ที่มา ไทยรัฐ
ขอเวลาทำเพื่อตัวเองบ้าง
ตามสัญญาณเสียงสดๆที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ข้ามประเทศกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ยืนยันว่า กำลังทำธุรกิจเหมืองเพชรอยู่ที่แอฟริกาใต้ ไม่ได้หายไปเพราะป่วยหนักใกล้ตาย ตามข่าวลือ
เป็นอันชัดเจนว่า "ทักษิณ" ยังมีตัวตนอยู่
แต่ ที่ต้องจับทางกันให้ดี และน่าจะมีผลต่อความเคลื่อนไหวการเมืองไทย ณ ห้วงนี้ กับประโยคที่อดีตนายกฯทักษิณเปิดใจตอบคำถาม อนาคตจะกลับสู่อำนาจ
"ผมเป็นคนไม่มีอนาคตทางการเมือง ขอเป็นคนของประชาชนต่อไปแค่นั้น"
เรื่อง ของเรื่อง มันเข้ากับกระแส ส.ส.ย้ายหนีพรรคเพื่อไทย ล่าสุดแม้แต่คิวของนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิด เคยบินไปพบนายใหญ่ที่ดูไบหรือที่ฮ่องกงเกือบทุกทริป
ก็พูดชัดๆอยู่ต่อไปไม่ได้ และมีการต่อสายบอกลากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรียบร้อย
ตาม เหตุที่อ้างกันว่า ทนไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยด่าไล่หลังอดีตพระเอก "กรุง ศรีวิไล" หรือ นายนที สุทินเผือก และนายจิรพันธ์ ลิ้มสกุลศิริรัตน์ 2 ส.ส.สมุทรปราการ ที่ย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทย
เหมือนหมูเหมือนหมา
เอาเป็นว่า แนวโน้มพรรคเพื่อไทยจะสูญเสีย ส.ส.ปากน้ำแบบเหมาเข่ง ยกแผง
ยิ่ง เป็นอะไรที่เข้าเค้ากับข่าววงในที่นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่มีข่าวตลอดว่าจะย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทย ออกมาบอกกันดังๆเลยว่า เท่าที่ทราบยุทธศาสตร์ของพรรคภูมิใจไทยตอนนี้ พบว่าไปเจาะภาคอีสานไม่ได้ เพราะกระแสไม่เอาพรรคภูมิใจไทยแรงมาก และยิ่งแรงกว่าเดิม จึงได้เปลี่ยนมาเป็นพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯแทน เช่นจังหวัดปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี เพราะพื้นที่เหล่านี้ไม่หนักมาก จึงมีโอกาสที่จะได้ ส.ส.
โดยข่าววงในกับความเคลื่อนไหวภายนอก มันก็ตรงกันพอดี
ทั้ง นี้ทั้งนั้น ลำพังคงไม่ใช่แค่แรงดูด "ไดโว่" พลังสูงยี่ห้อภูมิใจไทย อาการเลือดไหลของพรรคเพื่อไทย ปัจจัยมันอยู่ที่อาการ "ร้าวใน" ด้วย
ตาม ร่องรอยที่เห็นได้จากภายนอก จากคิวที่อดีตนายกฯทักษิณสั่งเครือญาติตระกูลชินวัตรให้ถอยห่างออกจากการ บริหารงานการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย ภายหลังปมวุ่นๆที่ ส.ส.อีสานเคลื่อนไหวให้เขี่ยนายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายใหญ่ พ้นจากประธานภาคอีสาน
การกดดันให้ปรับ "หัว" เอาตัวจริงมาทำหน้าที่คุมทัพแทนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค "มวยแทน" ที่ไม่มีทั้งบารมีและกระแสทางการเมือง อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวต่อเนื่องมีทั้งการชงชื่อคนในอย่าง "สารวัตรเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือ "เฮียมิ่ง" นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค
ที่ สำคัญเลย กับความไม่พอใจลึกๆของกลุ่มนักเลือกตั้งอาชีพกับบรรยากาศการบริหารจัดการของ พรรคเพื่อไทยที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแกนนำม็อบแดง นปช. ตามจังหวะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ชี้นิ้วสั่งการได้
ในอารมณ์แค้นเคือง "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ กทม. ก็เล็งช่องทางหนีทีไล่ อพยพลูกทีมไปตั้งค่ายใหม่
ถือโอกาสชิ่ง หลบกระแสต้านม็อบแดงในกรุงเทพฯ
ยัง ไม่นับคิวของ ส.ส.อีสานกลุ่มใหญ่ อีกกว่า 20 คน ที่ต่อสายรอจังหวะซุกปีก 3 พี "ไพโรจน์ สุวรรณฉวี–พินิจ จารุสมบัติปรีชา เลาหพงศ์ชนะ" ตามโพยที่ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงแพลมไต๋
"เปิดแต้มมัดจำล่วงหน้า" เบิกทางกลับเข้าร่วมรัฐบาล
ตามสถานการณ์เผื่อเกมลากยาว ไม่มีการเลือกตั้ง ส.ส.ต้องเกาะขบวนฝ่ายถืออำนาจไว้ก่อน
อีกทั้งในอนาคต โดยยี่ห้อพรรคเพื่อแผ่นดินในภาคอีสาน ก็ยังมีแรงเสียดทานน้อยกว่า ถ้าเทียบกับยี่ห้อภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์
ทั้ง หมดทั้งปวงสรุปกันได้ว่า ในสถานการณ์ลักลั่น "นายใหญ่" ปลีกวิเวก หายไปจากเกมชิงกระแส ไม่รู้จะเอายังไงแน่กับอนาคตทางการเมืองของลูกข่าย
ไหนจะคดียุบพรรคจากการร่วมเวทีม็อบแดง จ่อโดน "ล้างน้ำสาม" ตามคิวของฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย ที่ต้องตัดตอนลูกข่ายนายใหญ่ทุกวิถีทาง
กระแสดี แต่ต้องเหนื่อย คนเพื่อไทยลุ้นกับอนาคตที่รู้กันอยู่ว่าต้องเจอสหบาทา
อารมณ์เริ่มสะดุด ไม่รู้จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อใคร.