ที่มา ข่าวสด
สัมภาษณ์พิเศษ
ปัญหาการเมืองแทรกแซงกระทรวงมหาดไทยมีมาทุกยุค
แต่มาแรงสุดในสมัยรัฐบาลปัจจุบัน โดยกระทรวงภายใต้การบริหารของพรรคภูมิใจไทย ผ่านการกำกับจากนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคตัวจริง
ได้รับเสียงสะท้อนว่ามีเรื่องฉาวโฉ่ปูดออกมามากที่สุด
โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงมีคำวิจารณ์ว่าเล่นพวกพ้อง ทำลายระบบอาวุโสอย่างที่ไม่เคยปรากฏ
ตลอดจนเรื่องการจัดสรรงบท้องถิ่นที่ไม่เพียงกระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย แต่ยังนำใช้เป็นเครื่องมือ"ดูด"ส.ส.พรรคอื่น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย สวมวิญญาณอดีตรมว.มหาดไทย ชำแหละปัญหากระทรวงเป็นฉากๆ ไว้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน
มองปัญหากระทรวงมหาดไทยอย่างไร
มหาดไทยเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันพี่น้องประชาชน ถ้าการบริหารจัดการโดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการไร้คุณภาพ ไร้ความเป็นธรรม ขาดธรรมาภิบาล จะเกิดผลกระทบทางด้านจิตใจต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เกิดผลลบกับประชาชนไปด้วย
กระทรวงมีประเพณีปฏิบัติ มีกฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ผมเป็นรมว.มหาดไทยไม่เคยก่อความวุ่นวายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเกณฑ์เขามีอยู่แล้ว
เป็นอธิบดีกรมการปกครองได้ต้องเป็นผู้ว่าฯจังหวัดสำคัญ อย่างเชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช นนทบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เป็นต้น
กรมอื่นๆ ก็เฉลี่ยความสำคัญ บางทีเอาจากรองปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯจังหวัดใหญ่ คือต้องผ่านงานจังหวัด ผ่านงานบริหารในฐานะรองปลัด แล้วจึงไปเป็นอธิบดีกรมสำคัญ
อย่างผู้ว่าฯใหม่ มีหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นรองผู้ว่าฯ อย่างน้อย 2 ปี ต้องเป็นผู้ว่าฯจังหวัดเล็กๆ ก่อน หรือไม่ก็ขึ้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงแล้วจึงออกไปเป็นผู้ว่าฯ กลางๆ หรือใหญ่หน่อย
แต่มีรัฐมนตรีบางคนขาดกฎเกณฑ์ ขาดกติกา ไม่เคารพประเพณีและวัฒนธรรม จนปัจจุบันการแต่งตั้งไม่มีระบบ ไร้กฎเกณฑ์ กติกา
บุรีรัมย์เป็นจังหวัดสำคัญ แต่คนเป็นผู้ว่าฯบุรีรัมย์ถือเป็นจังหวัดเล็ก ไม่ใช่จังหวัดใหญ่ อย่างสมุทรปราการ จังหวัดใหญ่ก็เอาคนจากรองผู้ว่าฯขึ้นมาเป็นเลย สมัยก่อนไม่มี ต้องไปที่อื่นก่อนแล้วถึงอาจย้ายกลับมาได้
การเมืองเข้าแทรกมหาดไทยตลอด
ถูกต้อง รมว.มหาดไทยกับการเมืองแยกกันไม่ออก แต่ควรให้การเมืองแทรกแซงสัก 51 ต่อ 49 ไม่ใช่ 80 กับ 20 อย่างนี้วุ่นวาย การเมืองมันต้องมีบ้าง แต่ไม่ใช่ทำจนกระทั่งระบบจะพังแบบวันนี้
การเมืองอาจมีช่วยพรรค ช่วยพวก แต่ต้องแลดูดี ผมอุปมาอุปไมยว่าถ้าเทียบ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ 49 เปอร์เซ็นต์ 51 ก็ตบแต่งนิดหน่อย
ธรรมชาติข้าราชการ ถ้าเขาอยู่กับรัฐบาล ใจเขาก็อยู่กับรัฐบาล ไม่มีหรอกที่จะไปยืนฝั่งตรงข้าม เราทำดีให้เขาศรัทธา ให้เชื่อมั่นเชื่อถือ ให้ความเป็นธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบ
ผมอยู่คนก็เคารพ ไม่เคยเอารถประจำตำแหน่ง ไม่เอาพลขับ น้ำมัน เบี้ยเลี้ยงประชุม สวัสดิการก็ไม่เอา หน้าห้องก็ไม่หา ที่ปรึกษาก็มีท่านยงยุทธ วิชัยดิษฐ คนเดียว
สมัยก่อนเข้าเรียนนายอำเภอไม่มีข่าวเสียหาย สอบได้ตามระบบ ใครอาวุโสควรเรียนได้ก็เรียงลำดับไป ระยะหลังจังหวัดเดียวเข้าโรงเรียนนายอำเภอ 10 กว่าคน แล้วปลัดอำเภอจังหวัดอื่น ไม่มีสติปัญญาหรืออย่างไร ถึงสอบไม่ได้
ต่อมาก็พัฒนาไปเป็นว่าเข้าโรงเรียนนายอำเภอเสียเงิน แต่งตั้งนายอำเภอเสียเงิน อย่างแต่งตั้งนายอำเภอระดับ 9 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) บอกว่าไม่ชอบ คนอาวุโสไม่ได้เป็น เอาคนอื่นขึ้นมาในตำแหน่ง
แล้วมีข่าวใครเป็นโยธาธิการจังหวัดต้องเสียคนละ 3 ล้าน อยู่ไปๆ ก็ตั้งนายอำเภอชั้น 1 เสียเงิน แล้วข้าราชการที่ตั้งใจทำงานจะอยู่อย่างไร เป็นรองผู้ว่าฯเสียเงิน จังหวัดใหญ่ๆ หน่อยก็ 15 ล้าน 20 ล้าน
จริงอยู่เขาไม่ได้เอาเงินมาให้ แต่มันมีงานจะมาให้ทำในอนาคต เช่น งบฉุกเฉิน งบแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ที่ผู้ว่าฯมีอำนาจอนุมัติ จังหวัดไหนใหญ่ก็งบเยอะตาม แล้วเอาคนของตัวเองไปประมูลรับเหมา
นี่หากินกันอย่างนี้ แล้วงบกลุ่มผู้ว่าฯซีอีโอมันมีเยอะ ก็ส่งคนไปหากิน
ตอนผมเป็นรัฐมนตรีเกือบ 8 เดือน ไม่มีข่าวอย่างนี้ รมว.มหาดไทยคนนี้ อะไรที่ผมไม่เคยทำท่านทำหมด เช่น เซ็นอนุญาตนำอาวุธปืนเข้ามา แต่งตั้งโยกย้ายเอาลำดับ 54 มาเป็นปลัดกระทรวง มันไม่เคยมี
เป็นผู้ว่าฯ 1 ปี อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 7 เดือน มาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง 5 เดือน แล้วเป็นปลัดกระทรวง อย่างนี้มันมากไป ก้าวข้ามเขาไปเยอะ เกิดความลักลั่น
เห็นด้วยกับปลัดพงศ์โพยม (วาศภูติ) เสนอให้ผู้ว่าฯสัก 30 จังหวัดออกมาคัดค้านการแต่งตั้งโยกย้าย วันนี้ข้าราชการมหาดไทย ต้องลุกขึ้นปกป้องศักดิ์ศรีของท่านเอง ปกป้องศักดิ์ศรีบรรพบุรุษของกระทรวงที่เขาสร้างคุณงามความดีเอาไว้
ปล่อยไปอย่างนี้กระทรวงจะถูกย่ำยี ลูกสิงห์มันจะไม่ใช่ลูกสิงห์ กลายเป็นลูกแมว
ข้าราชการที่คัดค้านจะปลอดภัยจากการเมืองหรือ
ถ้าคุณไม่ปกป้องสถาบันตัวเองแล้วจะเป็นลูกสิงห์หรือลูกแมว นายกฯต้องรับผิดชอบด้วย ครม.ต้องลงมาตรวจสอบ ไม่ใช่ให้พรรคไหนดูแลแล้วปล่อยไปเลย บริหารราชการอย่างนี้ไม่ได้
กฎ 9 ข้อที่ว่าไว้นายกฯจะว่าอย่างไร ปล่อยให้มีเรื่องถูกครหาตลอด ถึงขนาดอดีตข้าราชการออกมาคัดค้านอย่างนี้ เขาคงถึงที่สุดแล้ว
ระยะ นี้มหาดไทยกลายเป็นกลไกของนักการเมือง แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกที่ทำทั้งหมดจะรู้สึก คิดการเมืองเหมือน 20 ปีที่แล้ว ตั้งผู้ว่าฯจังหวัดนี้ ต้องได้ผู้แทน ตั้งอธิบดีกรมปกครองท้องถิ่น ต้องได้งบไปพัฒนา ตั้งอธิบดีกรมการปกครอง ต้องได้นายอำเภอ ได้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน มันไม่ใช่
การเลือกตั้งที่สกลนคร ศรีสะเกษ และมหาสารคาม ข้าราชการระดับใหญ่ๆ ลงไปทั้งนั้น แต่แพ้พรรคเพื่อไทย จากนี้การเมืองเรื่องจัดตั้งมันได้แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีวันเลยที่จัดตั้งจะชนะ มันต้องเรื่องกระแส
กังวลเรื่องการรักษาฐานอำนาจ
ผมมองไม่เหมือนคนอื่น อย่างตั้งคนลำดับ 54 ขึ้นมา แล้วพวกที่ 1-53 เขาจะคิดอย่างไร ก่อนนี้คุณเอาลำดับ 13 มา แล้ว 1-12 คิดอย่างไร
ข้าราชการส่วนใหญ่ของกระทรวงจะแสดงพลังเงียบเพื่อสั่งสอนพรรคการเมือง รัฐมนตรี ทั้งคนเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องข้าง หรือพวกที่ปรึกษา ว่าสิ่งที่คุณทำทั้งหมดไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเขาจะหันกลับมาช่วยพรรคเพื่อไทย
เพื่อไทยกลับมาย้ายใหญ่แน่
แน่นอน ถ้าผมมีโอกาสกลับไปดูแลมหาดไทยอีกครั้ง ต้องแก้ไขความผิดพลาดให้กลับมาสู่ความถูกต้อง เยียวยาคนที่เสียสิทธิ์ เสียโอกาส แล้วเมื่อนั้นความเป็นธรรมจะกลับมา กระทรวงมหาดไทยจะมีศักดิ์ศรีอีกครั้งหลังตกต่ำมากว่า 2 ปี
เรา จะคืนความเป็นธรรม ไอ้พวกที่มาแบบแปล้บๆ ต่อไปคุณจะอ้างอาวุโสไม่ได้ มันต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่หลังจากรัฐบาลชุดนี้หมดภาระหน้าที่ เพราะวันนี้ทิ้งปัญหาให้สังคม หน่วยงานราชการ
ถึงขั้นล้างบางเลยหรือไม่
ไม่ถึงขนาดนั้น คนไหนถูกต้องชอบธรรม มีความเป็นมาพอไปได้ก็อยู่ แต่คนไหนที่มาแบบสกายแล็บ ต้องไปอยู่ที่เก่า หรือไม่ต้องไปเป็นผู้ตรวจฯให้หมด แล้วมันไม่ปั่นป่วนหรอก พวกนี้มันคนกลุ่มน้อย มีไม่กี่คนที่ได้ดีแบบก้าวกระโดด
มองจุดยืนนายกฯต่อเรื่องนี้อย่างไร
นายกฯคำนึงอย่างเดียวว่าจะอยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน ถ้าไปขัดอกขัดใจพรรคร่วมรัฐบาล กลัวเสียงสนับสนุนจะลดน้อยถอยลง ตอนนี้เลยเหมือนกับแบ่งหัวเมืองกันดู ทั้งที่จริงๆแล้วนายกฯต้องดูภาพรวม
วันนี้ ท่านกล้ามาก กล้าขนาดที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเซ็นให้ทุกเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยขอ ฟันธงไว้เลยว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เกินเดือนเม.ย.54