวิดีโอ ที่เกี่ยวข้องกับการลงมือลอบสังหารคุณสนธิ เมื่อเช้ามืด ให้ส่งแฟกซ์ หรือติดต่อมาที่ ASTV เพื่อเป็นประโยชน์ในการสะสางและดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้อง

จิตตนาถเผยสองกลุ่มได้ประโยชน์ถ้าสนธิตาย

จากความเห็นของพันธมิตรฯ ต่อมาเป็นความเห็นของบุตรชายของสนธิ โดยหลังการลอบยิงบิดาของเขาในช่วงเช้า ต่อมาใน เวลา 20.30 น. วันที่ 17 เมษายน นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ทางสถานี ASTV มีนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้สัมภาษณ์ [9] โดยวันนี้เขายังมองว่าฝ่ายตรงข้ามกับสนธิ และฝ่ายที่เห็นว่าสนธิเป็นก้างขวางคอ เป็นฝ่ายลอบสังหาร

โดยเขาตำหนิการนำเสนอของของช่อง 11 ว่า ค่อนข้างจะไม่เหมาะสม เพราะมีการแสดงแผนที่เส้นทางการเดินทางมาทำงานของนายสนธิด้วย และยังเสนอข่าวที่ไม่มีมูลความจริงว่า มีผู้หญิงนั่งมาในรถด้วย ซึ่งคนที่เสนอข่าวแบบนี้ถือว่าเป็นพวกแอบแฝงและนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้สั่งสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

นายจิตตนาถ กล่าวว่า สำหรับประเด็นการลอบสังหารนั้น การที่ตำรวจตั้งประเด็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวกับเรื่องการเมืองนั้น ตนขอฟันธงว่าเป็นเรื่องการเมืองเพียงประเด็นเดียว เพราะเรื่องส่วนตัวนั้น นายสนธิไม่เคยบาดหมางกับใคร มีแต่ให้อภัยและช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา ส่วนเรื่องธุรกิจก็ไม่มี

ที่เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมืองนั้น เนื่องจากการมีชีวิตหรือเสียชีวิตของนายสนธิจะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียต่อ คนบางกลุ่ม อย่างไรก็ตามในเวลานี้อาจจะยังระบุตัวผู้บงการไม่ได้ แต่เรามองได้ว่าหากนายสนธิเสียชีวิตใครจะได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งก็น่าจะเป็น 1.กลุ่มการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และ 2.กลุ่มการเมืองฝั่งที่มองว่านายสนธิเป็นก้างขวางคอเขา

บอกมี ทีมล่าสังหารพ่อต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน เปลี่ยนเส้นทางเดิน

สำหรับกลุ่มแรกนั้นเพิ่งออกมาก่อความวุ่นวายในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พวกเขาประกาศว่าจะทำให้เกิดสงครามประชาชน มีการยุยงให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้เกิดการประทะกันระหว่างกลุ่มประชาชนตลอดเวลา โดยที่รัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมดูแลได้จนอำนาจรัฐต้องหมดไป ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วหรือเจรจาต่อรองกันใหม่ นี่คือกลุ่มที่ 1 ซึ่งมีข่าววงในจากผู้หลักผู้ใหญ่ว่าในช่วงการปฏิบัติการของกลุ่มนี้ ให้ระมัดระวังตัว เพราะเขามีทีมล่าสังหาร มีการเตือนมาตลอด จนนายสนธิต้องเปลี่ยนที่นอนเกือบทุกคืน และเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางประจำ

โชคดีที่ช่วงที่เกิดจลาจล นายสนธิไม่โดนทำในตอนนั้น นายสนธิโชคดีที่บอกพี่น้องอย่างเด็ดขาดว่าไม่ต้องออกมา เพราะจะเป็นเครื่องมือเขา อย่าไปปะทะกับเขา ให้เขาจัดการกันเอง ซึ่งถ้าหลงกลออกไปก็จะล่อให้เสื้อเหลืองกับเสื้อแดงประทะกัน

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า ความปลอดภัยของนายสนธิ หรือแกนนำหรือใครก็แล้วแต่ที่จุดชนวนความโกรธแค้นได้ เขาจะมุ่งไปตรงนั้น ซึ่งนายสนธิ เป็นเป้าใหญ่ เพราะมีคนชอบฟังพูดนายสนธิการเมืองมาก ซึ่งช่วงชุมนุมนายสนธิก็รอดมาได้ จนการประท้วงจบไปแล้ว แต่หลังจากนั้น คนกลุ่มนี้ก็ยังมีส่วน เพราะเขาประกาศว่าจะเล่นสงครามใต้ดิน ให้เกิดปัญหากับสวัสดิภาพของประชาชน และแกนนำมวลชน ให้มันเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก เขาจะพลิกจากสถานการณ์ที่เป็นรองแล้วโหมมวลชนขึ้นมาใหม่ ถ้ามวลชนพันธมิตรลุกขึ้นมาอีก ก็จะเกิดสงครามมวลชนระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ทหารก็จะออกมาปราบทั้ง 2 กลุ่ม ให้นองเลือดก็จะเหมือนพฤษภาทมิฬ ตามที่เขาต้องการ กลุ่มเสื้อแดงจากที่ตกเป็นรองก็ไม่เป็นรองแล้ว

นี่คือกลุ่มๆ หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าใคร แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ก็น่าจะโยงกับนักโทษชาย หรือว่าลูกสมุนทั้งหลายที่แฝงตัวอยู่ เพราะกลุ่มๆ นี้จะรู้จักกับนายทหารนอกราชการ นายทหารที่แตกแถวอย่างดี เป็นกลุ่มมือสังหาร ดูการลงมือ เป็นการลงมือของคนที่เทรน (ฝึก) มาอย่างดี อาวุธสงครามมีทั้งเอ็ม 16 อาก้า เอชเค. ซึ่งการยิงปืนพวกนี้ถ้าไม่ใช่มืออาชีพ ยิงสักพักกระสุนมันจะกระจาย คุมไม่อยู่ แต่เป้าจากรถที่เราเห็นกระสุนมันรวมกลุ่มกัน แล้วยังมีเอ็ม 79 อีก คือกะจะยิงให้ระเบิด เอาให้ยังไงก็ไม่รอด เพราะฉะนั้นมีกองกำลังที่เราทราบๆ กันอยู่ เทรนกัน หรือว่าอาจจะมีนายตำรวจฝักใฝ่ที่ไม่ดีหลายคน ก็ยังอยู่ในกลุ่มแก๊งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ กับทีมนี้

นายจิตตนาถ มองว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีการเตรียมตัวกันมาอย่างดี เช่น กล้องวงจรปิด มันมาเสียก่อนเกิดเหตุ 1 วัน เพราะฉะนั้นมันสามารถเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มมีส่วน

สำหรับกลุ่มที่ 2 ที่จะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มที่ใส่เกียร์ว่าง การเมืองไทยแบ่งเป็นหลายก๊ก ช่วงกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวจะมีทหารผู้ใหญ่บางคนที่มีอำนาจสั่งการได้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับรัฐมนตรีบางคน และรัฐมนตรีก็อาจจะเป็นญาติพี่น้องกับตำรวจใหญ่บางคน ซึ่งเราก็จะเห็นว่า ในระหว่างที่เสื้อแดงเคลื่อนเขาให้ทหารและตำรวจใส่เกียร์ว่าง ก่อนที่จะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หน่วยบังคับบัญชาของเขาใสเกียร์ว่างหมด ไม่ว่าจะเป็นที่พัทยาหรือที่กรุงเทพใส่เกียร์ว่างหมด

ถามว่า ทำไมถึงใส่เกียร์ว่าง ข่าวที่ผมได้มาลึกๆ ก็คือว่า คนพวกนี้ร่วมมือกับนักการเมือง ที่เคยรับใช้นักโทษชายอยู่และไปจัดตั้งคนเสื้อนำเงิน ใช้มวลชนสีน้ำเงินออกหน้าแทน เพื่อที่จะเป็นชนวนให้เกิดการตีกันมาเล่นละครกัน หลังจากนั้นก็ไปแอบจับไม้จับมือกัน ขอโทษขอโพย มวลชนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยจริงๆ และรักสันติ แต่มันจะมีมวลชนประเภทจัดตั้ง มวลชนจัดตั้งทั้งเสื้อน้ำเงินเสื้อแดงมันเป็นแก๊งกวนเมืองเหมือนกันเพราะมัน เคยทำงานด้วยกันมาก่อน

ก็เกิดกรณีที่ทหารใหญ่บางคนที่มีกุนซือเป็นรัฐมนตรีบางคนกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เพราะว่า 1.คุณอภิสิทธิ์ไม่เหมือนผู้บังคับบัญชา หรือนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ คุณอภิสิทธิไม่ได้เอาใจ ไม่ได้พินอบพิเทา คือสั่งงานแบบการสั่งงานจริงๆ นายกฯ คนก่อนถ้าหารอยากได้งบก็เซ็นให้เลยเอาใจเป็นพิเศษไม่งั้นปฏิวัติ แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ทำอย่างนั้น นี่คือความไม่พอใจเรื่องนี้

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สอง มีข่าวมาว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งไปอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไป แต่ไม่มีอำนาจ อาจต้องปลดนายตำรวจบางคนที่เกี่ยวข้องกับ 7 ตุลา หรือเกี่ยวข้องการจัดซื้อบางอย่าง มันจึงเป็นสี่เหลือมอำนาจใหม่ คือ ทหาร รัฐมนตรี ตำรวจและนักการเมือง ขึ้นมา ตรงนี้กดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา เพราะว่า คีย์แมนคือนายทหารใหญ่ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ ตำรวจผู้น้องก็ยังอยู่ในตำแหน่งต่อจนเกษียณ เพราะฉะนั้นไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร ขั้วอำนาจที่สามารถใช้อำนาจได้โดยไม่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็อยู่ที่ 2 คนนี้ ทุกคนก็วิ่งหาเขา เขาก็สามารถวางรากฐานได้

ทั้งนี้ หากยุบสภา นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเสื้อน้ำเงินจะได้เปรียบ เพราะม็อบเสื้อแดงเสียงรังวัดไปมากจากการม็อบที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ยิ่งมีการดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาประชาชนรับไม่ได้ พอมีเสื้อน้ำเงินขึ้นมา เขาก็จะบอกว่าเขามาแทนที่ตรงนี้แล้ว พอมีการเลือกตั้ง พื้นที่อีสานพื้นที่เหนือก็เปลี่ยนจากแดงเป็นน้ำเงิน สปอนเซอร์ก็กล้าสนับสนุน เพราะว่าไม่ล้มเบื้องสูง มาสนับสนุนได้เต็มที่ เสื้อแดงจบไปแล้ว ผลที่ออกมาจะวินๆ ด้วยกันทั้งหมด ทั้งนักการเมือง รัฐมนตรี ตำรวจ ทหาร

โดยเฉพาะตำรวจทหารบางคนเกลียดคุณสนธิมาก เพราะคุณสนธิให้ความรู้กับคน ไปเปิดโปงความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ ไปเปิดโปงแผนของเขาทั้งหมด คนพวกนี้ก็โดนบล็อกไปทีละขั้นๆ แล้วก็อาจมีรองนายกฯ บางคนอาจมีความรู้สึกว่าพึ่งพากับคนพวกนี้ได้ พอคุณสนธิเริ่มไปเปิดโปง เริ่มไปอะไร บารมีของตัวเองก็เริ่มจะลดลง สรุปว่า เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณสนธิ กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ก็คือ 1.กลุ่มเสื้อแดง 2.กลุ่มสี่เหลี่ยมอำนาจใหม่

มีผู้ใหญ่เตือนเรื่องลอบสังหาร

นายจิตตนาถกล่าวต่อว่า มีผู้ใหญ่มาเตือนนายสนธิเรื่องจะโดนลอบสังหารบ่อยมาก จนต้องมีการเปลี่ยนที่นอนทุกวัน อย่างไรก็ตาม แม้ล่าสุดจะถูกลอบยิงนายสนธิยังคงยืนยันว่า จะมาจัดรายการ Good Morning Thailand ทางเอเอสทีวีทุกเช้า เพราะนายสนธิพูดเสมอว่าหน้าที่ของสื่อต้องมีความซื่อสัตย์ เสียสละ และกล้าหาญ การทำหน้าที่ในสถานการณ์แบบนี้คือความเสียสละและกล้าหาญ นายสนธิจึงต้องเตือนอยู่เสมอว่าพี่น้องเสื้อเหลืองอย่าแตกแถว ต้องอดทน และวิเคราะห์กระชากหน้ากากพวกใส่เกียร์ว่างทั้งหลาย ซึ่งความเห็นของนายสนธิก็มีผลหลายเรื่อง เห็นได้ชัดจากการทำงานของนายกฯ ซึ่งนายอภิสิทธิ์อาจมีวิจารณญาณของตัวเอง แต่หลายอย่างก็ตรงกับทนายสนธิ นี่คือเหตุผลว่าทำไมนายสนธิไม่หยุด เพราะเป็นหน้าที่ เป็นจิตสำนึกที่ต้องทำ

นายจิตตนาถ กล่าวอีกว่า นอกจากนายสนธิแล้ว แกนนำพันธมิตรฯ อีก 4 คน ก็ตกเป็นเป้าหมด ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นายกษิต ภิรมย์ เป็นเป้าทั้งนั้น อะไรที่ปลุกระดมคนได้ คนที่ไม่เป็นเป้าคือพวกเกียร์ว่างเท่านั้น เพราะไม่มีใครห่วง

ทั้งนี้เอเอสทีวีจะอยู่ต่อไปหรือไม่หากไม่มีนายสนธินั้น นายจิตตนาถกล่าวว่า ถ้าเรามีสื่อทุกสื่อตื่นขึ้นมาหมด มาทำหน้าที่ให้แสงสว่างกับสังคมด้วยควากล้าหาญ จะมีหรือไม่มีเอเอสทีวีก็ได้ แต่ถ้าทุกคนมีจิตใจแบบนี้ แม้ไม่มีนายสนธิ ตนก็ยังบริหารแบบนี้อยู่ เราจะไม่เหมือนสื่อบางช่องอย่างทีวีไทย ที่กลายเป็นทีวีเอ็นจีโอ พวกริบบิ้นขาว หรือเป็นเสื้อแดงจอมปลอม เสื้อแดงทำรุนแรง ประกาศจะเล่นเกมใต้ดิน ก็ไม่เห็นพูด

นอกจากนี้ นายจิตตนาถยืนยันว่า หากไม่มีนายสนธิ คนเสื้อเหลืองก็ยังคงมีอยู่ต่อไป เพราะนายสนธิได้สร้างเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ถ้าตาย 1 ก็จะเกิด 100 ตาย 100 ก็เกิด 10,000 ตนก็ยังสืบทอดปณิธานตรงนี้อยู่ คนตัวเล็กๆ หลายคน ก็สามารถรวมพลังกันได้ เพราะเครือข่ายทั้งหลายมันจุดติดแล้ว

จำลองเชื่อกำจัดสนธิทำสองสีลุกฮือ กลุ่มที่สามจะฉวยโอกาส

และการจัดเวทีคอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 6 ที่ จ.ภูเก็ต ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ดำเนินต่อไป และประเด็นการลอบสังหารนายสนธิ ก็เป็นประเด็นที่ผู้ชุมนุมหยิบยกขึ้นมาอภิปราย และทิศทางความเห็นเริ่มเห็นว่าการลอบสังหารสนธิ เพื่อยั่วยุให้มวลชนสีเหลือง-สีแดง ปะทะกัน และจะมีมือที่สามฉวยโอกาสรวบอำนาจ

โดยนายปานเทพ พัวพงพันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล คนบงการคงจะคาดหวังว่าการจัดงานคอนเสิร์ตการเมืองคงจะหวั่นไหว จนต้องเลื่อน หรือยุติลง แต่งานนี้ยิ่งทำให้พลังเสื้อเหลืองได้แสดงพลังเข้มแข็งเข้ามาร่วมงานอย่างถล่มทลาย

ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าสาเหตุในการลอบยิงนายสนธิไม่ใช่แค่ขัดแย้งทางการเมือง เพราะถ้าหมายความเช่นนั้นหมายความว่าต่างฝ่ายต่างเห็นการเมืองเป็นคนละอย่าง

แต่สาเหตุจริงๆ มาจาก 1.นายสนธิเป็นตัวการสำคัญในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทำให้ต้องการกำจัดเพราะมั่นใจว่า ถ้าเกิดเหตุคุณสนธิถึงแก่ชีวิตคนเสื้อเหลืองจะลุกฮือ คนเสื้อแดงก็จะเข้ามาปะทะ และเกิดกลุ่มที่สามฉกฉวยโอกาสปฏิวัติควบคุมอำนาจเพราะอ้างรัฐบาลควบคุม สถานการณ์ไม่ได้ แต่ได้เกิดปาฏิหาริย์ทำให้คุณสนธิรอดมาได้

"ส่วนสาเหตุที่ 2. การเมืองภาคประชาชนเติบโตและเดินหน้า มีคนรู้เรื่องการเมืองมากมายมารวมกลุ่มกันซึ่งไม่เคยมีครั้งไหนเกิดขึ้นใน ประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะมีคุณสนธิ เป็นศูนย์กลางในการเริ่มต้นรวบรวมคนทั่วประเทศ ถ้าขาดเขาสักคนหนึ่งคงคิดว่าพันธมิตรฯ จะอ่อนระโหยโรงแรง และไม่มี ASTV เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน [10]

สำราญเชื่อมีบางศูนย์อำนาจต้องการทำลายล้างแดง-เหลือง เพื่อตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ

เวลา 19.05 น. วันที่ 18 เมษายน นายสำราญ รอดเพชร [11] พิธีกรสถานีข่าว ASTV ปราศรัยที่คอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 6 ที่ จ.ภูเก็ต บนเวทีว่า มีความพยายามของบางกลุ่มที่เป็นศูนย์ อำนาจต้องการทำลายทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง เพื่อจะตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้นมา แกนนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือ เพราะมิฉะนั้นจะมีคนไทยฆ่ากันตายจำนวนมาก

มีการออกแบบอำนาจอย่างนั้นจริงๆ ผมและหลายๆ คนเชื่ออย่างนี้ รัฐบาลก็น่าจะระแคะระราย แต่ใครจะเป็นศูนย์อำนาจนั้นผมไม่อยากโดนเอ็ม 16 ตรงเวทีนี้ เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจจึงมากขบเหลี่ยมกัน อยู่ ไม่มีใครเป็นตัวของตัวเองเพราะโครงสร้างต่างๆ ยังซ้อนและผสมกันอยู่ แม้แต่นายเนวิน ชิดชอบ ก็ยังไปปรากฏตัวในงานอาเซียนซัมมิตได้นายสำราญกล่าวต่อและว่า

ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่การล้อเล่น แต่เอากันถึงตาย ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเลือกและจัดการอย่างไร และเป็นที่น่าเสียดายว่ารัฐบาลก็ยังไม่มีความกล้าหาญที่จะปรับโครงสร้างด้าน ความมั่นคงหลังจากปล่อยให้การประชุมอาเซียนซัมมิตล้มลงต่อหน้าต่อตา มีการใช้ความรุนแรงท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ โดยลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่สุดท้ายก็แต่งตั้ง พ.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ รับผิดชอบคดี ตราบใดที่ยังไม่กล้าและเข้มแข็งพอบ้านเมืองก็จะอยู่อย่างลำบาก

ลูกสนธิแฉมีผู้ต้องการสร้างฐานอำนาจใหม่แบบเกสตาโปอันตรายไม่แพ้เสื้อแดง

เวลา 20.15 น.วันที่ 18 เมษายน นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล [12] ลูกชายคนเดียวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โฟนอินมายังเวทีคอนเสิร์ตการเมือง ครั้งที่ 6 ที่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผมถือโอกาสนี้เป็นโฆษกส่วนตัวแทนคุณพ่อที่จะรายงานอาการให้ได้ทราบกัน โดยล่าสุดผมเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล อาการของคุณพ่อดีขึ้นมาก ถอดสายน้ำเกลือแล้ว แต่เวลาลุกขึ้นจะเวียนหัวเล็กน้อย ต้องให้ยาเพื่อกันชัก และพูดจาได้ มีสติ และดุด่าลูกได้อยู่

นายจิตตนาถกล่าวตอนหนึ่งว่าแม้อาการของนายสนธิดีขึ้นอะไรอะไรจะราบรื่น เพราะมีคนร้ายอยู่ข้างหลัง พี่น้องอย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะนายสนธิยังเป็นเป้าหมายของการมุ่งหมายทำลายอยู่ แม้ว่าเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไหวแล้วก็ตาม แต่จากการวิเคราะห์แล้วพบว่าสงครามเป็นรูปแบบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น มีการจรยุทธ์โดยกลุ่มผู้ต้องการสร้างฐานอำนาจใหม่ที่ดำเนินแบบเกสตาโป ซึ่งมีความอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลุ่มเสื้อแดง

การดำเนินการของเขาวางอำนาจ 2 ลักษณะ คือ มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น เช่น ปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งได้มีการวางตัวไว้แล้ว และว่ากันว่ามีรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ต้องการจะได้ครุฑตัวที่สอง ซึ่งบังเอิญพัวพันกับเหตุการณ์ที่พยายามสังหารองคมนตรีอีกด้วย โดยสร้างกลุ่มล่าสังหาร สังเกตได้ว่าจะมีข่าวมือปืนเตรียมก่อเหตุและความรุนแรงในหลายที่ ทำให้การสืบสวนของตำรวจกลายเป็นเรื่องโจ๊ก ว่าไม่เกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายสนธิพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง

ลักษณะต่อมาคือ สร้างสถานการณ์ยุบสภา ทำให้อำนาจทหาร ตำรวจ คนใส่เสื้อแดงพร้อมที่จะเปลี่ยนมาเป็นเสื้อน้ำเงินได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้วางแผนมานานหลายขั้น และเอาชีวิตของนายสนธิ, นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เป็นเครื่องสังเวย ว่ากันว่าเหตุการณ์ที่เกิดที่กระทรวงมหาดไทยในครั้งนั้นทหาร ตำรวจ ที่ใส่เกียร์ว่างเพื่อต้องการเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์ จากเหตุการณ์คราวนั้น และให้มวลชนเสื้อแดงเป็นแพะรับบาป เราจะเห็นได้ว่านักการเมืองที่แปรพักตร์มาถ้าไม่มีความมั่นใจ ฝ่ายไหนมีอำนาจ ก็จะไม่กล้าหักหน้านายตัวเอง ใช้ประชาชนกลายเป็นเครื่องมือให้ก้าวมาเป็นใหญ่ แต่บังเอิญนายสนธิรู้ทางพวกเขาจึงต้องการจะหยุดเพื่ดลดพลังเสื้อเหลืองลง

กลุ่มอำนาจใหม่นี้กำลังล้อมรั้วทหาร ชั้นนอกล้อมไม่ให้ นช.ทักษิณ เข้ามาได้ ส่วนชั้นในก็ล้อมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่เราจะสามารถแหกด่านแก้ไขบ้านเมืองได้ โดยไม่ให้ประชาชนกลายเป็นตัวประกัน แต่จะผิดถูกอย่างไรผมขอพูดในนามส่วนตัวที่มีการวิเคราะห์ และอยากให้ประชาชนจับมือกันไว้ เวรกรรมมีจริงและจะตามทันคนชั่วเข้าสักวัน

นายจิตตนาถกล่าวในตอนท้ายว่า กรณีลอบสังหารนายสนธิ มีทีวีที่เป็นกลุ่มเดียวกับคนกลุ่มนี้ บางช่องพยายามดิสเครดิสว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ชู้สาว สอดรับกับคำให้สัมภาษณ์นายทหารใหญ่คนหนึ่งที่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิด ขึ้นได้กับทุกคน แล้วยังสั่งการให้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายสนธิ และพันธมิตรฯ เข้ามาดูแลคดี แล้วจะจับคนร้ายได้อย่างไร นี่คือความพยายามของกลุ่มเกสตาโป และสุดท้ายนี้พี่น้องพันธมิตรจะต้องรวมตัวกันไว้เป็นกลุ่มก้อน

พิภพบอกนอกจากสนธิแล้วสุริยะใสก็ตกเป็นเป้าสังหาร

ไม่รู้ว่าเป็นการปั่นราคาแกนนำขึ้นไปหรือไม่ เพราะนายพิภพ ธงไชย [13] แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่านอกจากสนธิแล้ว สุริยะใส กตะศิลา ก็เป็นเป้าหมายในการฆ่าเช่นกัน เพื่อสร้างความวุ่นวาย โดยเขากล่าวว่า จากข่าวที่ทราบมาเขาต้องการฆ่าพร้อมกัน 2 ส. อีก ส.คือ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ โดยกะจะฆ่าพร้อมๆ กัน หากสำเร็จก็จะฉวยโอกาสปิดเอเอสทีวี เพื่อให้พี่น้องพันธมิตรฯ ลุกฮือออกมาก่อความวุ่นวาย แต่แผนนี้ผิดพลาด และทราบว่ามีแผนจะฆ่าคนต่อๆ ไปอีก แต่พวกเราไม่กลัว เพราะใครที่ผ่าน 193 วันมาแล้ว ย่อมปราศจากความกลัว เราผ่านมาแล้ววันที่ 7 ตุลาฯ ผ่านเหตุการณ์ที่มีคนยิงเอ็ม 79 เข้ามามีคนเจ็บคนตายทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะฆ่าแกนนำแล้วปิดเอเอสทีวี เพื่อให้เรากลัวและออกมาก่อความมั่นวายนั้นอย่าหวังเลย เราไม่หวั่นไหว ไม่เคยตกหลุมกลลวงให้เกิดการเผาบ้านเผาเมือง เพราะเราเคยผ่านการเรียนรู้ด้วยสติปัญญาจากการชุมนุมมาก่อน และยังสั่งสมเตรียมพร้อมสร้างการเมืองใหม่อีกด้วย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พยายามแยกเสื้อแดงแท้กับแดงเทียมออกจากกันระหว่างการชุมนุม แต่ไม่ได้พูดว่าการชุมนุมกลุ่มไหนจริงใจ กลุ่มไหนเป็นอันธพาล รับจ้างมาป่วนเมืองแล้วจัดการเป็นส่วนๆ ไป เพราะเราไม่ต้องการให้คนอย่างนักโทษชายทักษิณมายุยงให้แตกแยก แต่เรามียุทธศาสตร์ปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ล้างการเมืองเก่าที่ใช้ข้าราชการ นักการเมืองเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์นายพิภพ กล่าว

แต่ยุทธศาสตร์ของฝ่ายทักษิณต้องการนำคนของเขาเข้ามาเพื่อแก้ไข กฎเกณฑ์ เปิดทางให้ตัวเองเข้ามาเสวยอำนาจและทรัพย์สินได้ ทั้ง 73,000 ล้าน และอีกเป็นแสนล้านที่ซุกซ่อนไว้ที่ต่างๆ โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ทั้งการล้มประชุมอาเซียนซัมมิต ผู้นำประเทศหนีกระเจิง ทุกประเทศเสียโอกาสที่จะหารือช่วยเหลือฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตของยุโรป อย่างน่าเสียดายและประเมินค่าไม่ได้เลย ทำให้สังคมโลกได้เห็นธาตุแท้ของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นอย่างไร

นายพิภพกล่าวต่อว่า ยังโชคดีที่นายอภิสิทธิ์ตั้งหลักได้หลังจากนั้น จัดการกับกลุ่มเสื้อแดงไม่ให้ต่างประเทศมองเราเป็นตัวตลก แม้ว่านายอภิสิทธิ์จะดูเหมือนหุ่นเชิดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่ก็ตาม แต่เชื่อว่าความเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่จะสามารถลบคำครหานี้ มองนำหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายสุเทพได้ด้วยการแสดงความเป็นผู้นำ ไม่มีสถานการณ์ใดที่จะเหมาะเท่ากับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากการประชุมที่เมืองพัทยาได้อีกแล้ว และต้องสอบให้รู้ด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลังการพยายามฆ่าตัวนายกรัฐมนตรี ถ้าใครทำงานไม่สนองการแก้ไขปัญหาก็ปลดและปรับเปลี่ยนได้เลย

นายพิภพกล่าวต่อถึงกรณีลอบสังหารนายสนธิอีกว่า มีผู้ใหญ่ในกองทัพบอกว่าเหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะใครก็ได้มีอาวุธสงคราม ไม่น่าเชื่อว่าคำคำนี้ออกมาจากผู้บัญชาการทหารบก เราไม่ได้บอกว่าท่านเกี่ยวข้อง แต่ท่านต้องบอกว่าท่านจะรับผิดชอบอย่างไร อาวุธสงครามเหล่านี้ไม่ได้มาจากกลุ่มมาเฟียทหารและตำรวจใช่หรือไม่ ทำไมไม่พูดว่าจะร่วมมืออย่างเต็มที่ที่จะตรวจสอบเหตุการณ์นี้ และทำไมกล้องวงจรปิดต้องมาเสียก่อนเกิดเหตุด้วย นอกจากนี้ทำไม ให้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ มารับผิดชอบคดีนี้ ทั้งที่เป้นอริกับนายสนธิ และทำงานไม่มีประสิทธิภาพ

ผมเชื่อว่าถ้าท่านใช้กลไกตามปกติคงจะสอบสวนไม่ถูก นายอภิสิทธิ์ต้องแสดงความเป็นผู้นำแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ต้องระวังอย่าตกหลุมพรางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนำไปสู่การยุบสภา เพราะพวกนี้เริ่มจะเคลื่อนไหวในสภาเพื่อปลดล็อกให้ 111 คน และ 109 คน เพื่อนำอำนาจเข้าหากลุ่มทักษิณอีกครั้งหนึ่ง ภาวะเช่นนี้ดีที่สุดที่นายอภิสิทธิ์จะต้องสกัดกั้น และแสดงความเป็นผู้นำในระดับประเทศและในสายตาโลกได้นายพิภพกล่าวทิ้งท้าย

(4) นปช. (เสื้อแดง)

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์เชื่อเสื้อแดงเดินตาม บอลเชวิก

ข่าวการยิงสนธิ บางกระแสก็มีการสงสัยว่าเป็นฝีมือของฝ่ายเสื้อแดงที่เพิ่งถูกรัฐบาลสลายการชุมนุมระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน ที่ผ่านมา แม้ทิศทางการประเมินของแกนนำพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่จะเห็นว่ามีอำนาจที่ 3 ต้องการฉวยโอกาสรวบอำนาจ แต่แกนนำพันธมิตรฯ บางคน ที่มาจากประชาธิปัตย์ เช่น สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่พยายามตอกย้ำหลายครั้งทั้งช่วงการแถลงข่าวของแกนนำที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อ 17 เมษายน ว่า ฝ่ายฝ่ายเสื้อแดงจะใช้การรบแบบจรยุทธ์ [14] และในคอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 6 เมื่อ 18 เมษายนที่ภูเก็ต เขาก็ได้ย้ำอีกว่า

วันนี้สงครามประชาชนได้พัฒนาเป็นกองโจร ในรูปแบบพรรคบอลเชวิก มีการมุ่งก่อการร้าย มุ่งฆ่า เหลือเพียงการจับตัวประกันเท่านั้น เพื่อนำไปสู่การเจรจายกโทษที่เคยก่อไว้ทั้งหมด ยกเว้นคนใต้ที่รู้ทันนับจำนวนไม่เกิน 10 คนที่เข้ากลุ่มเสื้อแดง ถ้าพวกนั้นต้องการทำสงครามกับคนใต้ด้วยต้องขุดรูทำสงครามใต้ดินเพียงอย่างเดียว[15]

จตุพรเสียใจ สนธิถูกยิง ยันเสื้อเหลือง-เสื้อแดงต่อสู้กันทางความคิดไม่ใช้กำลัง

อย่างไรก็ตาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย [16] ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อ 18 เมษายน ถึงกรณีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับนายสนธิ และครอบครัว ที่ถูกลอบฆ่า เพราะแม้การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ก็เป็นการต่อสู้ทางความคิด แต่ก็ไม่เคยใช้กำลังหรือความรุนแรงเข้ามาประหัตประหาร และขอประณามผู้ที่ใช้อาวุธสงครามเข้ามาก่อการ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เห็นด้วย เนื่องจากเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาทุกอย่างนั้นจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย

และหากนายสนธิ เป็นอะไรไปนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงเลย แต่ในทางกลับกันการดำรงอยู่ของนายสนธิ กลับจะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดง เพราะจะเป็นข้อพิสูจน์เรื่อง 2 มาตรฐานในการดำเนินคดี ซึ่งนายสนธิ และพวกเคยโดนดำเนินคดีในลักษณะเดียวกับคนเสื้อแดง แม้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้กับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แต่ก็ไม่เคยสั่งให้มีการควบคุมตัวนายสนธิและพวก เหมือนที่คนเสื้อแดงถูกกระทำในปัจจุบัน

(5) เสื้อน้ำเงิน

ศุกชัยชี้ลูกสนธิจินตนาการสูงไปหน่อย

ในขณะที่ เสื้อน้ำเงินภูมิใจไทย เองก็ถูกพาดพิงจากนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายสนธิ ทำให้เมื่อวันที่ 19 เมษายนนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทยและกลุ่ม"เพื่อนเนวิน"กล่าวถึงกรณีนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามกระหน่ำยิงจนได้รับบาดเจ็บ ระบุคนที่ลอบฆ่านายสนธิ คือนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังมวลชนสีน้ำเงินว่า ขอปฏิเสธว่านายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 100 % เรื่องนี้นายจิตตนาถจินตนาการสูงไปหน่อย และหลังจากนี้พรรคภูมิใจไทยจะหารือกันและจะแถลงข่าวในวันที่ 20 เมษายนนี้ ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวินกล่าว กล่าวว่า หากนายเนวินฆ่านายสนธิแล้วจะได้ประโยชน์อะไร อยากถามว่าการที่ลูกชายนายสนธิ พูดนั้นมีหลักฐานอะไรมากล่าวหา และอยากถามว่ามีใครเห็นและมีพยานหลักฐานหรือไม่ เพราะนิสัยคนไทยพูดกันไปเรื่อย ๆ

นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนภาพที่ระบุว่านายเนวินไปปรากกฎตัวอยู่ที่พัทยา และมีการพาดพิงอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินที่ปะทะกับกลุ่มคนเสื้อ สีแดงนั้น นายเนวินไม่ได้อยู่กลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงิน [17]

(6) ฝ่ายอิทธิฤทธิ์

และนอกจากการประเมินคาดการณ์ว่าสนธิ ถูกลอบสังหารจากสาเหตุใดแล้ว ยังมีความเห็นจาก ฝ่ายอิทธิฤทธิ์ที่สะท้อนอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ที่ทำให้สนธิรอดด้วย

โดยใน หมายเหตุผู้จัดการ ในหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน วันที่ 18 เมษายน 2552 ก็กล่าวถึงอิทธิปาฏิหาริย์ที่นายสนธิ รอดจากการถูกลอบสังหารด้วยว่าเป็นเพราะความดีที่ได้สู้กับระบอบทักษิณ

สนธิ ลิ้มทองกุล รอดพ้นจากการเข่นฆ่าของหมาลอบกัดเมื่อเช้ามืดวันที่ 17 เมษายน ได้ราวปาฏิหาริย์ ชนิดถามกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า ห้อยพระอะไร เพราะความคุ้มครองจากพลังบารมี ของครูบาอาจารย์ พลังใจจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และพลังแห่งคุณงาม ความดีที่เขาได้ ลุกขึ้นสู้กับระบอบทักษิณ อย่างองอาจกล้าหาญ ไม่หวั่นเกรงต่อผลที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง[18]

และยังมีบทความ ลอบสังหาร สนธิรอดเพราะบุญบารมี โดย รุ่งอรุณ สุริยามณี ใน ASTVผู้จัดการออนไลน์เมื่อ 18 เมษายน [19] ผู้เขียนเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้สนธิรอดจากการถูกลอบยิงเพราะ บุญบารมี ที่สนธิได้ทำและสะสมไว้ตลอดชีวิต

คุณสนธิไม่ใช่ผู้วิเศษที่มีคาถาอาคมในทางไสยศาสตร์ ที่จะทำให้ตนเองมีความคงกระพันหนังเหนียวยิงและแทงไม่เข้า แต่เราเชื่อว่า สิ่งที่ปกปักรักษาชีวิตคุณสนธิรอดพ้นมาจากเงื้อมมือมัจจุราชครั้งนี้ เกิดจาก บุญบารมีที่ตัวคุณสนธิได้ทำและสะสมไว้ตลอดชีวิต

เป็นบุญที่คุณสนธิได้ ทำความดีแก่แผ่นดิน และเพื่อนพี่น้องชาวไทยทุกคน

ย่อมเป็นบารมีที่คุณสนธิ ให้แก่แผ่นดิน และเพื่อนพี่น้องชาวไทยทุกคน โดยการเสียสละไม่หวังผลตอบแทนใด

ขณะที่ ในรายการของสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็มีการ เฉลยเครื่องรางของขลังที่สนธิพกพาประจำ ในช่วงท้ายของที่นางจินดารัตน์สัมภาษณ์นายจิตตนาถ เมื่อคืนวันที่ 17 เมษายน นางจินดารัตน์ถามว่าได้รับโทรศัพท์จากหลายคนบอกว่า ดูสภาพรถแล้วคือไม่น่ารอด เราพูดกันตรงๆ นะคะ หลายคนถามว่า คุณสนธิมีเครื่องรางของขลังอะไรหรือเปล่า

นายจิตตนาถ กล่าวติดตลกว่า อยากทราบจริง ๆหรือ เดี๋ยวเอาไปปั่นราคากันนะ และกล่าวว่า สนธิเคารพองค์พ่อจตุคามรามเทพมานาน มานานก่อนที่จะดังเสียอีก คุณสนธิใช้ การ์ดพี่ยาวที่ไม่เป็นอะไร นี่ไม่ได้ขายของนะครับแต่เป็นเรื่องจริง จตุคามฯ รุ่นยามเฝ้าแผ่นดินครับ ที่ทำนี่แหละครับ เพราะผมเชื่อครับว่าเวลาคนเราใจมีตบะ เวลาไปปลุกเสกกับพระที่เป็นพระดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของดีที่ไม่มีไสยศาสตร์อะไร และนับถือองค์จตุคามจากคุณงามความดีของท่าน ผมเชื่อว่าน่าจะมีบุญบารมีที่ช่วยคุ้มครอง

คนดีพระคุ้มครอง เป็นเรื่องที่ประเสริฐ คนทำดี แล้วพระไม่คุ้มครอง แล้วมีอันที่จะต้องประสบอะไรไป อย่างน้องโบว์ ผมอยากเรียนว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดความสูญเสียนั้น มันเป็นบททดสอบในศรัทธาว่าคุณศรัทธาในสิ่งที่คุณเชื่อ ในความดีที่คุณทำหรือเปล่า ถ้าคุณมีศรัทธาจริงๆ ไม่ต้องหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง คุณทำไปเถอะครับ จะเป็นอะไร จะเป็นอย่างไรผมก็จะทำ ก็เหมือนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เขามาโดนในเหตุการณ์ 7 ตุลา แต่เสียชีวิตบ้าง แขนขาด ขาขาดบ้าง ก็ทำครับ นี่สำคัญที่สุดเลย [20]

000

ทั้งหมดนี้เป็นทัศนะจากหลายฝ่ายต่อการถูกลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล และผู้ติดตาม ซึ่งเสียงปืนที่แยกบางขุนพรมในเช้ามืดวันนั้น ก็เป็นหน้าที่ที่กระวนการยุติธรรมจะต้องสอบสวนติดตามหาผู้ลงมือ

ขณะเดียวกัน เสียงปืนของผู้ถืออำนาจรัฐต่อประชาชน ที่กระทรวงมหาดไทย ที่แยกดินแดง ที่ถนนศรีอยุธยา และอีกหลายที่ในวันที่ 12-14 เมษายน ที่ผ่านมา และเสียงของผู้บาดเจ็บ และสูญเสียในวันนั้น ก็ไม่ควรจะถูกทำให้เงียบหายเช่นกัน

ผู้อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังสั่งยิงแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะรอวันถูกสังคมชำระสะสาง เช่นเดียวกัน ผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้สั่งเคลื่อนกำลังรถหุ้มเกราะ กำลังทหาร ออกมาในช่วงเวลานั้น ใครทำอะไรในวันนั้น ทุกอย่างกำลังรอวันเวลาที่จะถูกสังคมชำระสะสางและพิพากษา

อ้างอิง

[1] นายกรัฐมนตรีเผยได้รับรายงานสนธิฯ ถูกยิงแล้วพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยที่โรงพยาบาล, สำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี, 17 เมษายน 2552
[2] เทพไทแสดงความเสียใจ"สนธิ"โดนยิง,
โพสต์ทูเดย์, 17 เมษายน 2552
[3]
ปชป. จี้รัฐเร่งจับกุมคนยิง "สนธิ", โพสต์ทูเดย์, 18 เมษายน 2552
[4]
ผบ.ทบ.เอาชีวิตเดิมพันสลายม็อบไม่มีคนตาย, โพสต์ทูเดย์, 17 เมษายน 2552
[5]
ทบ.ยันทหารไม่เกี่ยวยิง "สนธิ", โพสต์ทูเดย์, 18 เมษายน 2552
[6]
เสธ.แดงโผล่ปัดบงการยิง สนธิเชื่อฝีมือคนระดับสูงของรัฐ ยันไม่ใช่ผลงานคนฝั่ง ทักษิณ”, แนวหน้า, 17 เมษายน 52
[7]
กระดานข่าวเว็บไซต์ sae-dang.com หัวข้อ 10711 เล่าเรื่อง กองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงเจ็กลิ้มทางยุทธวิธี แล้วทำไมพลาดไม่ตาย..., 18 เมษายน 2552
[8]
พันธมิตรฯ จวกกลไกรัฐสิ้นสภาพปล่อยคนร้ายยิง สนธิ”- หนุนนายกฯ เปลี่ยนหัวหน่วยงานความมั่นคง, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 17 เมษายน 2552
[9]
จิตตนาถฟันธงการเมืองบงการยิง สนธิ”-เผยมีผู้ใหญ่เตือนต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 17 เมษายน 2552
[10]
ลุงจำลองเชื่อเหตุลอบยิง สนธิหวังกำจัดคนปกป้องชาติ-ทำลายการเมืองภาค ปชช., ASTVผู้จัดการออนไลน์, 18 เมษายน 2552
[11]
สำราญปูดอำนาจใหม่จ้องล้ม เหลือง-แดงจวกรัฐบาลขาสั่น, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 18 เมษายน 2552
[12]
ลูกชายสนธิแฉบิ๊กทหาร-ตร.ฮั้วเสื้อน้ำเงิน หวังสังหารพ่อสร้างอำนาจใหม่, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 18 เมษายน 2552
[13]
พิภพแฉแผนฆ่า สนธิพร้อม สุริยะใส” - ปิด ASTV ซ้ำ หวังปลุกเสื้อเหลืองลุกฮือ, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 18 เมษายน 2552
[14]
พันธมิตรฯ จวกกลไกรัฐสิ้นสภาพปล่อยคนร้ายยิง สนธิ”- หนุนนายกฯ เปลี่ยนหัวหน่วยงานความมั่นคง, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 17 เมษายน 2552
[15] สมเกียรติเผยเบื้องหลัง มาร์คประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บี้ ตร.-ทหารคุมม็อบ,
ASTVผู้จัดการออนไลน์, 19 เมษายน 2552
[16] "จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดฆ่า"สนธิ",
โพสต์ทูเดย์, 18 เมษายน 2552
[17]
ภูมิใจไทยโต้ลูกชาย"สนธิ"จินตนาการสูง ปัด"เนวิน"สั่งยิง แกนนำพธม.ออกจากไอซียูแล้ว คนขับรถยังน่าห่วง, มติชนออนไลน์, 19 เมษายน พ.ศ. 2552
[18]
คนดี พระคุ้มครองประชาชนปกป้อง, หมายเหตุผู้จัดการรายวัน, ASTVผู้จัดการรายวัน, 18 เมษายน 2552
[19]
รุ่งอรุณ สุริยามณี, ลอบสังหาร สนธิรอดเพราะบุญบารมี, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 18 เมษายน 2552
[20]
(คลิปวิดีโอ) จิตตนาถฟันธงการเมืองบงการยิง สนธิ”-เผยมีผู้ใหญ่เตือนต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 17 เมษายน 2552