ที่มา Thai E-News6ตุลาฯแปรธาตุ-ผมอึดอัดจริงๆปล่อยให้เสื้อแดงป่วนอยู่ได้ รัฐบาลก็เฉยทั้งที่มีกฎหมาย มีอำนาจในมือ พันธมิตรก็ไม่ยอมออกมา แบบนี้คนกรุงเทพฯก็ต้องออกมาจัดการกันเองซะแล้วหละครับ-พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ แกนนำชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย พูดทางวิทยุFM92.25
ไอ้คลั่งยุฆ่าเศษมนุษย์เสื้อแดง-สมัยคานธีเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษสำเร็จ เกิดการแตกแยกระหว่างชาวฮินดูกับชาวอิสลามถึงขั้นแยกเป็น2ประเทศ เพราะมีชาวฮินดูคนหนึ่งทนไม่ไหวขว้างก้อนหินใส่ชาวอิสลาม จึงเกิดการจลาจลสังหารหมู่กันขึ้น เมืองไทยเราก็ต้องทำแบบอินเดียแล้วหละครับ วันเสาร์27นี้หากพวกเศษมนุษย์เสื้อแดงไปก่อความวุ่นวายที่ไหน พวกเราต้องออกมาตามซอกซอยต่างๆตัดตอนตลบหลังมันแล้วเอาแบบอินเดียเขาทำ ให้มันตายกันเป็นเบือไปเลย-สุนันท์ ศรีจันทรา นักธุรกิจ อดีตคนเดือนตุลาฯกล่าวทาง92.25 เวลาราว15.00น.วานนี้
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 มีนาคม 2553
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:แฉภุชงค์1,800 อดีตนักศึกษา6ตุลาฯ,สหายยุทธ,ยุวประชาธิปัตย์ สมุนอำมาตย์
พิเชียรอดีตผู้นำนักศึกษา6ตุลาแปลงร่างคลั่งยุปราบเสื้อแดง
นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตผู้นำนักศึกษายุค 6 ตุลาคม 2519 ได้ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลไม่ให้ยุบสภา และโจมตีความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ในนามของชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยที่นายพิเชียรเป็นแกนนำอยู่
ชมรมนี้นอกจากนายพิเชียรแล้วก็มีนายประสาร มฤคพิทักษ์ ที่เข้าไปรับใช้เผด็จการ และได้รับตำแหน่งสว.สรรหาตอบแทน เคยเคลื่อนขบวนรถจากย่านสีลมเข้ามาสมทบกับพันธมิตรฯที่เคลื่อนไหวยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินมาก่อนในช่วงปี2551
นายพิเชียรเคยได้รับรางวัลจากเผด็จการให้เป็นกรรมการโทรคมคมแห่งชาติ(กทช.)แต่ต่อมาคณะกรรมการชุดนั้นล้มเลิกไป ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุทางคลื่นF.M.92.25 MHz ซึ่งมีบทบาทต่อต้านเสื้อแดง และทำตัวเหมือนวิทยุยานเกราะยุค6ตุลาฯคือผู้ดำเนินรายการบางคนอย่างนายสุนันท์ ศรีจันทรา ออกมาเร่งเร้าให้มีการจัดตั้งมวลชนปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดง แม้แต่การปะทะหรือการสังหารหมู่
นายพิเชียรจัดรายการเกี่ยวกับเศรษฐกิจในช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายโมงเศษ โดยช่วงที่เสื้อแดงเข้ามาชุมนุม เขาได้แสดงความอึดอัดแบบเดียวกับนายสุนันท์ โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ยอมปราบปรามเสื้อแดง หรือสลายการชุมนุมแม้มีกฎหมายในมือ เขาจึงเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรออกมาจัดการกับเสื้อแดง
"แต่พันธมิตรก็ยังเฉยๆไม่ยอมทำอะไรเลย รัฐบาลก็เฉยทั้งที่มีกฎหมาย มีอำนาจในมือ แบบนี้คนกรุงเทพฯก็ต้องออกมาจัดการกันเองซะแล้วหละครับ"นายพิเชียรกล่าวปลุกระดมในการจัดรายการตอนหนึ่งเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ในยุค6ตุลาคม2519 ซึ่งมวลชนฝ่ายขวาร่วมกับทหารตำรวจเข้าปราบปรามนักศึกษาที่จัดการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างนองเลือด
สุนันท์ ศรีจันทราคลั่งหนักยุมวลชนฆ่าหมู่"เศษมนุษย์เสื้อแดง"
ในคลื่นวิทยุเดียวกัน เวลา15.00 น.วานนี้ นายสุนันท์ ศรีจันทรา ซึ่งอ้างว่าเป็นคนเดือนตุลาอีกราย จัดรายการโดยโจมตีว่ารัฐบาลไม่ยอมปราบปรามคนเสื้อแดงทั้งที่พวกนี้เป็นม็อบรับจ้างทักษิณมาค่าหัววันละ200ตกดึกเมาเหล้าขาว เป็นแค่"เศษมนุษย์"ที่สร้างความปั่นป่วนเดือดร้อน ดังนั้นจึงขอสนับสนุนให้ชาวกรุงเทพฯออกมาระดมกำลังกันกวาดล้าง โดยยกตัวอย่างว่าสมัยคานธีเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษสำเร็จ เกิดการแตกแยกระหว่างชาวฮินดูกับชาวอิสลามถึงขั้นแตกแยกเป็น2ประเทศ เพราะมีชาวฮินดูคนหนึ่งทนไม่ไหวขว้างก้อนหินใส่ชาวอิสลาม จึงเกิดการจลาจลสังหารมหมู่กันขึ้น
"เมืองไทยเราก็ต้องทำแบบอินเดียแล้วหละครับ วันเสาร์27นี้หากพวกเสื้อแดงไปก่อความวุ่นวายที่ไหน พวกเราต้องออกมาตามซอกซอยต่างๆตัดตอนตลบหลังมันแล้วเอาแบบอินเดียเขาทำ ให้มันตายกันเป็นเบือไปเลย"นายสุนันท์กล่าว
มีรายงานว่านายพิเชียร ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายกองค์การนักศึกษามหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ขณะนั้น ไม่ได้อยู่ในที่ชุมนุม ภายหลังเขาอ้างกับเพื่อนที่ประสบชะตากรรมว่าวันเกิดเหตุนองเลือดนั้นเขา"ป่วย"อยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ตามนายพิเชียรยังอาศัยดอกผลจากการเป็นคนเดือนตุลาคมออกมาเคลื่อนไหว โดยอ้างว่าเขาเป็นอดีตผู้นำนักศึกษาที่ผ่านการต่อสู้เพื่อประเทศและประชาชนมาโดยตลอด
สวมเสื้อชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยต้านยุบสภา
ล่าสุดวานนี้(25 มีนาคม )ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยของพิเชียรได้ ออกแถลงการณ์ไม่ต้องการให้ “ยุบสภา” ประณามการใช้ความเหลื่อมล้ำของฐานะของประชาชนสร้างเงื่อนไข “สงครามชนชั้น เชิญชวนให้ชาวไทยทุกฐานะ ทุกจังหวัด ร่วมแสดงจุดยืนต้องการความสงบสุข และความรักสามัคคีในแผ่นดิน" โดยมีรายละเอียด ดังนี้
0 0 0
แถลงการณ์ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 1/2553
ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย คือกลุ่มนักธุรกิจเอกชนที่มีอุดมการณ์รักชาติ และรักระบอบประชาธิปไตย มีความเชื่อว่า นักธุรกิจและประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมต้องการความสงบ และต้องการประชาธิปไตยแท้ในแผ่นดิน ดังที่ได้รณรงค์กิจกรรม “สีลม สีเขียว” ในการสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ชมรมฯขอประกาศจุดยืน ดังต่อไปนี้
1. เรารักประชาธิปไตย เราไม่ต้องการให้ “ยุบสภา” สภาผู้แทนฯชุดนี้ได้รับการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง และจัดตั้งรัฐบาลอย่างถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน และสภาผู้แทนฯชุดเดียวกันตั้งแต่รัฐบาล ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช ฯพณฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึง ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะยุบสภาในขณะนี้ รัฐสภานี้มีอายุจำกัดตามหลักประชาธิปไตย อย่างช้า ปลายปี 2554 ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนตามวาระอยู่แล้ว
2. ชมรมฯ ขอสนับสนุนการชุมนุมแสดงความคิดเห็นตามแนวทางประชาธิปไตย เฉพาะในกรอบของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ไม่ควรละเมิดสิทธิ์ของพี่น้องชาวไทยร่วมชาติ เช่น การกีดขวางการจราจร เป็นต้น การเอื้อให้คนไทยสามารถทำมาหากินกันได้ตามปรกติ ไม่เป็นปัญหาต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน จะทำให้ประชาชนไทยมีรายได้ดี การจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนสะพัด และเป็นผลดีต่อคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง
3. ชมรมฯประกาศจุดยืนต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรง หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่สะท้อนถึงความรุนแรง ชมรมฯเห็นว่า คนไทยพึงรักสามัคคี ไม่เป็นศัตรูกัน การใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายกัน การวางระเบิด การยิงระเบิด หรืออื่นๆ เลือดเนื้อของคนไทย ไม่ว่าฐานะอย่างไร สวมเสื้อสีใด ก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น พึงรู้รักสามัคคี ไม่ควรมีใครยุยงแบ่งแยกให้เกลียดชังหรือทำร้ายกัน
4. ชมรมฯ ไม่สนับสนุนและขอประณามการใช้ความเหลื่อมล้ำของฐานะของประชาชนสร้างเงื่อนไข “สงครามชนชั้น” ชมรมฯ ประกอบด้วยนักธุรกิจทุกระดับ เรามีฐานะที่พัฒนาเติบโตมาด้วยพระคุณแผ่นดินไทย ได้รับสิทธิและเสรีภาพในระบบเศรษฐกิจเสรี ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขมายาวนาน ไม่เห็นเป็นปัญหาการปิดกั้นโอกาสจากปัญหาการแบ่งชนชั้นแต่อย่างใด กลับเห็นว่านักธุรกิจการเมืองบางยุคบางสมัยนำการทำธุรกิจโดยเอื้อกิจการของตนและพวกพ้อง จนมีฐานะร่ำรวย ทั้งที่เปิดเผย ซุกซ่อนผ่านคนใกล้ชิด และซุกซ่อนในต่างประเทศอันผิดรัฐธรรมนูญ ชาวไทยไม่ควรที่จะหลงเชื่อว่ามีปัญหาแบ่งแยกชนชั้นในสังคม ความคิดแบ่งแยกชนชั้นเช่นนั้นมักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆประเทศ โดยมักนำไปสู่ความยากจนทั่วกัน เช่นในเวียดนามเหนือ หรือเกาหลีเหนือ ประชาชนก็มีฐานะยากจนกว่าเวียดนามใต้ หรือเกาหลีใต้ที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเสรีที่ประชาชนมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่สร้างความรู้สึกแตกแยกของชนชั้นในสังคม
5. ชมรมฯรณรงค์เชิญชวนให้ชาวไทยทุกฐานะ ทุกจังหวัด ร่วมแสดงจุดยืนต้องการความสงบสุข และความรักสามัคคีในแผ่นดิน ด้วยการร่วมกันประดับธงชาติที่บ้าน หรือรถยนต์ เพื่อส่งเสริม ความรัก การให้อภัยกัน และการมองกันในแง่ดีด้วยหัวใจความเป็นไทยทุกคน
ชมรมฯขอรณรงค์ให้ชาวไทยร่วมใจรักสามัคคี ร่วมรักษาความสงบร่มเย็น ประชาธิปไตย และความชอบธรรมในแผ่นดิน เพื่อความสันติสุขและความเจริญยั่งยืนตลอดไป