WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 18, 2012

ตำรวจเบิกความคดีขายซีดี ABC – สำนักข่าวออสเตรเลียปฏิเสธออกคำแถลง

ที่มา uddred

 ประชาไท 18 กรกฎาคม 2555 >>>

17 ก.ค.55 ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญารัชดา มีการสืบพยานคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเอกชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ในความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 54 ขายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 เนื่องจากขายซีดีสารคดีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลีย และขายสำเนาเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลภาษาไทย โดยในวันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของ สน.ชนะสงคราม คือ พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ และดาบตำรวจนคร คงกลิ่น
ทั้งนี้ เอกชัย ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 มี.ค.53 และถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจนถึงวันที่ 18 มี.ค.53 จึงได้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ที่ฝ่ายจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, อานันท์ ปันยารชุน และพลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา มาเป็นพยานเนื่องจากปรากฏชื่อในเอกสารวิกิลีกส์นั้น อานนท์ นำภา ทนายจำเลย กล่าวว่า ศาลได้สั่งให้ทนายทำคำแถลงแนวทางการเบิกความเพื่อให้ศาลพิจารณาอีกครั้งใน วันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) ว่าจะอนุมัติการออกหมายเรียกพยานหรือไม่ เนื่องจากบุคคลทั้งสามเป็นบุคคลสำคัญ
นอกจากนี้ ก่อนหน้าจะมีการสืบพยาน เอกชัยได้ติดต่อไปยังสำนักงานของสถานีโทรทัศน์ ABC ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 เพื่อขอเอกสารคำแถลงจากทางสถานีเกี่ยวกับเจตนาในการจัดทำสารคดีดังกล่าว เพื่อนำมาใช้ประกอบการสืบพยานในคดีนี้ แต่ฝ่ายกฎหมายของสถานีโทรทัศน์ ABC ได้ตอบอีเมลเอกชัยกลับมาระบุว่าทาง ABC ไม่อยู่ในสถานะจะให้ความช่วยเหลือใดๆ ได้ สถานีฯ ผลิตสารคดีดังกล่าวนอกประเทศไทยและมุ่งหมายเผยแพร่แก่คนออสเตรเลีย อีกทั้งไม่ต้องการให้มีการกระทำใดๆ ดังเช่นที่เอกชัยดำเนินการ ซึ่งอันที่จริงก็อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ของสถานีฯ และทาง ABC ไม่สามารถจะแถลงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
สำหรับการสืบพยานในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการสืบพยานเริ่มต้นขึ้น เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ได้แจ้งผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีว่าผู้ไม่เกี่ยว ข้องขอให้ไปรอด้านนอก จากนั้นเมื่อผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์ ได้มีการเจรจากันระหว่าง ผู้พิพากษา อัยการ และทนายจำเลยว่า จะมีการเปิดซีดีสารคดีข่าวดังกล่าวในส่วนที่มีการกล่าวหาว่าผิดมาตรา 112 ดูร่วมกัน จากนั้นเมื่อผู้พิพากษากำลังจะกล่าวกับผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีเพื่อ ขอความร่วมมือ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวจากเดอะเนชั่น ได้รีบชี้แจงต่อศาลว่าหากให้สื่อมวลชนและประชาชนที่เข้าฟังไปรอด้านนอก น่าจะส่งผลเสียต่อภาพพจน์กระบวนการยุติธรรมไทย เช่นเดียวกับกรณีพิจารณาคดีลับของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ที่ถูกวิจารณ์อย่างมาก และรัฐธรรมนูญมาตรา 40 ก็ได้บัญญัติไว้ด้วยว่าการพิจารณาคดีต้องทำอย่างเปิดเผย ท้ายที่สุดผู้พิพากษามิได้สั่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องพิจารณาแต่ อย่างใด อย่างไรก็ตาม มีการตกลงกันอีกครั้งระหว่างอัยการ ทนายและผู้พิพากษาว่าไม่จำเป็นต้องเปิดวีซีดีแล้ว โดยทนายจำเลยแถลงว่าสามารถรับข้อเท็จจริงในส่วนที่มีการถอดความออกมาใน เอกสารที่ปรากฏในสำนวนคดีได้
นอกจากนี้ผู้พิพากษายังแนะนำว่า ในการซักถามพยาน ให้ทั้งสองฝ่ายพยายามไม่ระบุข้อความตรงไปตรงมา แต่ระบุเวลาตามเลขนาทีที่กำกับไว้ในข้อความในสำนวน อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลต้องบันทึกคำเบิกความ ศาลก็มีการอ่านทวนข้อความอีกครั้ง
พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ จาก สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เบิกความว่า จับกุมนายเอกชัยได้ที่สวนหย่อมอนุสาวรีย์ทหารอาสา ซึ่งขณะนั้นมีการตั้งเวทีย่อยของกลุ่มแดงสยาม ซึ่งจัดปราศรัยอาทิตย์ละครั้งหลังแกนนำกลุ่ม คือ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) ถูกคุมขังในข้อหาหมิ่นฯ ก่อนหน้านี้ โดยในเบื้องต้นมีสายลับที่ปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมมาแจ้งว่ามีการแอบขายซีดีที่ น่าจะผิดกฎหมาย จึงส่งคนไปล่อซื้อ จากนั้นนำซีดีมาเปิดดูและพบข้อมูลไม่เหมาะสม โดยมีเนื้อหาคล้ายการวิเคราะห์ข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศพูดถึงบทบาทสถาบัน กษัตริย์ของไทย เป็นเสียงบรรยายภาษาอังกฤษ โดยมีคำบรรยายภาษาไทยกำกับ จึงนำกำลังเข้าจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เดินทางมาโรงพัก พร้อมเซ็นรับรองว่า ธนบัตร 20 บาทที่ได้จากตำรวจที่ล่อซื้อนั้นมีหมายเลขเดียวกับธนบัตรที่เจ้าหน้าที่จัด เตรียมและลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนแล้ว
พ.ต.ท.สมยศ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นกระเป๋าของผู้ต้องหา พบซีดีของกลางยี่ห้อเมโลดีอีก 23 แผ่น และยี่ห้อเบนคิวอีก 49 แผ่น ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่ามีการโหลดคลิปของสำนักข่าวดังกล่าวมาจากอินเทอร์ เน็ตแล้วไรท์เพื่อมาจำหน่าย นอกจากนี้ยังพบสำเนาเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลภาษาไทยอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นวิกิลีกส์ฉบับวันที่ 1 ต.ค.51 และ 25 ม.ค.53 จากนั้นได้พิจารณาแล้วว่าการกระทำดังกล่าวกระทบต่อความมั่นคงและสถาบัน กษัตริย์จึงได้ หากดำเนินการล่าช้าจะยิ่งมีการเผยแพร่วงกว้าง จึงได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่บ้านของผู้ต้องหาทันทีโดยไม่มีหมายค้นและผู้ ต้องหาเป็นผู้นำไปเอง พบเครื่องไรท์ซีดี 1 เครื่อง ซีดีที่ไรท์แล้ว 69 แผ่น ที่ยังไม่ได้ไรท์อีกจำนวนหนึ่ง และเอกสารวิกิลีกส์ฉบับต่างๆ อีก 10 ฉบับ
พ.ต.ท.สมยศกล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางทั้งหมดนั้นเป็นของตนเอง แต่เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยให้เหตุผลว่า ตนเองมีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านให้กับประชาชนเท่านั้น และหากมีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมก็เป็นส่วนของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรี รัศมิ์ มิใช่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
พ.ต.ท.สมยศ ตอบทนายจำเลยถามค้านว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ของสารคดีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยว กับการดำเนินคดีตามมาตรา 112 และมีการสัมภาษณ์จำเลยหลายคนจริง ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดมาตรา 112 จำไม่ได้ว่ามีช่วงเดียวหรือไม่ แต่จำได้ชัดเจนในนาทีที่ 3.30
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนั้นยังมีการซักถามเกี่ยวกับข้อความในส่วนคำบรรยายของคลิปวิดีโอสำนัก ข่าว ABC ในส่วนที่พาดพิงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดส่วนพระองค์ นอกจากนี้ยังมีการสอบถามข้อความที่ปรากฏในเอกสารวิกิลีกส์ฉบับวันที่ 1 ต.ค.51 ซึ่งปรากฏถ้อยคำของนายสมัคร สุนทรเวช ที่ระบุถึงผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารปี 2549 โดยพ.ต.ท.สมยศตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลตามฟ้องทั้งในสารคดี ABC และเอกสารวิกิลีกส์ เป็นความจริง แต่เชื่อว่าทำให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีเสื่อมเสียพระเกียรติยศ
ขณะที่ดาบตำรวจนคร คงกลิ่น เบิกความถึงการล่อซื้อแผ่นซีดีและการจับกุม โดยระบุว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้ความร่วมมืออย่างดี เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าที่บ้านยังมีซีดีอีกไหม ผู้ต้องหาก็ตอบว่ามี และนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นที่บ้านพักย่านลาดพร้าวโดยดี