ที่มา ประชาไท
วรางคณา (วณิชาชีวะ) โกศลวิทยานันต์
หลังการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าสังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นับจำเพาะแต่ในกรุงเทพฯ กำลังถูกปิดบังข้อมูลข่าวสารในทุกๆ ด้าน ทุกๆ สื่อ
ตลอดจนสื่อบางประเภทถูกเซ็นเซอร์ รุนแรงสุดก็คือระงับการออกอากาศ เป็นต้นว่า วิทยุชุมชนหลายๆ สถานีในต่างจังหวัด และการตัดสัญญาณดาวเทียมของดีสเตชั่นฯลฯ
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ มาร์ค อ้างว่าเพื่อรักษาความสงบสุข ลดปัญหาความแตกแยกในสังคมลง อ้างสูงถึงการรักษาความมั่นคงของประเทศ
โดยส่วนตัวในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่งและเคยประกอบอาชีพสื่อมวลชนมาเมื่อสิบปีที่แล้ว ดิฉันสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบธรรมในการเสนอข่าวสารของสื่อบางแขนง เสนอข่าวด้านเดียว และเลือกข้างเสียเสร็จสรรพ ที่สำคัญยังยัดเยียดข้อมูลให้ประชาชนยอมรับการกระทำของรัฐบาล
แม้ปัจจุบันดิฉันจะผันตัวเองมาประกอบธุรกิจส่วนตัวแล้วก็ตาม แต่ก็ยังติดตามและเสพข่าวสถานการณ์บ้านเมืองทุกๆ แขนง
สิ่งที่สัมผัสได้คือวันนี้ข่าวสารที่ได้รับรู้ทั้งดู ฟัง อ่าน จากสื่อมวลชนกระแสหลักต่างออกมาในทิศทางเดียวกันคือประชาสัมพันธ์ความชอบธรรมต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยัดเยียดข้อมูลว่าความสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วยความรุนแรงต่างๆ นานาของฝ่ายทหารเป็นเรื่องจำเป็นเสียเหลือเกิน
หลายๆ รายละเอียด และเหตุผลของความรุนแรงครั้งนั้นสื่อมวลชนหลายๆ สังกัดพากันโหมกระพือว่ารัฐบาลทำถูกต้องแล้ว เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมเหลือล้น ยกแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย พร้อมกันนั้นก็ประณามฝ่ายที่คิดตรงข้ามกับรัฐบาลว่าคือผู้ผิด
ดิฉันไม่เห็นความคิดเห็นในมุมอื่นๆ เลย สื่อมวลชนคิดเห็นไปในทางเดียวกันหมด ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ รัฐบาลกำลังเล่นอะไรกับสื่อ จะมีก็แต่คอลัมนิสต์บางท่านเท่านั้นที่มองในมุมกลับคือให้ความชอบธรรมกับทุกๆ ฝ่ายในความขัดแย้งจริงๆ
ดิฉันไม่คิดว่าการคิดตรงข้ามกับรัฐบาลชุดนี้จะเป็นความผิดแต่อย่างใด ก็ในเมื่อการเมืองชนิดที่เป็นอยู่นี้ดิฉันมิหาญเรียกได้ว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะถ้าการเมืองไทยเป็นธรรมและเอื้อประโยชน์ให้คนส่วนมากจริง ในการชุมนุมคนเสื้อแดงจะมีคนหลากหลายอาชีพมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร พวกเขามาป่าวร้องให้รัฐบาลเห็นความเดือดร้อนของพวกเขา เช่นนี้พวกเขาผิดด้วยหรือ ก็ในการชุมนุม (ม็อบ) เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ให้เสียงของพวกเขามีโอกาสดังขึ้นมาให้ฝ่ายปกครองได้ยินได้เห็นชัดๆ
เอาง่ายๆ ถ้าบ้านนี้เมืองนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแล้วละก็ ฝ่ายปกครองจะต้องเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ของคนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องยอมรับการชุมนุมโดยสันติของประชาชน ไม่ใช้กำลังทหารมาปราบปรามไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม
ณ วันนี้ประเทศไทยกำลังย้อนกลับไปเหมือนยุคสิบสี่ตุลาอีกครั้ง สื่อมวลชนยุคนี้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อความดีความงามของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น เสนอข่าวเพียงด้านเดียว ไร้ซึ่งความเป็นธรรม ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน สื่อฯเป็นผู้ตัดสินพิพากษาสังคมเสียเอง แล้วสื่อฯมั่นใจได้อย่างไรว่าตัดสินถูกแล้วก็ในเมื่อคุณมองปัญหาจากหอคอยงาช้าง
ยกตัวอย่างใกล้ๆ ตัวคือเมื่อเช้าดิฉันดูรายการ “เช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า” ทางช่องเก้าโมเดิร์นไนน์ร่วมกับเนชั่น ในตอนหนึ่งคุณสุทธิชัย หยุ่น พูดว่า “ประเทศนิการากัวเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่ง ใครที่ได้พาสปอร์ตไปก็ถือว่าไม่มีศักดิ์ศรีสักเท่าไหร่”
คุณวัดศักดิ์ศรีคนด้วยความยากดีมีจนเท่านั้นหรือ
แค่ประโยคเดียวก็รู้แล้วว่าสื่อของคุณยืนอยู่ข้างไหน จะด้วยเหตุผลหรือผลประโยชน์อันใดก็ตามแต่ ที่สำคัญคุณสุทธิชัยดูถูกคนจน คุณเอามาตรฐานด้านวัตถุเงินทองมาวัดความเป็นมนุษย์อย่างนั้นหรือ
เมื่อเป็นเช่นนี้คุณจะมาสะท้อนปัญหาสังคมได้อย่างไร คุณจะเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนคนจนๆ ตามต่างจังหวัดซึ่งเป็นคนส่วนมากของประเทศไทยได้อย่างไร
คุณอย่าลืมว่าคนส่วนมากของประเทศไทยเป็นเกษตรกรที่มีฐานะความเป็นอยู่ต่างจากพวกคุณอย่างมหาศาล แต่เขาเหล่านั้นก็เสียภาษีให้รัฐ และก็เป็นพลเมืองที่ได้รับความทุกข์ร้อนต่างๆ อันเป็นผลพวงมาจากการเมืองที่ไม่เป็นธรรม เป็นการเมืองของกลุ่มผลประโยชน์ แต่ไม่ใช่การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ดิฉันเชื่อด้วยใจบริสุทธิ์ว่าประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงและต้องปฏิวัติประชาธิปไตยให้สำเร็จ
ที่สำคัญดิฉันเชื่อในพลังประชาชนที่อยู่ในทุกหย่อมหญ้าของสังคมไทย ไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น ดิฉันยังหวังให้คนทุกๆ ส่วนจะยังมีไฟและมีความหวังอยู่เต็มหัวใจที่จะเห็นสังคมที่ให้สุขกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกันภายใต้การเมืองการปกครองที่เป็นธรรมและเป็นของประชาชนจริงๆ