WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 2, 2010

‘กู๊ดบาย’พันธมิตรฯ สิ้นสุดกันที..ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน?

ที่มา บางกอกทูเดย์





“มาเป็นแสน”

คำนี้ไม่รู้แปลว่า “แสนอาดูร” หรือ “แสนสาหัส” กับภาพการรวมตัวที่ประกาศคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ “กลุ่มคนเสื้อเหลือง” พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

มันเกิดอะไรขึ้นกับ “กลุ่มพันธมิตรฯ” ทุกวันนี้?

ในอดีตคนกลุ่มนี้มิใช่หรือ? ที่ออกมารวมตัวเต็มท้องถนน และขับไล่นายกรัฐมนตรีของไทยถึง 3 คน คือ ทักษิณ ชินวัตร สมัคร สุนทรเวช และ สมชายวงศ์สวัสดิ์

โดยเฉพาะภาพของมวลชนเพียง “ไม่กี่ร้อยคน” ในวันชุมนุมกันที่หน้าสภาฯ ทั้งที่มีการป่าวประเทศตามสื่อในเครือผู้จัดการ...ทั้งที่ไม่ถูก ศอฉ. จำกัดสิทธิ์เรื่องการใช้เครื่องขยายเสียง

แต่ทำไมนับวันมวลชนพันธมิตรฯ กลับยิ่งร่อยหรอลดน้อยลง...พวกเขาไปเห็นอะไร...หรือพวกเขาไปรู้อะไรมา?

ใครบ้างจะเชื่อว่า...ก่อนหน้าที่จะมีการชุมนุมประท้วงที่หน้ารัฐสภาวันนั้น ยังมีคนเห็น “สนธิ ลิ้มทองกุล” ไปนั่งทานข้าวและหัวร่อต่อกระซิกกับ “คนในรัฐบาล” ซึ่งมีระดับเป็นถึง “รัฐมนตรี” ที่โรงแรมย่านสีลมแห่งหนึ่ง

จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นว่า...รัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรฯ กำลังจะเล่นละครอะไรให้คนไทยได้ดูกันอีก...โดยเฉพาะละครที่ว่า “มวลชนเสื้อเหลือง” ไม่มีส่วนรู้เห็น...แต่เป็น “แกนนำ” ที่รู้เห็นเต็มใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นตลอดจนพระอาทิตย์ตกดินจึงเกิดปรากฎการณ์อย่างที่เห็น นั่นคือ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก ต้องมานั่งพูดนั่งแพล่มแหกปากเรียกมวลชนผ่านทางช่อง ASTV จนแก้วเสียงแทบแตก...แต่สุดท้ายก็มีมวลชนมาเต็มที่เพียงเท่านั้น

ผู้สังเกตุการณ์รู้ได้ทันทีว่า “เจ๊ปอง” ออกอาการ “ไปไหนมา...สามวาสองศอก” เพราะหมดปัญญหาเรียกแขก...แต่จำเป็นต้องทำ เพราะมันคือหน้าที่

หญิงแกร่งแห่งพันธมิตรฯ เลยพูดยาวไปถึงเรื่อง “ทำคลอด”

ก็พันธมิตรฯ มิใช่หรือที่ทำคลอดให้ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ประคบประหงมจากเด็กที่คลานต้วมเตี้ยมจนมายืนสองขาได้แข็งแกร่ง

แต่ไม่ว่าจะออกลีลาและวาดลวดลายดุเด็ดเผ็ดมันอย่างไร...สุดท้ายเจ๊ปองก็นั่ง “ว้าเหว่” จ้อหน้าไมค์ เหมือนหญิงไร้ตัวตน

เหตุผล สำคัญของการดึงดูดมวลชนของแกนนำพันธมิตรฯ คงหนีไม่พ้นข้อมูลความเป็นจริงและความยึดมั่นใน “อุดมการณ์” และ “สัจจะ” ของการเป็นผู้นำ

“สนธิ ลิ้มทองกุล” รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ เคยแสดงพฤติกรรมอะไรให้คนหมู่มากได้เห็น...พวกเขามีสัจจะหรือไม่...พวกเขา น่าเชื่อถือหรือไม่...เชื่อว่า “มวลชนเสื้อเหลือง” (บางคน) มีคำตอบรู้อยู่แก่ใจ

อดีตมวลชนเสื้อเหลืองคนหนึ่ง ได้โพสต์ถ้อยคำระบายถึงความอัดอั้นตันใจว่าเพราะเหตุผลอะไร...ทำไมต้องสวมคอนเวิร์สแยกทาง?

เขากล่าวตอนหนึ่งว่า...ในฐานะที่เคยสวมเสื้อเหลือง ถือมือตบ เข้าร่วมต่อสู้กับพี่น้องมาตั้งแต่ปี 49 ก็ยังติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหม่อยู่ตลอด

แต่วันหนึ่งเห็น “คุณสนธิ” กำลังพูดอยู่ในจอทีวี และได้ปล่อยประโยคเด็ดว่า...

“ในอนาคตเราไม่อาจจะบอกได้ว่าจะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ แต่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมเราต้องรังเกียจการปฏิวัติ...”

นี่ คือคำพูดจากปากของคนที่เคยเป็นแกนนำพี่น้องประชาชนที่ต่อสู้เพื่อ เรียกร้องประชาธิปไตย และทุกวันนี้โดยพฤตินัยก็ยังเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย

มันเหมือนถูกชกเข้าที่หน้าอย่างจัง...ทำไมคนเป็นแกนนำจึงไม่ยึดมั่นใน อุดมการณ์...หรือความเป็นจริงคือพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ต้น

จบกัน...สำหรับความรู้สึกที่ยังรัก ยังผูกพันกับการได้ร่วมใส่เสื้อเหลือง ร่วมชูมือตบ อยู่กลางฝน ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์

จบกัน...สำหรับความรู้สึกดีๆ ของการต่อสู้ของภาคประชาชนที่ต้องการสร้างการเมืองใหม่

และสำหรับผม...จบกัน! สำหรับคำว่า “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

น่าเห็นใจกับความรู้สึกที่ต้องสูญเสียไปกับความทุ่มเทแรงใจในการยึดมั่น “อุดมการณ์” แต่หากมองใน “แง่ดี” ของเหรียญอีกด้าน...

เราคงได้เห็นความโลภโมโทสันของคน...ได้เห็นความเป็นไปตามหลักไตรลักษณ์... ได้เห็นความเข่นฆ่าทำลายล้างต่อสู้กัน...ได้เห็นการตอบสนองความต้องการกิเลส และตัณหา

สุดท้ายก็เพื่อวิ่งตะเกียกตะกายหาใส่ปากใส่ท้องของตน

หาก แกนนำไม่รีบปรับปรุงตัว...แก้ไข...และเปลี่ยนแปลง...อีกไม่นาน พันธมิตรฯ คงเหลือแต่ชื่อ...ไม่มีแม้แต่ฝุ่นผงในอากาศ...และการคาดหวังจะให้มวลชนกลับ มาเห็นด้วยและร่วมชุมนุมต่อสู้เป็นล้านเฉกเช่นอดีต

บางทีล้านนี้อาจต้องเข้าคลินิกไปปรึกษา “สมศักดิ์ โกศัยสุข”!!