ที่มา Thai E-News
ผล เลือกตั้งสก.อย่างไม่เป็นทางการในช่วงเวลา 24.00 น. พรรคประชาธิปัตย์มีผู้ได้รับเลือกตั้ง 44ที่นั่ง ตามมาด้วยเพื่อไทย 15 ที่นั่ง ผู้สมัครอิสระ 1 ที่นั่ง ขณะที่พรรคการเมืองใหม่ยังไม่มีซักที่นั่ง ทั้งที่หวังแจ้งเกิดเต็มที่ ท่านเลขาพรรคสุริยะใสยิงมุกซ้ำตอนก่อม็อบประกาศชัยชนะหน้าตาเฉย นักวิชาการไล่ส่งให้กลับไปเล่นการเมืองเป็นแก๊งข้างถนนตามเดิม ส่วนพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เดิมพรรคมีสก.อยู่ 15 ที่นั่ง หากคราวนี้ได้เกิน 15 ที่นั่ง ก็ถือเป็นกำไรที่คนกรุงเทพฯเลือกพรรคมากขึ้น
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
29 สิงหาคม 2553
นักวิชาการชี้เหตุพรรคพันธมิตรแจ้งตาย
ผล การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(สก.)อย่างไม่เป็นทางการในช่วงเวลา 21.30น.ปรากฎว่า พรรคประชาธิปัตย์ชนะนำอยู่ 44 คน ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย 15 คน ผู้สมัครอิสระ 1 คน ขณะที่พรรคการเมืองใหม่ องค์กรการเมืองของพันธมิตรฯที่คาดหวังจะแจ้งเกิดทางการเมืองเที่ยวนี้ไม่ได้ แม้แต่เพียงเก้าอี้เดียว
ส่วนผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของ การ เลือกตั้ง สข.ซึ่งมีทั้งหมด 256 ที่นั่ง ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ทิ้งห่าง โดยได้ที่นั่งมากถึง 210 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้เก้าอี้สข.เพียง 39 ที่นั่ง อีก 7 ที่นั่งเป็นของผู้สมัครอิสระ ส่วนพรรคการเมืองใหม่นั้น ไม่ได้แม้แต่ที่นั่งเดียว
เพื่อไทยเผยหากได้15ก็เท่ากับรักษาเก้าสอี้เดิมไว้ได้ หากเกินกว่า15ถือว่ากำไร
นาย วิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เดิมพรรคมีเก้าอี้สก.อยู่15ทั่นั่งคาดว่าน่าจะรักษาสัดส่วนไว้ได้ แต่หากได้เกิน15ที่นั่งก็ถือเป็นกำไรที่คนกรุงเทพฯเลือกพรรคมากขึ้น
นัก วิชาการที่ออกโทรทัศน์TNN24 หรือTRUE VISION 07 พากันให้ความเห็นแบบเอาใจช่วยว่า คนไทยคาดหวังให้พันธมิตรสู้ศึกสนามใหญ่ระดับประเทศมากกว่าการลงสนามเล็กหรือ สนามท้องถิ่น เลยพร้อมใจกั้นไม่เลือกพรรคนี้
ขณะที่ดร.พรชัย เทพปัญญา นักวิชาการอีกรายจากศิลปากรกล่าวว่า พันธมิตรน่าจะทำหน้าที่เป็นเพียงกลุ่มพลังกดดันทางการเมืองก็พอ เพราะสนามกทม.มีเจ้าสนามแล้วคือประชาธิปัตย์ที่เบียดชืงกับเพื่อไทย แต่การแพ้เลือกตั้งแล้วจะกลับไปทำหน้าที่กลุ่มพลังกดดันทางการเมืองเหมือน เดิม จะมีพลังอยู่หรือไม่ก็ควรติดตามต่อไป
"พรรคการเมืองใหม่ล้มเหลว ที่จะสร้างกระแสขึ้นมาให้สำเร็จเหมือนที่พรรคประชากรไทยหรือพรรคพลังธรรมใน อดีต น่าถอยกลับมาทำการเมืองภาคประชาชนเหมือนเดิมดีกว่า"ดร.พรชัยกล่าว ขณะที่นักวิชาการอีกรายกล่าวว่า พันธมิตรอาจต้องปรับตัวไปสู้กับการเมืองระดับชาติแทนที่จะท้อถอย
นัก วิชาการอีกรายกล่าวว่าพรรคการเมืองใหม่ล้มเหลวไม่ได้รับการตอบรับควราปรับ ตัวไปเป็นการเมืองภาคปรเชาชนดีกว่า อย่าคิดว่าเป็นการต่อสู้ข้างถนน ให้คิดว่ามีความสำคัญ
พรรคพันธมิตรหน้าแหกอุตส่าห์ตั้งวงลุ้น8คนแต่กินแห้ว
กอ นหน้านั้นช่วงหัวค่ำ เวบไซต์ASTVผู้จัดการ กระบอกเสียงพันธมิ ตรารายงานหลังปิดหีบว่า วันนี้ (29 ส.ค.) ที่พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.ว่า จากที่ตนประเมิน คาดว่า น่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งประมาณร้อยละ 37 เพราะเขตพื้นที่ชั้นในค่อนข้างคึกคัก แต่ในเขตชั้นนอกค่อนข้างเงียบผิดปกติ โดยถึงขณะนี้ทางพรรคยังมีความมั่นใจในหลายๆ เขต ประมาณ 7-8 เขต อาทิ บึงกุ่ม พระนคร คลองสาน หนองแขม ทุ่งครุ เยาวราช สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม และ บางนา เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากในการลงพื้นที่ที่ผ่านมา แต่ ณ ขณะนี้ยังประเมินลำบาก
ส่วนการที่มีสื่อมวลชนได้ประเมินออกมาน่าจะ มาจากข้อมูลเก่า เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา บรรยากาศทางการเมือง มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง มีการเขย่าไปมาหลายต่อหลายเหตุการณ์ คงต้องรอดูการนับคะแนนผ่านไปสักระยะหนึ่ง ถึงจะประเมินได้ชัดเจน ทางพรรคจะมีการประชุมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรคประมาณ 17.00 น.ซึ่งขณะนี้ผู้สมัครของพรรคยังประจำอยู่ในที่ศูนย์การเลือกตั้งของแต่ละเขต สังเกตการณ์อยู่ในพื้นที่ เพราะมีการรายงานว่า มีการกระทำส่อไปในทางการทุจริตเลือกตั้งในหลายๆ พื้นที่ และตนได้ย้ำไปว่า หากมีหลักฐานให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย หรือแจ้งไปทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่หากเป็นเพียงข้อกล่าวหา หรือข้อสันนิษฐานคงไม่ต้องดำเนินการอะไร เพราะการดำเนินใดๆ เกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งหลักฐานต้องชัดเจน ถึงนาทีนี้ยังมีความมั่นใจว่า พรรคการเมืองใหม่จะสู้ได้หลายพื้นที่จากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา แม้ 1-2 คืนนี้จะมีข่าวการหอบเงินไปซื้อเสียงกันแบบยกตรอกยกซอย เพราะคนเหล่านี้ทำงานเป็นมืออาชีพ การหาหลักฐานคงเป็นเรื่องยาก ทำให้เรื่องซื้อเสียงกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ท่านเลขาใสประกาศชัยชนะเหมือนตอนก่อม็อบเปี๊ยบ
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า แม้ยังไม่ทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ชัยชนะที่พรรคการเมืองใหม่ได้รับก่อนการเลือกตั้ง ประการแรกคือ การที่เราไม่ทุจริตเลือกตั้ง การซื้อสิทธิขายเสียง หรือการยุยงส่งเสริมให้ผู้สมัครใช้วิธีการสามานย์ หรือวิชามารต่างๆ เอาชนะคู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม
ประการที่สอง คือ การที่เราพยายามชูนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคการเมืองใหม่เป็นเพียงพรรคเดียวที่ทำให้การเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.มีความหมายต่อคน กทม.แต่เดิมมีเพียงสองพรรคการเมืองลงแข่งขันกัน รู้ผลคะแนนก่อนเลือกตั้งด้วยซ้ำ ว่า พรรคไหนจะได้กี่เขต แต่พอมีพรรคที่สามมา ทำให้บรรดาผู้สมัครต้องทบทวนนโยบาย หรือลงพื้นที่มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ถือเป็นประโยชน์กับประชาชน ชัยชนะที่สาม คือ การที่แต่เดิมผู้สมัครที่เป็นแชมป์เก่าหลายๆ สมัยไม่เคยลงพื้นที่ เลือกตั้งแต่ละครั้งใช้หัวคะแนนหาเสียง แต่เมื่อมีพรรคการเมืองใหม่มาลงสมัคร เหมือนเป็นการกระตุกหนวดเสือ ทำให้คนเหล่านี้กลัวแพ้ ต้องลงพื้นที่มากขึ้น นั่นหมายความว่า การที่เราส่งผู้สมัครรอบนี้ ทำให้ ส.ก.ทำงานมากขึ้น ขยันเข้าหาชุมชนมากขึ้น ไม่ว่าพรรคไหนได้รับชัยชนะก็จะเป็นประโยชน์กับคน กทม.
ด้าน นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคและรักษาการโฆษกพรรค กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า พรรคเรามีทุนในการต่อสู้น้อยมาก ส.ก.คนหนึ่งกฎหมายให้ใช้ได้ 7-8 แสนบาท แต่ของเราใช้เพียง 1-2 แสนบาท บางคนใช้เพียง 7-8 หมื่นบาทเท่านั้น จึงไม่ต้องแปลกใช่ว่าป้ายหาเสียงของเราค่อนข้างน้อย เปรียบเทียบกับบางเขตของบางพรรคที่มีการใช้เงินในการซื้อเสียงมากกว่า 4-5 ล้านบาท
อีกทั้งการเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.จะไม่ค่อยสะท้อนอารมณ์ของคน กทม.เท่ากับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งสามารถสะท้อนให้เห็นถึงภาพการเมืองระดับชาติได้ว่าคนกรุงคิดอย่างไร อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองใหม่ ได้สร้างตั้งแต่สีสันทางการเมือง หรือสิ่งที่เรียกว่าการเมืองใหม่ๆ ให้ปรากฏในการหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครหลายคนไม่มีประสบการณ์อาจจะเสียเปรียบในหลายๆ ด้าน ซึ่งเราจะนำมาเป็นบทเรียนในการต่อสู้ต่อไป และไม่ว่าได้กี่ที่นั่ง พรรคการเมืองใหม่จะเดินหน้าต่อไป ทั้งในสนามประเทศหรือสนาม กทม.โดยเฉพาะในอีก 2 ปีกว่าที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งขณะนี้พรรคอยู่ระหว่างการสรรหาตัวผู้สมัครที่มีคุณภาพ
"กมม."อ้างคนใช้สิทธิน้อยสาเหตุแพ้ยับ -รู้จักการเมืองของจริงแล้ว
ต่อ มาหลังทราบผลการเลือกตั้งออกมาไม่ได้รับเลือกตั้งเลย คณะผู้บริหารพรรคการเมืองใหม่นำโดย นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค นายสำราญ รอดเพชร โฆษกกมม. นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ผ.อ.ศูนย์เลือกตั้งสก.และสข. ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายสำราญ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนชาวกทม.ที่ออกมาใช้สิทธิแม้จะไม่มากพอที่จะทำให้ผู้สมัครของ พรรคได้รับเลือกตั้ง แต่ทุกคะแนนเสียงจะเป็นพลังใจให้พรรคและผู้สมัครที่จะทำงานการเมืองรับใช้ ประชาชนต่อไป ขอชื่อชมจิตใจเสียสละของผู้สมัครทุกคน แต่พรรคการเมืองใหม่ลงสมัครครั้งแรกยังไม่มีผลงานที่เพียงพอ และไม่มีคะแนนเสียงจัดตั้งรวมทั้งผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา ถ้ามีผู้ใช้สิทธิ 60 - 70 เปอร์เซนต์ พรรคจะมีโอกาสมากกว่านี้
อย่าง ไรก็ตามขอตั้งข้อสังเกต 3 ประการ ดังนี้ 1 .ประชาชนใช้สิทธิน้อยเกินคาดน้อยกว่าครั้งที่แล้ว พลังเงียบไม่ออกมาใช้สิทธิ 2 .กมม.ลงครั้งแรกไม่มีผลงาน คะแนนที่ได้รับจึงเป็นคะแนนบริสุทธิ์ และ 3 .พรรคเผชิญกับรูปแบบการหาเสียงแบบเก่าที่มีการใช้เงินและการสร้างวาทกรรมการ เมืองแบบเก่า อย่างไรก็ตามแม้จะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้า แต่กมม.มีความภูมิใจที่ได้พิสูจน์ว่าเราไม่ซื้อเสียง และได้ประกาศนโยบายหลายๆด้าน หลังจากนี้พรรคจะนำประสบการณ์ครั้งนี้พรรคจะนำบทเรียนเพื่อเฟ้นหาผู้สมัครลง รับเลือกตั้งทั่วไปหากมีการยุบสภา และเลือกผู้ว่าฯกทม.ในอีก 2 ปีข้างหน้า
นาย พิเชฐ พัฒนโชติ ผ.อ.ศูนย์เลือกตั้ง กล่าวว่า แม้ว่าผู้สมัครของพรรคจะไม่ได้รับเลือกตั้งแต่ทุกคนยืนยันว่าจะต่อสู้ทางการ เมืองต่อไป การแข่งขันครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้การเมืองที่เป็นจริงมากขึ้น ทั้งนี้ยืนยันว่ากมม.ไม่ได้เป็นตัวตัดคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกันนี้ขอตั้งข้อสังเกตไปยังกกต.ว่าการจัดเลือกตั้งวันอาทิตย์ทำให้ ประชาชนในเขตเมืองเช่น สัมพันธวงศ์ ที่ไปซื้อบ้านอยู่ชานเมืองไม่มาลงคะแนน