ที่มา Thai E-News
โดย คุณวาทตะวัน สุพรรณเภษัช
ที่มา เวบไซต์ vattavan
27 พฤศจิกายน 2553
ประชาชน คนไทยในกรุงแทพเมืองฟ้าอมร มีความรู้สึกแปลกใจบ้าง ตกใจบ้าง เพราะเมื่ออังคาร ที่ 22 พ.ย. 2553 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่า กทม. ลอยหน้าลอยตาเข้าไปสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 2
นาย อภิรักษ์ฯนั้น ยังมีคดีทุจริตอันเนื่องมาจากการบริหารงานใน กทม.ของเขา ที่มีการชี้มูลความผิดแล้ว และอยู่ในระหว่างกระบวนการดำเนินการ นั่นคือ
การ ทุจริตจัดซื้อรถยนตร์และเรือดับเพลิงของ กทม.ซึ่งมูลค่าความเสียหาย มากกว่าครึ่งหมื่นล้าน เป็นการสูญงบประมาณไปเปล่าๆ โดย กทม.ไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนคืนมาแม้แต่น้อย
รถดับเพลิงก็จอดทิ้ง อยู่ที่ท่าเรือ เป็นเวลาหลายปีๆดีดักจนสนิมกินแดงไปหมด เป็นการทำลายงบประมาณของ กทม.และของชาติลงไป อย่างน่าเสียดายยิ่ง
เรื่อง นี้เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้นายอภิรักษ์ฯ ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้ว่า กทม.สมัยที่ 2 ทั้งๆที่เพิ่งได้รับเลือกกลับเข้าไปหมาดๆ เพราะถูกชี้มูลความผิดในคดีอาญา จะขัดขืนอยู่ในตำแหน่งต่อ ก็ไม่อาจต้านแรงกดดัน ที่กระหน่ำมาจากรอบทิศไม่ไหว จำใจต้องลาออกไป เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน และเตรียมการไปต่อสู้คดีกันในชั้นศาลต่อไป
ข่าวเขาบอกว่า เป็นการลาออกท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้อง ของพนักงานกรุงเทพมหานคร แล้วข่าวก็ยังบอกต่ออีกว่า
ทาง กทม. ถึงกับ ทำบุญเลี้ยงพระใหญ่กันเลย!
นอก จากเรื่องทุจริตเรือและรถดับเพลิง นายอภิรักษ์ฯ ก็ยังถูกอดีตปลัด กทม. คือ คุณหญิง ณัฐนนท์ ทวีสิน ร้องเรียนกล่าวหาว่าทุจริต การจัดซื้อรถโดยสารประจำทาง ชนิดใช้ก๊าซ เอ็นจีวี ในโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที)
เมื่อปี 2547 ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 45 คัน วงเงิน 368 ล้านบาท
ซื้อกันในราคา...แพงเกินจริง!
คดี นี้ ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินไปยื่นสำนวนการไต่สวนและหลักฐานการทุจริตการจัดซื้อ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วตั้งแต่ 3 กรกฎาคม 2552 แต่ทาง ป.ป.ช.ก็ยังเล่นลูก ‘ติ๊ดชึ่ง’ จึงยังไม่มีผลอะไรออกมา
อย่าปล่อยให้ขาด ‘อายุความ’ อีกล่ะ!!
ทุก วันนี้ผู้ว่า กทม.คนปัจจุบัน คือ "คุณชายสุขุมพันธุ์" ดวงซวยแท้ๆ ที่ต้องมาแก้ไขปัญหา เรื่อง "ค่าโง่รถดับเพลิง" ซึ่งคนอาจมองว่า ท่านทำเรื่องนี้อย่างเงอะๆงะๆ ไม่ทันใจ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่า คุณชายจะต้องมาเจอะ เจอเรื่องอัปรีย์ใหญ่โตขนาดนี้!
กทม. ได้จ่ายเงินค่ากับบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอย์ ประเทศออสเตรีย มูลค่าทั้งหมด 6,687 ล้านบาท และได้จ่ายไปแล้ว 5 งวด รวมเป็นเงิน 3,125 ล้านบาท แต่ "คุณชายสุขุมพันธุ์" ระงับการจ่ายไม่ให้ธนาคารกรุงไทย ชำระค่างวดรถดับเพลิงงวดที่ 6 วงเงินประมาณ 750 ล้านบาท ไปยังธนาคารไรเฟนเซ่น ประเทศออสเตรีย คดีฟ้องร้องเพิกถอนนิติกรรม ก็ยังทำไม่ได้ เพราะต้องผ่านขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการก่อน
ที่สำคัญคือ มีค่าใช้จ่ายงอกขึ้นอีกเยอะ และต้องมาเบียดเบียนเงินของชาวบ้าน กทม.อีกแยะ เพราะอนุญาโตตุลาการนั้น เขาจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามจำนวนมูลค่าที่ฟ้องร้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 700 ล้านบาท ในจำนวนนี้ไม่รวมค่าดำเนินการ ว่าจ้างทนายความต่างประเทศ ซึ่งตกประมาณ 50 ล้านบาท เพราะเลี่ยงไม่ได้ ที่ต้องอาศัยนักกฎหมายจากต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์
เงินจำนวน 750 ล้านบาทนี้ ต้องควักจากกระเป๋า กทม.อีกครั้ง!
ที่ตลกร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือ
‘มติ ชน’ รายวัน ฉบับวันพฤหัสบดี ที่ 25 พ.ย. 2553 เพิ่งรายงานว่า ทางสภาทนายความ ซึ่ง ป.ป.ช.ว่าจ้างให้ดำเนินการฟ้องนายอภิรักษ์ฯ กำลังอยู่ระหว่างการร่างฟ้อง
ท่านผู้อ่าน ทราบไหมครับว่า
ป.ป.ช. ต้องเสียเงินจ้างทนายความ ให้ทำการฟ้องร้อง นายอภิรักษ์ฯ ซึ่งค่าจ้างฟ้องร้องเป็นเงินจำนวนเท่าใด ไม่เปิดเผย แต่ผู้สันทัดกรณีประมาณว่า ไม่น่าต่ำกว่า 10,000,000.00 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) เพราะค่าจ้างฟ้องคดีกล้ายางและหวยบนดิน สองคดีที่จบไปแล้ว แบบไม่มีใครติดคุกสักคน นั้น...
ข่าวว่า ทาง ป.ป.ช.(ทำการแทน ค.ต.ส.) ต้องจ่ายเงินให้สภาทนายความ ถึง 60,000,000.00 บาท (หกสิบล้านบาทถ้วน)
เงินที่หลวงต้องเสียหายไป ที่เกี่ยวข้องกับนาย ‘หล่อเล็ก’ นั้น รวมๆกันแล้ว มีจำนวนเท่าใด
ลองเอาเครื่องคิดเลข มาบวกลบคูณหารดูก็แล้วกัน!
ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
นาย เจอร์รี่ บราวน์ ออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ได้ทิ้งเงินไว้ให้รัฐแคลิฟอร์เนีย ถึง US$ 5,000,000,000.00 (ห้าพันล้านเหรียญสหรัฐ) แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กลับทิ้งภาระหนี้สินที่เป็นปัญหา ไว้ให้ กทม. แก้ไขอย่างมากมาย แถมยังเพิ่มค่าอนุญาโตฯและค่าทนายความ อีกกว่าค่อนพันล้านบาท
น่าตกใจจริงๆ!
ผลพวงการกระทำของนายอภิ รักษฯ ไม่ผิดอะไรกับการทิ้ง “ขี้กองโต” เอาไว้ให้ "คุณชายสุขุมพันธุ์" ต้องมาล้างตามเช็ด จนเวลาผ่านมาหลายปี แต่เราก็ยังมองไม่เห็น ‘จุดจบ’ ของมหากาพย์แห่งการทุจริต ที่น่าเกลียดน่าชังนี้
นอกจากนั้น ยังมี “ซากรถรถดับเพลิง” ที่กลายเศษเหล็กกองมหึมา เอาไว้ให้คนกรุงดูเป็นอนุสาวรีย์ ผลงาน “โลซก” ของพรรคดักดานต่อไป
ก็ ทำกันจนย่อยยับขนาดนี้แล้ว แต่ทางพรรคประชาธิเปรตยังมีน้ำหน้า เสนอคนอย่าง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ให้เป็นตัวเลือกกับคนกรุงเทพอีก ชักสงสัยว่า
ไอ้พวกนี้ มัน ‘สิ้นคิด’ หรือเปล่า?
ไม่ ใช่ผมที่มีความคิดอย่างนี้คนเดียว อยากให้ท่านผู้อ่าน ลองดูความเห็นของสื่อ อย่าง “แม่ลูกจันทร์” ของไทยรัฐ เมื่อจันทร์ ที่ 22 พ.ย.2553 ซึ่งเขียนเอาไว้ ว่า
...แม่ลูกจันทร์ไม่รู้ว่า นายกฯอภิสิทธิ์ คิดอย่างไรถึงได้จับอภิรักษ์ใส่ตะกร้าล้างน้ำกลับมาลง ส.ส.กทม.เขต 2...
แม่ลูกจันทร์ คงอิดหนาระอาใจ จึงเขียนต่อไปอีก ว่า
...ตัวเลือกอื่นๆมีให้เลือกเยอะแยะ แต่พระคุณท่านไม่เอาสินค้ามีตำหนิ มาขายคนกรุงเทพอีกแล้วโยม...
เห็นไหมครับ!!?
ท่านผู้อ่าน จำได้ไหมครับว่า
ตอน นายอภิรักษ์ฯลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว นายมาร์ค มุกควาย กลับสวนความรู้สึกผู้คน ด้วยการแต่งตั้งให้ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ครั้งนั้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า
เอาคนมีตำหนิ ถูกกล่าวหาว่าคอรัปชั่น มาเป็นที่ปรึกษา ช่างไม่เกรงอกเกรงใจประชาชนเลย!
ทำราวกับว่า “พวกกูซะอย่าง!” จะด่างพร้อยปานไหน หิวโหยเพียงใด ก็จะเชิดชูกันต่อไป!
แต่ตรงนี้...ผมเองกลับมองว่า
สาเหตุ ที่นายมาร์ค มุกควาย กล้าขัดใจชาวบ้าน แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นเพราะเขากับลิ่วล้อ ไม่ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ด้วยอำนาจแห่งประชาชน เพราะพวกเขา ‘พ่ายแพ้’ จากการเลือกตั้งใหญ่ หากแต่ขึ้นครองประเทศนี้ได้ ก็ด้วยความช่วยเหลือจากอำนาจอื่นๆรวมทั้งทหารด้วย ซึ่งผู้คนเขามองว่า
ไม่มีความโปร่งใส...และดำมืด!
ประชาชนอย่างเราๆท่าน จึงไม่มีความหมายในสายตาของโลซกพรรค์นี้
พวกเขามองประชาชน เป็นแค่ ‘ขี้ฝุ่น’ ติดขากางเกงเท่านั้น
ขี้ฝุ่นติดมากนัก...ก็ให้ทหารช่วยปัดออก!!
ขี้ฝุ่นหลุดแล้ว ก็เขี่ยเศษเนื้องบประมาณ ที่เหลือติดข้างเขียง โยนตอบแทนให้ไปบ้าง…แค่นี้ก็เรียบร้อย!!!
ดังนั้น ชาวไทยเราจะไปหวังความเกรงใจประชาชน จากพวกเส็งเคร็งเหล่านี้ ได้ยากเต็มที
ผู้ที่สันทัดในวงการเมือง เขายังวิพากษ์วิจารณ์กันต่ออีกด้วยว่า
พรรคเก่าแก่มีวิตกกังวลเรื่อง ‘พลังของคนเสื้อแดง’ เพราะสภาความมั่นคง ดันออกมาบอกว่า
จำนวน “คนเสื้อแดง” ยิ่งทวีมากขึ้นทุกที และมีกิจกรรมระหว่างกลุ่ม ในส่วนต่างๆ ของประเทศไม่เว้นแต่ละวัน!
นี่เอง คงเป็นเหตุให้แก๊งประชาธิเปรต เกิดความหวั่นไหว ไม่วางใจ ที่จะเอาผู้สมัครโนเนม หรือไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
ลงไปวัดดวง ในสนาม กทม.!
เลยต้องหันไปพึ่งบริการ ของผู้ที่โดนข้อหาทุจริต อย่างนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน
จึงอยากจะถามนายมาร์ค มุกควาย หัวหน้าแก๊งโลซกกับสมุน แบบลูกทุ่งเขาถามกันว่า
“พวกเอ็งกำลัง ‘ดูถูก’ คนกรุงเทพ หรือเปล่า!!?”
ที่ว่า ‘ดูถูก’ คนกรุงเทพ นั้นก็เพราะ...
รัฐบาลดักดานของนายมาร์ค มุกควาย นั้น ชื่อ “เหม็น” มาตั้งแต่เริ่มเข้าบริหารประทศ
ตอนเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ได้ไม่กี่วัน ก็ดันเอาของเน่าของเสีย อย่าง “ปลากระป๋องเน่า” ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน
เท่า นั้นไม่พอ ยังเสือกเอา “สินค้าเน่าๆ” ไปยัดเยียดให้ชาวบ้านอีกครั้ง ใน “โครงการไทยเข้มแข็ง” อีกด้วย แล้วตามมาด้วยเรื่องระยำคอรัปชั่นเน่าๆ ที่ออกมาสู่สายตาพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องมิได้ขาด
หนนี้ก็ยัง ทะลึ่งทำหน้าทน เอาของที่ ‘บูด-เน่า’ อย่างนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน มายัดเยียดให้คนกรุงเทพเขาเลือกซ้ำอีกครั้ง เป็นชาติบ้านเมืองอื่น เขาคงไม่กล้าทำกัน...
สันดานพรรคนี้ มันไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ!
ถามสักนิด เถอะน่า... “ของดีกว่านี้ ไม่มีปัญญาหามาได้แล้ว หรือไงวะ!!?”
ดูๆ ไปแล้ว ผมว่า “กล่องขี้” ยี่ห้อ “อ๊อกซฟอร์ด” อย่าง นายมาร์ค มุกควาย กับลิ่วล้อ ทำเหมือนไม่กลัวผู้คน เขาจะพากันไปยืนออกัน หน้าที่ทำการพรรคดักดาน แล้วชวนกันร้องตะโกน ถามเสียงลั่นว่า
“ทำไมพวกมึงเอา ‘ขี้โกง’ ลงสมัคร ส.ส.กรุงเทพ!!!?”