WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 1, 2010

เปิดคำต่อคำ ฝีปาก "ทนาย ปชป." ซักพยานปากเอกคดียุบ ปชป. "ประจวบ สังขาว"

ที่มา มติชน


ประจวบ สังขาว

ที่มา - นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความจากพรรคประชาธิปัตย์ ซักค้านนายประจวบ (คณาปติ) สังขาว อายุ 40 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ในฐานะพยานฝ่ายผู้ร้องของนายทะเบียนพรรคการเมืองในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ระหว่างตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เปิดให้ไต่สวนคดีเป็นนัดที่สาม เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม
-----------

นายบัณฑิต : พยานรู้จัก ส.ต.ท.ทชภณ พรหมจันทร์ (ผู้ร้องคดีไซฟ่อนเงินไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ) นานหรือยัง
นายประจวบ : รู้จักมานานหลายปีแล้ว


นายบัณฑิต : ทราบหรือไม่ที่ ส.ต.ท.ทชภณเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่บุกมาปิดล้อม กกต.เพื่อทวงถามว่าเหตุใด กกต.ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
นายประจวบ : เคยได้ยินเพียงข่าว


นายบัณฑิต : ที่พยานไปพบ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำ ส.ต.ท.ทชภณได้พาไปใช่หรือไม่ และยังให้เอกสารเกี่ยวข้องกับคดีนี้แก่ ส.ต.ท.ทชภณใช่หรือไม่ และ ส.ต.ท.ทชภณบอกว่าจะนำไปให้นายประดิษฐ์ (ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์) ดู เรียกเงินตามที่นายตำรวจคนหนึ่งแนะนำ
นายประจวบ : จำไม่ได้


นายบัณฑิต : เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2552 เวลา 10.00 น. พยานได้พบกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทยเพื่อพูดคุยคดีนี้ใช่หรือไม่
นายประจวบ : เวลาผ่านมาหลายปีแล้วจำไม่ได้


นายบัณฑิต : พยานได้ยอมรับกับนายตำรวจคนนั้นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจาก พ.ต.อ.สุชาติได้รับคำบอกเล่าจาก ส.ต.ท.ทชภณแล้วก็ได้แจ้งพยานให้ไปดีเอสไอและได้พบกับ พ.ต.อ.สุชาติ โดย พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ได้นำไปพบกับ พ.ต.อ.สุชาติที่ห้องสองต่อสอง ทันทีที่ พ.ต.อ.สุชาติพบพยานก็ได้จับมือพยานแล้วบอกว่า �จวบเรามาเป็นเพื่อนกันและขอให้คุณให้การพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์� และพยานยังได้เสนอว่าขณะนี้บ้านกำลังถูกยึดอยู่ ขอเงินให้ไปไถ่บ้านและยินดีจะช่วยเหลือโดย พ.ต.อ.สุชาติได้บอกว่าโอเคแต่ยังไม่ได้ให้เงินเพียงแต่ขอให้พยานให้การไป ก่อนและจะพาพยานไปหลบที่เซฟเฮาส์ที่พัทยาโดยมีตำรวจอารักขา 2 นาย ขอให้นายประจวบให้การตามจริง ผมเชื่อว่าคุณจำได้
นายประจวบ : ผมไม่ขอตอบ เพราะจะพาดพิงบุคคลที่สาม


นายบัณฑิต : ไม่ขอตอบคือถูกต้องใช่หรือไม่แต่กลัวจะไปพาดพิง พ.ต.อ.สุชาติใช่หรือไม่
นายประจวบ : ไม่ใช่ ผมไม่ขอตอบเพราะผมไปดีเอสไอครั้งแรกผมจำได้ว่า พ.ต.อ.สุชาติพาไปเจอลูกน้องที่ชื่อพี่ตู่ที่ดูแลคดีนี้อยู่ ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วเพราะเรื่องนี้นานแล้ว และไม่ได้มีการบันทึกเสียงด้วย


นายบัณฑิต : ที่ให้การดีเอสไอเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ตามเอกสาร อยากถามนายประจวบว่าไปพบนายนิพนธ์ (บุญญามณี) นายประดิษฐ์ นายประชัย (เลี่ยวไพรัตน์) ที่โรงแรมเพรสซิเด้นท์ นายนิพนธ์และนายประดิษฐ์ได้ถามพยานว่าไปพบเขาเอาอะไรมาพูด ซึ่งพยานบอกว่าเขาให้การอย่างนั้น เขาในที่นี้คือ พ.ต.อ.สุชาติใช่ไหม
นายประจวบ : จำไม่ได้


นายบัณฑิต : พยานให้การต่อดีเอสไอครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2551 ว่าได้รับจ้างทำป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัท ทีพีไอฯ โดยมีสัญญาระหว่างวันที่ 25 มกราคม 2548 ระหว่างนายประชัย กับบริษัท ทีพีไอฯจำนวน 9 แผ่นซึ่งสัญญาทั้ง 2 ฉบับเป็นสัญญาใน 8 โครงการที่บริษัท เมซไซอะฯโดยข้าพเจ้าได้ทำกับบริษัท ทีพีไอฯและนายธงชัย (ดลศรีชัย พยานอีกคน) ยังรับเอง ส่วน 6 สัญญารับมาทำเอง
นายประจวบ : ยืนยันถูกต้อง


นายบัณฑิต : สรุปใน 8 โครงการ นายประจวบทำ 6 โครงการ ให้ 2 โครงการนายธงชัยทำ และเมื่อเสร็จงานบริษัทซับเอเย่นต์ก็ยังไม่ได้รับเงิน ส่วน 2 โครงการนายประจวบมีความขัดแย้งกับนายธงชัยและขอให้นายธงชัยรับภาระเรื่อง ภาษีด้วยแต่นายธงชัยไม่ยอมจึงมีปัญหากันใช่หรือไม่
นายประจวบ : ประมาณนั้น เพราะมีเรื่องเงินเกี่ยวข้องกันอยู่


นายบัณฑิต : เมื่อพยานได้รับเงินจากบริษัท ทีพีไอฯมาแล้วที่พยานให้กับคนใกล้ชิดเพราะว่าพยานไม่อยากเปิดเผยความจริง เพราะพยานกลัวเจ้าหนี้ที่มีหนี้เยอะใช่หรือไม่
นายประจวบ : ไม่ขอตอบ


นายบัณฑิต : ที่พยานให้เงินนายธงชัย แล้วนายธงชัยก็ให้เงินกับญาติใกล้ชิด พยานก็ทราบว่านายธงชัยมีหนี้สินเยอะถูกฟ้องล้มละลายเหมือนพยาน นายธงชัยก็หลบเจ้าหนี้เหมือนกัน
นายประจวบ : ทราบ


นายบัณฑิต : กรณีพรรคประชาธิปัตย์สั่งจ่ายเช็ค 23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 ให้บริษัท เมซไซอะฯ และยังสั่งจ่ายบุคคลต่างๆ เนื่องจากบริษัท เมซไซอะฯได้ใช้เงินบริษัท ทีพีไอฯจ่ายเช็คให้ก่อนหน้านั้นและกันไว้ทำป้ายหาเสียงแบบแบ่งเขต และป้ายนโยบายพรรค 5 หมื่นป้าย เมื่อพรรคได้รับเงินกองทุนฯจาก กกต.มาและมีนายสุชาติ เกิดเมฆยื่นคำงานด้วย แสดงว่าทำงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์ทำป้าย 2 กรณี
นายประจวบ : ยืนยันที่เคยให้การไว้ต่อ กกต.


นายบัณฑิต : เงินที่พยานได้รับจากพรรคประชาธิปัตย์ 23 ล้านบาท พยานไม่ได้อธิบายว่ารับแล้วให้คนใกล้ชิด จึงถามว่าเมื่อได้รับเงินแล้วให้คนไว้วางใจได้เพื่อหลบเจ้าหนี้ใช่หรือไม่ ที่ถูกยึดบ้านใช่หรือไม่ เพราะถ้าไว้ในบัญชีประจวบจะถูกยึดได้
นายประจวบ : ไม่ขอตอบเพราะนอกเหนือจากนี้เป็นประเด็นส่วนตัวของผม


นายบัณฑิต : เงินที่พยานได้รับ 6 โครงการจากนายประชัยและไม่เคยให้กับพรรคประชาธิปัตย์หรือกรรมการบริหารพรรคคนใดใช่หรือไม่
นายประจวบ : ในเอกสารยืนยันไม่มี


นายบัณฑิต : รู้จัก พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์และอดีตประธานวุฒิสภาและเรียกว่าพ่อใช่หรือไม่
นายประจวบ : รู้จักแต่ไม่นาน


นายบัณฑิต : รู้จัก ร.ต.อ.อรรถกวี ขุนพินิจ เป็นนายตำรวจติดตาม พล.ต.มนูญกฤตเมื่อครั้งเป็นประธานวุฒิสภาหรือไม่ เพราะ ร.ต.อ.อรรถกวีก็นับถือ พล.ต.มนูญกฤตว่าพ่อ
นายประจวบ : ทราบทุกคนก็เรียกว่าพ่อ


นายบัณฑิต : ร.ต.อ.อรรถกวี กับ พล.ต.มนูญกฤต เคยแนะนำให้พยานไปพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2552 ใช่หรือไม่
นายประจวบ : ไม่ขอตอบ


นายบัณฑิต : แต่พยานยอมรับเคยเจอ ร.ต.อ.เฉลิม 2 ครั้งก่อนที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 20 มีนาคม 2552 นายประจวบ : จำไม่ได้


นายบัณฑิต : ถามตรงๆ เอกสารทั้งหมดนอกจาก ร.ต.อ.เฉลิมได้รับจากดีเอสไอแล้ว ร.ต.อ.เฉลิมยังได้รับจากพยานใช่หรือไม่ที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายประจวบ : ไม่ขอตอบ เพราะเกรงว่าอาจถูก ร.ต.อ.เฉลิมฟ้องผมได้


นายบัณฑิต : พยานเคยถูกธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทยฟ้องเป็นหนี้กว่า 10 ล้านบาทและไม่มีเงินชำระหนี้ ทำให้พยานเป็นบุคคลล้มละลาย และพยานยังถูกยึดบ้านที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
นายประจวบ : ครับ


นายบัณฑิต : ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2552 ได้มีการซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดโดย ร.ต.อ.อรรถกวีได้เป็นประมูลและซื้อบ้านของพยานได้ 4 ล้านบาท และให้นายประจวบอยู่บ้านหลังนั้นใช่หรือไม่
นายประจวบ : ครับ เพราะท่านสงสารผม เพราะเห็นผมประกอบกิจการ แต่ท่านก็บอกว่าพร้อมจะขายคืนให้ผมในภายหลัง


นายบัณฑิต : ร.ต.อ.อรรถกวีซื้อบ้านให้พยาน ทางพยานไม่เคยมีหนี้บุญคุณด้วย ถามตรงๆ เงินที่ได้รับมาจำนวน 5 ล้านทางฝ่ายค้านให้มาและนำมาให้ ร.ต.อ.อรรถกวีในฐานะให้ข้อมูลฝ่ายค้านเพื่อเป็นการตอบแทนและให้ไปไถ่บ้านมา 4 ล้านบาท แต่ยังใส่ชื่อ ร.ต.อ.อรรถกวีอยู่ใช่ไหม
นายประจวบ : ไม่แน่ใจ เพราะ ร.ต.อ.อรรถกวีก็มีกิจการ


นายบัณฑิต : เหตุที่ ร.ต.อ.อรรถกวีไปซื้อที่ดินและบ้านจากการขายทอดตลาดในราคา 4 ล้าน พยานไม่ยอมใส่ชื่อพยานในบ้านดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะถูกเจ้าหนี้มายึดใช่ไหม และทราบหรือไม่ว่ามีการไถ่บ้านคืนในวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 หลังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจมา 2 เดือน
นายประจวบ : ไม่ใช่ เพราะบ้านหลังนี้มีมูลค่า 7 ล้าน ผมรู้จัก ร.ต.อ.อรรถกวีเพราะผมเคยไปพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็ให้ ร.ต.อ.อรรถกวีที่มีเพาเวอร์จัดการกับธนาคารได้ช่วยหน่อย เพราะถ้าหากไม่มีเงินไปไถ่ถอนคืน บ้านหลังนี้ก็เป็นของ ร.ต.อ.อรรถกวี


นายบัณฑิต : ทราบหรือไม่ที่ ร.ต.อ.อรรถกวี จดทะเบียนพรรคประชาภิวัฒน์ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรค พรรคดังกล่าวจะขึ้นมาแทนโดย ร.ต.อ.อรรถกวี เป็นรองหัวหน้าพรรค ส่วน นายภณ รักตระกูล เป็นเลขาธิการพรรคซึ่งเป็นลูกเขย พล.ต.มนูญกฤต
นายประจวบ : ไม่ทราบและไม่เป็นสมาชิกพรรคด้วย และผมเพิ่งทราบจากท่านที่บอกว่านายภณเป็นลูกเขย พล.ต.มนูญกฤต


นายบัณฑิต : ทราบหรือไม่พรรคนี้ไม่มีหัวหน้าพรรค เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ร.ต.อ.อรรถกวีจะให้ พล.ต.มนูญกฤตมาเป็นหัวหน้าพรรค ทางพยานทราบหรือไม่
นายประจวบ : ไม่ขอตอบ เป็นเรื่องผู้ใหญ่


นายบัณฑิต : หลังจากพยานถูกฟ้องล้มละลาย พยานได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณาปติ สังขาวใช่ไหม
นายประจวบ : ครับ


นายบัณฑิต : ผมได้ถ่ายภาพบ้านพยานที่ จ.นนทบุรี ที่ได้ถูกขายทอดตลาดมามอบให้ศาลด้วยโดยจะยื่นเป็นบัญชีพยานต่อศาลไว้ โดยภาพนี้ถ่ายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นภาพบ้านพยานหรือไม่ ซึ่งบ้านดังกล่าว ร.ต.อ.อรรถกวีประมูลได้มาให้พยาน
นายประจวบ : ใช่ครับ ยามให้ไปถ่ายได้อย่างไร (หัวเราะ)