ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
เป็น ธรรมเนียมของเดือนสิงหาคม-กันยายน ของทุกปีที่ข้าราชการเมืองไทยจะวิ่งกันขาขวิดเพื่อการโยกย้ายไปสู่ตำแหน่ง ที่ใหญ่ขึ้น หรือมีช่องทางทำมาหากินได้มากขึ้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย คือ 2 หน่วยงานหลักที่มีเรื่องอื้อฉาวติดอันดับต้นๆ ของทุกปี
การโยกย้ายปีที่แล้วมีสารพัดเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับการกระโดดข้ามหัวอาวุโส พร้อมกับกระแสเงินที่สะพัด
บางเก้าอี้วิ่งเต้นด้วยเงินหลายสิบล้านบาท
พร้อมๆ กับขาใหญ่คนใหม่ ที่เพิ่งขึ้นมามีอำนาจด้านการเมือง เปิดโต๊ะซื้อขายเก้าอี้โจ๋งครึ่ม
ช่วงที่เป็นข่าวใหญ่ก็เมื่อครั้ง"จ่าเพียร"พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีตผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ต้องเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภาคใต้ จนนำมาสู่การแฉเรื่องปัญหานักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทำให้จ่าเพียรที่แต่เดิมมีชื่อย้ายมาอยู่อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อเป็นบำเหน็จปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ หลังทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างยาวนาน
แต่ท้ายที่สุดต้องถูกเตะกลับมานั่งเก้าอี้เดิม กระทั่งถูกระเบิดโจรใต้เสียชีวิต
แรกๆ ทั้งนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องต่างเหมือนให้ความสนใจ ตั้งกรรมการสอบสวนกันยกใหญ่
ที่สุดเรื่องก็เงียบหายไป
มาปีนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ต่างจากปีที่แล้ว ถ้าจะต่างบ้างคือตัวเงินที่ว่ากันว่าต้องจ่ายหนักกว่าเก่า!!
อีกส่วนหนึ่งมาจากการวิ่งเต้นที่มีมากขึ้น เพราะข้าราชการมองแล้วว่าการเกาะนักการเมือง หรือจ่ายเงินทำให้มีอนาคตที่สดใสกว่าการทำงานรับใช้ประชาชน
ไม่ใช่เพียงตำรวจเท่านั้น หากแต่ลามหนักขึ้นไปยังกระทรวงมหาดไทย ที่เริ่มควักกระเป๋าจ่ายกันมากขึ้น ตั้งแต่ระดับนายอำเภอ
หากใครไม่มีเงินก็ต้องรับใช้นักการเมืองอย่างสุดจิตสุดใจ
ในมหาดไทย ที่กำลังกล่าวขวัญกันมากคือปลัดมหาดไทยคนใหม่ "นายมงคล สุระสัจจะ" ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นบุคคลที่นายเนวิน ชิดชอบ ชื่นชมอย่างมาก
ยิ่งเห็นเส้นทางเดินจากรองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ โตพรวดๆ เป็นผู้ว่าฯ เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
ก่อนขึ้นมานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมการปกครองเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
เพียงไม่กี่เดือนถัดมาก็กลายเป็นปลัดมหาดไทย ชนิดทุบสถิติคนเก่าๆ อย่างสิ้นเชิง
ไม่นับเก้าอี้อื่นๆ ที่มีข่าวออกมาเป็นระลอกๆ ว่าผลการทำงานแทบไม่ได้นำมาพิจารณา
เน้นเพียงเงิน และคนของใครมากกว่า
รัฐบาลนี้ที่เคยออกมาตำหนิการแต่งตั้งโยกย้ายสมัยตัวเองเป็นฝ่ายค้าน
พอถึงเวลาที่ตัวเองมีอำนาจการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง นอกจากไม่ลดลงแล้วยังหนักหนาสาหัสกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าคนที่เดือดร้อนก็คือประชาชน เพราะนอกจากจะไม่ได้คนเก่ง มีความสามารถแล้ว
ยังต้องถูกรีดไถหนักขึ้นเพื่อให้ข้าราชการเหล่านี้นำเงินไปซื้อ-ขายตำแหน่งอีกด้วย!?