WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 29, 2010

ศึกในยังร้อน ศึกนอกก็แรง

ที่มา ข่าวสด



การ ที่สภาผู้แทนราษฎรโหวตผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ 2554 วงเงินกว่า 2 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 253 ต่อ 178 เสียง งดออกเสียง 14 ไม่ลงคะแนน 21

เป็นตัวเลขที่แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังยอมรับว่าฉลุยเกินคาด

เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดความหวาดระแวงกันเองภายในรัฐบาล ว่าบางพรรคร่วมอาจฉวยโอกาสดัดหลังพรรคแกนนำ เพื่อแก้แค้นที่โดน"ทุบหม้อข้าว"โครงการเช่ารถเมล์

แต่ตัวเลขเสียงโหวตที่ออกมาก็เป็นเครื่องหมายยืนยันว่ารัฐบาลยังเป็นปึกแผ่นเหนียวแน่น

ความเพลิดเพลินในการจับจ่ายงบประมาณอาจช่วยให้ปัญหาขัดแย้งภายในรัฐบาลสงบลงชั่วคราว

จากนี้ไปถือเป็นภาระหน้าที่ของประชาชนในสังคมต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะนำงบ ประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใสทุกบาททุก สตางค์

ตามที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้คำมั่นสัญญาไว้กับสภาจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตามถึงพ.ร.บ.งบประมาณฯ จะผ่านสภาผู้แทนฯ ด้วยเสียงท่วมท้น

แต่การจะบอกว่าด้วยเสียงโหวตขนาดนี้อยู่ไปอีก 5 ปีก็ยังได้อย่างที่ประธานสภาชัย ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนนั้น อาจเป็นการด่วนสรุปเร็วเกินไป

ก่อนสภาจะอภิปรายหลายคนคาดการณ์อยู่แล้วว่าถึงอย่างไรร่างงบประมาณฉบับนี้ก็ ต้องผ่าน เนื่องจากเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของนักการเมือง ส่วนผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นแค่เหตุผลบังหน้าเท่านั้น

การที่ร่างงบประมาณผ่านสภาจึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย

อย่าว่าแต่ยังมีอีกหลายปัจจัยทั้งเก่าและใหม่ ที่ส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลไม่น้อยกว่าเรื่องของงบประมาณ เช่น การทุจริตคอร์รัปชั่น การโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม ฯลฯ เป็นต้น

โดยเฉพาะผลพวงจากเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่มีคนตายถึง 91 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน

ที่นับวันยิ่งส่งผลสะเทือนต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในสายตาของคนไทยและคนต่างประเทศที่มีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์



หลังเหตุการณ์ผ่านไป 3 เดือน

ความจริงเกี่ยวกับเดือนพ.ค.53 เริ่มไหลทะลักเหมือนเขื่อนแตก ทำให้รัฐบาลไม่สามารถสกัดกั้นความจริงเหล่านั้นไว้ได้หมด

นอกจากนี้ความพยายามปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จ จริง รวมถึงการโยนความผิดไปให้ฝ่ายตรงข้าม ยังนำไปสู่ความผิดพลาดซ้ำสอง

ตัวอย่างความผิดพลาดที่ชัดเจนคือกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เร่งชงสำนวนถึงอัยการสั่งฟ้องแกนนำคนเสื้อแดง 25 คนในข้อหาก่อการร้ายและเป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค.จำนวนมาก

แต่จากนั้นไม่กี่วันก็เป็นดีเอสไอเช่นกัน ที่แถลงยอมรับยังไม่สามารถสรุปได้ว่าทั้ง 91 ศพใครเป็นคนฆ่า

ความมั่วซั่วอันเนื่องมาจากการมุ่งรับใช้ฝ่ายการเมืองเกินไป กลายเป็นช่องให้แกนนำเสื้อแดงเตรียมหยิบยกมาเป็นประเด็นเล่นงานกลับดีเอสไอ ข้อหาฟ้องเท็จ

อย่างไรก็ตามความขัดแย้งทางการเมืองภายหลังเดือนพ.ค. เริ่มมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่าไม่ใช่เรื่องที่จำกัดวงอยู่แต่เฉพาะรัฐบาล กับคนเสื้อแดงเท่านั้น

แต่เริ่มขยายวงออกไปนอกประเทศอีกด้วย

เนื่องจากในจำนวนเหยื่อ 91 ศพ มีนักข่าวต่างประเทศรวมอยู่ 2 ศพ คือ ฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพสื่อชาวอิตาลี และ ฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น

ความล่าช้าในการคลี่คลายสาเหตุการตาย ทำให้ญาตินักข่าวอิตาลีคับข้องใจถึงขนาดต้องบินมาสอบถามรัฐบาลไทยด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องผิดหวังกลับไปเพราะไม่มีอะไรคืบหน้า

ขณะเดียวกันภาพรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นบินมาวางดอกไม้ และยืนไว้อาลัยบนฟุตปาธสี่แยกคอกวัว จุดที่ช่างภาพชาวญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เมษาฯ

นอกจากเป็นการสร้างแรงกดดันทางอ้อมถึงรัฐบาลไทยแล้ว

ยังแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับชีวิตพลเมืองของตนเองแตกต่างจากรัฐบาลไทยอย่างไร



อีกตัวอย่างชัดๆ ของการเล่นเกมไล่ล่าทางการเมืองของรัฐบาล จนส่งผลลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านก็คือกรณีของกัมพูชา

ที่กว่าจะเคลียร์ได้ก็เกือบต้องฆ่ากันตาย

ล่าสุดยังเกิดกรณีของวิกเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธระดับโลกชาวรัสเซียซึ่งถูกจับกุมในไทย และจะส่งตัวให้ทางสหรัฐ

และมีข่าวลือการแอบไปตกลงผลประโยชน์กันแบบลับๆ ระหว่างรัฐบาลไทยกับมหาอำนาจสหรัฐ ซึ่งทำให้มหาอำนาจขั้วตรงข้ามคือรัสเซียไม่พอใจ

และที่เป็นเรื่องร้อนแทรกซ้อนขึ้นมาคือกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ลุกขึ้นแฉกลางสภาว่านายศิริโชค โสภา คนใกล้ชิดนายกฯ แอบไปเยี่ยมวิกเตอร์ บูท ถึงในคุก

เพื่อเจรจาต่อรองให้ความช่วยเหลือแลกกับการปรักปรำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีส่วนร่วมกับขบวนการขนอาวุธสงครามข้ามชาติ ซึ่งทางการไทยจับกุมได้ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อปลายปี 2552

ซึ่งนายศิริโชค กึ่งยอมรับกึ่งปฏิเสธว่าเคยเข้าไปเยี่ยมวิกเตอร์ บูท จริงเมื่อเดือนเม.ย.เพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่าง แต่ไม่เกี่ยวกับการต่อรองเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ

ระหว่างนายจตุพรกับนายศิริโชค อาจต้องใช้เวลาอีกระยะที่จะพิสูจน์ว่าใครพูดจริง ใครโกหก

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็สะท้อนถึงการใช้อำนาจอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนล้อมรอบตัวนายกฯ

ซึ่งนั่นหมายความว่าตัวนายกฯ เองไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ด้วยเช่นกัน หากว่าพฤติกรรมของคนใกล้ชิดเป็นการชักศึกเข้าบ้าน

ที่ไม่เพียงทำให้รัฐบาลต้องเสียหาย แต่ประเทศไทยยังได้รับความเสียหายไปด้วย