WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 29, 2010

“ซุปเปอร์...จังไร!”

ที่มา vattavan

ผม ชอบรายการโทรทัศน์ทางเคเบิลทีวี ซึ่งผู้อ่านหลายท่านคงติดตามดูเช่นกัน คือรายการ “The Oprah Winfrey Show” ของเจ้าแม่ทอล์คโชว์ของสหรัฐ ที่เพิ่งถูกประกาศว่า ครองอันดับเป็นผู้ทำรายได้มากที่สุด สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการบันเทิง เธอผู้นั้น คือ
“โอปราห์ วินฟรีย์” (Oprah Winfrey)



พิธีกรผู้โด่งดังคนนี้มีผิวสี (แอฟริกัน-อเมริกัน) เป็นผู้มาจากครอบครัวที่ยากจน แต่ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ บวกกับการทำงานหนัก เธอได้ไต่เต้าขึ้นมาสู่ความเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดของอเมริกันชน อย่างสูง แถมยังได้รับการโหวตจากนิตยสารไทมส์ ให้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลหลายปีติดต่อกัน
ประวัติของผู้หญิงคนนี้ น่าทึ่งจริงๆ!
ใครๆก็ล้วนอยากจะเสนอหน้า ไปออกรายการของโอปราห์ เพราะการไปปรากฏกาย พูดคุยกับพิธีกรคนนี้ แม้จะเพียงไม่กี่นาที เขาหรือเธอคนนั้น ก็จะกลายเป็นที่รู้จักกันทั้งสหรัฐ และทั่วโลกไปทันที

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายการของโอปราห์ได้นำเสนอเรื่องของ พวก Hoarders แปลเป็นไทยว่า ผู้ชอบสะสมสิ่งของ แต่มีความเป็นพิเศษ ที่ต้องเล่าขยายความให้ฟังเพิ่มเติมว่า
Hoarders นั้น เป็นพวกชอบสั่งสมสิ่งของ โดยนำมาเก็บไว้ในบ้านหรือที่อยู่อาศัยของตน จนสถานที่ดังกล่าวรกรุงรังไปหมด
ผมเคยดูทางโทรทัศน์ของญี่ปุ่นนานมาแล้ว เป็นเรื่องของชายสูงอายุชาวแดนปลาดิบคนหนึ่ง ซึ่งเก็บของเอาไว้ในบ้าน จำพวกเสื้อผ้า พัดลมเก่า โทรทัศน์ใช้ไม่ได้แล้ว วีดีโอเกมโบราณฯลฯ จนแทบจะไม่มีที่เดินในตัวบ้าน แถมหน้าบ้านก็รกเรื้อด้วยสิ่งของต่างๆไม่ว่าจะเป็นยางรถเก่า แบตตารี่ กระป๋อง กาลามัง
ถังแตกๆ ฯลฯ จนเต็มไปหมด เป็นบ้านเราก็ต้องเรียกว่าเป็น...
“พวกบ้าสมบัติ!”
เพื่อนบ้านเขาอดรนทนไม่ได้ ก็โทรไปแจ้งรายการโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราวแปลกๆ ซึ่งเขาก็ยกกองมาถ่ายสภาพเดิมของบ้านเอาไว้ ซึ่งเห็นแล้วก็น่าขัน เพราะแกเก็บทั้งของมีค่าและไม่มีค่า กองสุมๆกันไว้ท่วมหูท่วมหัว ทำให้ละแวกบ้านพลอยไม่เจริญหูเจริญตาไปด้วย
ทางรายการโทรทัศน์เขาก็แสนดี ส่งบริษัททำความสะอาดมาเก็บกวาดให้ จัดเครื่องใช้ไม้สอยที่จำเป็นมาวางให้ใหม่ด้วย ทำให้บ้านดูสดใสเอี่ยมอ่อง จากที่สกปรกรกรุงรัง กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่า หลังจากวันนั้นแล้ว
แกจะทำรกต่อ อีกหรือเปล่าหนอ!?

ตอนดูรายการชาวญี่ปุ่นทำบ้านรก ทีแรกผมก็คิดว่าอาจเป็นเพราะ นิสัยคนชอบเก็บสะสม จนเป็นนิสัย พอแก่ตัวแล้วก็เสียดายไม่อยากทิ้งข้าวของที่ตัวเคยมี เคยชอบ เลยเก็บสะสมไว้ แต่เมื่อดูรายการของโอปราห์ วินฟรีย์ ก็มีความเข้าใจที่แตกต่างไปจากเดิม



พิธีกรหญิงที่ดังที่สุดในโลก ได้นำครอบครัวที่แม่เป็นผู้มีนิสัยชอบสะสมของ ทั้งๆที่อายุก็ยังไม่มากนัก ประมาณสี่สิบเศษๆ และหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ไม่อาย แถมลูกสาววัยรุ่นสองคนที่มาออกรายการด้วย ก็หน้าตาระดับไปถวายเพลพระได้เลย และดูปกติดี จนนึกไม่ถึงว่า
ผู้เป็นแม่จะกลายเป็นพวกบ้าสะสมข้าวของ ทำให้บ้านรุงรังได้อย่างไรกันนะเนี่ยะ!?
รายการของโอปราห์นั้น นอกเจ้าของรายการจะสัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ชอบสะสมของแล้ว ยังมี ‘จิตแพทย์’ มาคอยตอบคำถามด้วย ทำให้ผู้ชมได้ทราบเพิ่มเติมว่า
การที่ชอบสะสมของ จนบ้านแทบจะกลายเป็นกองขยะ รุงรังแทบไม่มีที่เดินเหินนั้น แท้ที่จริงแล้ว มันเป็น “โรคทางจิต” ชนิดหนึ่ง ที่สามารถบำบัดอาการให้ทุเลาลงได้
ดูไปแล้ว ก็ให้นึกถึงบ้านเมืองของเราจริงๆ!

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
ในบ้านเมืองของเรานั้น ตอนนี้มีเรื่องราวปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้หน่วยงานต่างๆเก็บกองสุมๆไว้ แบบเดียวกับอาการของพวก Hoarders จนในที่สุดไม่รู้ว่าจะสะสางกันอย่างไร ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อราชการงานของบ้านเมืองเราเป็นอย่างยิ่ง
ขอยกเฉพาะแค่เรื่องราวเกี่ยวกับ “การทุจริตคอรัปชั่น” ให้ดูเป็นตัวอย่างเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น กล่าวคือ
หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้ ได้แก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อตอนได้รับโอนงานสอบสวนคดีข้าราชการทุจริต จากกรมตำรวจ มีเรื่องทั้งหมดไม่ถึง 1,000 แยกเป็นเรื่องร้องเรียนประมาณ 600 และเรื่องที่รับเป็นคดี อยู่ระหว่างการสอบสวนประมาณ 300 เรื่อง
พอ ป.ป.ช. เข้ามาดำเนินการเต็มตัว เรื่องราวที่ค้างพุ่งพรวดเป็นหมื่นคดีๆ สาเหตุไม่ใช่อะไรหรอกครับ ตอนที่ตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดแรกนั้น มีการประชุมคณะกรรมการเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง กว่าจะพิจารณารับเรื่อง และตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสืบสวน ก็จะต้องเข้าคิว ซึ่งเป็นขบวนการที่ยืดยาด ไม่ทันกินทันใช้ ทั้งยังต้องไปอาศัยผู้สอบสวนจากหน่วยงานอื่น มาเป็นอนุกรรมการสอบสวนร่วมด้วย เพราะทักษะของข้าราชการป.ป.ช.ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะจะต้องมีตำรวจนั่นแหละครับ ที่เป็นตัวช่วยหลัก ในการสืบสวนสอบสวน
จึงทำให้การสอบสวนล่าช้ามาก ยังผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานด้อยเป็นอย่างยิ่ง หรือไม่มีประสิทธิภาพเลยก็ว่าได้ ซึ่งไม่มีชาติไหน ที่เขาสอบสวนคดีทุจริตกันในลักษณะนี้!

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเคยมีการออกคำสั่ง ให้เลขาธิการ ป.ป.ช.สามารถจะหยิบยกเรื่องไหน มาให้คณะกรรมการพิจารณา
ก่อน-หลังก็ได้ ซึ่งก็ถูกติฉินนินทาว่า
หากเป็นเรื่องของนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ที่เป็นพรรคพวกเดียวกันกับคนของ ป.ป.ช. ก็ไม่มีการหยิบยกว่ากล่าวกัน แต่หากฝ่ายตรงข้ามถูกกล่าวหา ก็ฟาดฟันกันอย่างเต็มที่เลย กรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ และนายตำรวจอีกหลายนาย เป็นตัวอย่างที่ดี นั่นคือ
พอนายอภิแสบ ภักดีโพเดียม ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในตอนนั้นมาร้องทุกข์ ซึ่งเรื่องที่ร้องตามเลขรับก็ต่อท้ายเป็นลำดับที่หมื่นกว่า แต่ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็นำมาสอบสวนก่อน โดยบอกว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องทุจริตคอรัปชั่นด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็คง ‘ฝ่อ’ ไปบ้างแล้ว เพราะคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เพิ่งให้รับคุณพัชรวาทกลับเข้ารับราชการ ซึ่งทำลายความขลังของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงได้อีกครั้ง หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้รับ “โอ๋ สืบหก” กลับเข้ารับราชการ
หักหน้า ป.ป.ช.ได้เป็นคนแรก!

นอกจากนั้นก็ยังมีกรณีนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งก็มีเรื่องร้องมาหลายปีดีดักเต็มที แต่พอพรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจ และหยิบยกเรื่องนี้มาว่ากล่าวเท่านั้น ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ ก็ขมีขมันรับลูกทันที โดยหยิบขึ้นมาทำเป็นเรื่องเร่งด่วนเชียว!
ขนาดส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการแล้ว เขาสั่งไม่ฟ้องคุณเสนาะแล้ว ป.ป.ช. ก็กลัวเสียหน้า สู้อุตส่าห์ยอมเสียเงินหลวงไปจ้างสภาทนายความเจ้าเก่า ที่เคยฟ้องคดีให้ ค.ต.ส. เป็นผู้ยื่นฟ้องเองทีเดียว!
คงหมดไปอีกหลายสตางค์ เพราะแค่คดีกล้ายาง กับหวยสองตัวสามตัว ที่ค.ต.ส.จ้างสภาทนายฟ้องเอง เขาลือกันว่าเฉพาะค่าว่าจ้าง ก็หลายสิบล้านเข้าไปแล้ว!!

ไอ้เรื่องการดองคดีของ ป.ป.ช. จนทำให้หน่วยงานนี้กลายเป็นหน่วยที่ไร้ความสามารถ ไม่สามารถต่อกรกับคดีทุจริตที่แผ่เป็นวงกว้างขวางในประเทศได้
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูสักนิดก็พอได้ เช่น
- คดีทุจริตยางพาราของกระทรวงพาณิชย์ ที่สอบสวนลากยาวกันมากว่าสิบปี ทั้งๆที่มีข่าวว่า ทาง ป.ป.ช. เคยมีหนังสือขอตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นนักการเมืองที่อยู่ในสภา ไปยังประธานรัฐสภาแล้วครั้งหนึ่ง นี่ก็จวนขาดอายุความแล้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่ ไม่กระดุกกระดิกเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
คงขาดอายุความ ตามไปอีกคดีหนึ่งอย่างแน่นอน!
- คดีอดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวไทย ที่สหรัฐเขาลงโทษผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนของเขาไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมืองไทย คณะกรรมการ ป.ป.ช.รู้เรื่องตั้งนานแล้ว แต่ก็โอ้เอ้ศาลาราย ยังไม่เริ่มการสอบสวนเป็นชิ้นเป็นอันกันเลย แต่เมื่อดูรูปเรื่องแล้ว ในฐานะคนประสบการณ์ ผมขอยืนยันเอาไว้ตรงนี้ว่า
หากการสอบสวนยังอยู่กับตำรวจ ทันทีที่ความแตก นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ถูกออกหมายจับ หรือจับตัวมาดำเนินคดีตั้งแต่ปีมะโว้โน่นแล้ว เพราะเหตุออกหมายจับตาม ป.วิอาญา มาตรา 66 มีครบถ้วนแล้ว...หรือใครจะเถียง!
นี่เป็นแค่ ‘น้ำจิ้ม’ เท่านั้นนะ!!

ดังนั้น กระบวนการสอบสวนเอาผิดกับผู้ทุจริตคอรัปชั่น ในวงราชการจึงไร้ประสิทธิภาพในการดำเนินการ คนทุจริตมันจึงไม่เกรงกลัวกฎหมายของบ้านเมือง
น่าสงสารประเทศไทยมาก!
การดำเนินคดีโดย ป.ป.ช. นั้น นักการเมืองหรือข้าราชการ ระดับสูงที่ถูกดำเนินคดี ก็ไม่ถูกควบคุมตัวระหว่างการดำเนินคดีอีกด้วย คนพวกนี้จึงไม่ต้องไปกังวลเรื่องการประกันตัว หรือหาหลักทรัพย์มาเพื่อประกันตัวเอง จึงมีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมคิดหาหนทางว่าจะสู้ หรือหนีไปตั้งหลักแหล่งในประเทศอื่น
ตัวอย่างก็มี ให้เห็นกันอยู่แล้ว!!

ยังครับยังไม่หมดแค่นั้น
- ที่สังคมรับกันไม่ได้เลยคือ เรื่องการทุจริตในธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่นายศักดา ณรงค์ อดีตกรรมการรองกรรมการใหญ่ เป็นผู้ต้องหา คดีเกิดตั้งแต่ระหว่าง 2541-2542 แจ้งความร้องทุกข์ ตั้งแต่ 2542 แต่เพิ่งส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ก่อนคดีขาดอายุความเพียงถึงสองอาทิตย์ ก่อนอัยการจะมีคำสั่งให้ส่งตัวดำเนินคดี แต่ก็ส่งไม่ได้ เพราะเวลากระชั้นชิด และผู้ต้องหาคงรู้แกวหรือไม่ก็อาจรู้กัน เลยเผ่นไปก่อนและขาดอายความไปเรียบร้อยแล้ว...
...ดูมันทำกันซิครับ...ระยำสุดขีดเลยจริงๆ!
ใครรับผิดชอบ อยากดูหน้าหน่อย...จะด่าให้เช็ดเลย!!

นอกจากนี้ ยังมีคดีสำคัญในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. เช่น คดี ป.ร.ส.ที่ความเสียหายสูงถึง 600,000,000,000.00 บาท (หกแสนล้านบาทถ้วน) และคดีทุจริตคลองด่าน ที่มีค่าเสียหายสูงถึง 20,000,000,000.00 ล้าน (สองหมื่นล้านบทถ้วน) ซึ่งมีนักการเมืองและครอบครัว อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย
คดีดังกล่าวได้ยืดเยื้อมายาวนาน กำลังจะขาดอายุความ (หรือขาดไปแล้ว!?) จึงไม่มีเสียงกระโตกกระตาก ดังมาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เลยแม้แต่น้อย!!
หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้คดีข้างต้นได้รับความเสียหาย ด้วยการปล่อยขาดอายุความอย่างนี้ คณะกรรมการทั้งหมด ก็จะต้องรับผิดชอบทั้งทางคดีแพ่งและอาญา และจะต้องเข้าสู่ขบวนการต้องถูกถอดถอนด้วย
ไม่เชื่อก็คอยดูกัน!!!
คดีทุจริตคอรัปชั่น ที่กองสุมกันรกรุงรังอยู่ในสำนักงาน ป.ป.ช. เปรียบเป็นบ้าน ก็มีพวก Hoarders จำนวน 9 คน (ตามจำนวนคณะกรรมการฯ) ที่อาศัยอยู่ในบ้านไร้คุณภาพหลังนั้น
เรื่องความรกรุงรังใน ป.ป.ช.นั้น แก้ไขได้ง่ายๆ แต่จะแก้อย่างไรนั้น
ยังไม่บอกตอนนี้

สำหรับรัฐบาลของพรรคดักดาน ที่บริหารบ้านเมืองในขณะนี้นั้น ก็เป็น Hoarders ตัวสำคัญที่เดียวเพราะสั่งสมเรื่องราวทุจริตคอรัปชั่นเอาไว้ จนกลายเป็นปัญหามากมาย กองสุมกันเป็นภูเขาเลากา โดยเฉพาะเรื่องทุจริตต่างๆ ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ เริ่มต้นตั้งแต่ปลากระป่องเน่า ที่เหม็นไปทั้งประเทศ
ที่น่าเกลียดน่าชังมากก็คือ โครงการไทยเข้มแข็ง (คนเขาเรียกกันขำๆว่า “โครงการแดกได้-แดกดี” บ้างก็เรียกว่า “โครงการไทย แดกไม่เลือก”) เพราะผู้คนเขาเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่า นักกินเมืองได้เตรียมการทำมาหาแดก ทันทีที่เริ่มมีโอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมือง โดยมีการจัดหน่วยออกไปหาหมู่บ้านที่ต้องการ แล้วเอาสิ่งของที่ไร้คุณภาพ ไปยัดเยียดให้ประชาชน
ที่โด่งดังสนั่นลั่นประเทศ ก็ตู้น้ำหยอดเหรียญ และสินค้าเฮงซวยอย่างอื่นด้วย!
พอสื่อเขาโวยวายกันมากๆ ก็ทำเป็นตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนคนในพรรค แล้วก็ทำทีเป็นปลดนักการเมืองท้องถิ่นสมาชิกพรรคออกไป แล้วให้ไอ้ผู้ที่มีหน้าที่บริหารโครงการ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเนียบนายก แถมไอ้คนนี้ยังเป็นน้องรองนายกฯคนหนึ่ง ลาออกไปเท่านั้น โดยไม่ส่งเรื่องการโกงกินให้หน่วยงานที่มีอำนาจเขาสอบสวนตามระเบียบที่ควรจะ ทำ
อย่างนี้เป็นต้น

ตามมาด้วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กับที่ปรึกษายี่ห้อ “ไดแหวก” ต้องจำใจลาออกทั้งคณะ เรื่องหัวคิวที่จ้องงาบกันแบบประเจิดประเจ้อ แต่การเรียกบริษัทที่จะเข้าประมูลเรื่องรถพยาบาล ไปพบกลางโรงแรมใหญ่ ถึงคราวซวยเพราะดันไปมีหลักฐานในกล้องของโรงแรมเข้าไปอีก
ตัวไอ้รัฐมนตวยที่รับผิดชอบต้องมีอันเป็นไป แต่สาไถยทำเป็นสะอึกสะอื้นในวันลาออก นัยว่าเสียดายเหลือเกิน ที่ต้องอดแห้งอดแล้งไปอีกนาน...
สมน้ำหน้ามันจริงๆ!
เรื่องอย่างนี้ ก็ไม่มีการสอบสวนอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว หัวหน้าพรรคดักดาน ก็ทำลืมๆไปเสียนี่ ทิ้งให้เป็นเรื่องทุจริตไม่ได้รับการสะสาง แต่หมักหมมกันยิ่งขึ้นไปอีก!

นอกจากนั้นยังมีเรื่องทุจริตในหมู่ทหาร แต่รัฐบาลไม่กล้าทำอะไร เพราะคนพวกนี้เขาช่วยค้ำรัฐบาลไว้ แตะไม่ได้ เดี๋ยวมีเรื่อง
บ้านเมืองของเราเลยมียุทโธปกรณ์ ราคาแพงลิบลิ่ว (เพราะมีหลายปาก ช่วยกันงาบ!) แต่ใช้การไม่ได้ ต้องทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์ประจานผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้อนุชนคนรุ่นหลังดูกัน
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น “ไม้ล้างป่าช้า” หรือ “เรือเหาะ” ที่บางคนเรียก “เรือเหี้ย” แต่ผมว่าเหี้ยมันก็ยังไม่อยากนั่ง เพราะกลัวตกลงมาตายโหงกันพอดี
(แต่บางคนก็เรียก “บอลลูน” ถึงกระนั้นก็กลายเป็น “บรรลัย”ไปเรียบร้อยแล้ว)
ที่เลวร้ายอย่างสุนัขไม่รับประทานด้วย คือการบริหารงานของกระทรวงมหาดไถ เพราะเหม็นเน่าสุดๆ ด้วยมีเรื่องทุจริตกลายซับหลายซ้อน ทุกโครงการมีปัญหา แบบที่เขาเรียกว่า “แดกซับ-แดกซ้อน แดกซ่อนเงื่อน-แดกไม่ให้เพื่อนรู้” ไปเสียหมด
แม้กระทั่งสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ การเลื่อนตำแหน่ง ก็มีข่าวเรียกเงินเรียกทองแพร่สะพัด ถึงขั้นคณะกรรมการคุณธรรมจริยธรรม กพ. สั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอ โดยชี้ขาดว่า
การแต่งตั้งของกระทรวงราชสีห์ขี้เรื้อน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ขาดคุณธรรม และให้ยกเลิกคำสั่งไปเรียบร้อยแล้ว!

ท่านผู้อ่านที่รัก และเคารพครับ
ที่เขียนให้ท่านอ่านกันในวันนี้ ก็เป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น ความมุ่งหมายก็เพียงเพื่อเป็นหลักฐานว่า รัฐบาลโลซกของ “มิสเตอร์
มุกควาย” นั้น เป็น Hoarder ตัวจริง ที่ชอบสั่งสมหมักหมมปัญหา เอาไว้ในรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอรัปชั่น
จนเหม็นโฉ่เหม็นเฉ่า เพราะเน่าไปทั้งหมดแล้ว!
การสั่งสมเรื่องราวทุจริตคอรัปชั่นทั้งหลายแหล่ ด้วยการนำมากองหมักหมมเอาไว้ จนกลายเป็นขยะพิษในรัฐบาลของนายมาร์ค มุกควาย (หรือ “มาร์ค ร้อยศพ”) ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศนั้น ได้ทำให้ประชาชนคนในชาติ ถึงกับอัดอั้นตันใจ เพราะทักท้วงอย่างไร รัฐบาลก็ยังทำด้านหูทวนลม
น่าเกลียดน่าชัง...เหลือกำลังลากแล้ว!

อนึ่ง ก่อนที่จะส่งคอลัมน์ขึ้นเว็บไซด์ ผมได้ให้ต้นฉบับนี้กับรุ่นพี่ที่เคารพ ซึ่งท่านทำหน้าที่ตรวจทาน และวิพากษ์วิจารณ์และกรุณาให้คำแนะนำก่อนแทบทุกครั้ง และเมื่อท่านได้อ่านเรื่องราว อันไม่เป็นมงคลอย่างนี้แล้ว ถึงกับอุทานลั่นว่า

“ซุปเปอร์จังไร จริงๆโว้ยยยยยยยยย!”

***************

(บทความตอน “ซุปเปอร์...จังไร!” ออนไลน์ เสาร์ ที่ 28 ส.ค. 2553)