ที่มา ประชาไท
Sun, 2012-09-30 02:10
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยที่ จ.ตราด โต้ปกมติชนสุดสัปดาห์ยัน
“ชายใจดำ” อยู่ต่างแดน หลอกคนมาชุมนุม
แล้วเอากองกำลังติดอาวุธมาป่วนจนทำให้ผู้ชุมนุม-ตำรวจ-ทหารเสียชีวิต
แถมยังใจดำกับประเทศไทย ลั่นจะขอสู้เพื่อประชาชนคนไทย จะไม่ยอมให้
“ชายใจดำ” เอาชายชุดดำมาป่วนบ้านป่วนเมือง ทำลายโอกาสประเทศไม่จบสิ้น
เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์
รายงานว่า เมื่อเย็นวานนี้ (29 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปที่
ศูนย์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จ.ตราด เพื่อปราศรัยเวที “เดินหน้า
ผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ – ออกฎหมายล้างผิดคนโกง”
ตอนหนึ่งของการปราศรัย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ทุกคนมาในวันนี้ จะรักผม
หรือจะรักใครก็ตาม ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับว่าทุกคนที่มาที่นี่รักความถูกต้อง
รักความเป็นธรรม และรักประเทศไทย เพราะที่เราจัดเวทีกันทุกวันเสาร์
และมายืนอยู่ตรงนี้เราไม่ได้มาพูดเรื่องการหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์
เราไม่ได้แม้แต่จะมาขับไล่รัฐบาล แต่สิ่งที่เรามา
เรากำลังเรียกร้องแทนพี่น้องคนไทย แทนประเทศไทยว่า
รัฐบาลจะต้องอยู่บนความถูกต้อง อย่าเอาผลประโยชน์ของใคร คนใดคนหนึ่ง
อย่าเอาผลประโยชน์ของพวกพ้อง อย่าเอาผลประโยชน์ของพรรค
อย่าเอาผลประโยชน์ทางการเมือง ทางการเงิน มาอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
และชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้อง
อัดรัฐบาลใช้เงินเป็นแสนล้าน แต่น้ำยังท่วม ทำให้ประชาชนเป็นหนี้
“วันนี้เวทีนี้เช่นเดียวกัน ไม่ได้มาไล่รัฐบาล แต่มาเรียกร้องว่า
จนถึงวันนี้รัฐบาลก็ยังไม่ได้เอาใจใส่ที่จะเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่
น้องประชาชน ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ในกระบวนการประชาธิปไตย
ต้องการและคาดหวังให้รัฐบาลเข้าไปแก้ไข”
วันนี้ผมมาที่นี่ ผ่านจังหวัดระยอง ผ่านจังหวัดจันทบุรี มาถึงที่นี่
ก็ต้องขอถือโอกาสนี้ครับ
เพราะว่าปีที่แล้วได้มีโอกาสไปเยี่ยมพี่น้องชาวปราจีนบุรีซึ่งประสบกับปัญหา
น้ำท่วม วันนี้ตอนออกมาก็ได้อ่านข่าวชัดเจนว่า
พี่น้องชาวปราจีนบุรีประสบภัยเป็นรอบที่ 2 แล้ว ซึ่งท่านรองหัวหน้าพรรค
อลงกรณ์ พลบุตร ได้รับมอบหมายจากพรรคฯ
ให้เข้าไปในพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนแล้วก็ได้ทำไปโดยร่วมกับอาสาสมัครจำนวนมาก
ผมอยากให้พวกเราปรบมือเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวปราจีน ฯ ส่งใจ กำลังใจ
ไปยังพี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วม
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์วิจารณ์โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลว่า
ปีนี้รัฐบาลใช้เงิน แสน 2 หมื่นล้าน โดยไม่ขอบอกรายละเอียดให้กับสภา
ขอให้ไว้วางใจนายกฯ เอาเงินแสน 2 หมื่นล้านไปแก้ปัญหาน้ำท่วม
ขอสภาว่ามีเงินอีก 6 หมื่นล้านให้นายกฯ
ยิ่งลักษณ์ไว้ใช้ในการดูแลแก้ไขปัญหาที่เป็นเรื่องฉุกเฉิน จำเป็นเร่งด่วน
และที่สำคัญที่สุดครับ ขอเงิน ขอไปกู้เงินอีก 3 แสน 5 หมื่นล้าน
โดยไม่เข้าสู่ระบบงบประมาณปกติเพื่อจะไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
“วันนี้แสน 2 หมื่นล้าน ใช้หมดแล้ว 6
หมื่นล้านใช้หมดแล้วในนั้นใช้เป็นเรื่องน้ำท่วมอาจจะประมาณ 2-3 หมื่นล้าน
และล่าสุดรายงานไปว่า 3 แสน 5 หมื่นล้าน อนุมัติไปแล้วประมาณ 3 หมื่น ถึง 5
หมื่นล้าน ใช้เงินไปแล้วประมาณพันกว่าล้าน สรุป 1 ปีที่ผ่านมา
รัฐบาลใช้เงินไปแล้วไม่ต่ำกว่าแสน 5 หมื่นล้านที่บอกว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วม
พอมาถึงปีนี้เป็นยังไงครับ ... สุโขทัยท่วมแล้ว พิจิตร พิษณุโลก ท่วมแล้ว
อยุธยาท่วมแล้ว ฝนตกหนักอีกหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ
ทั้งในต่างจังหวัดท่วมแล้ว และที่ภาคตะวันออกของเรา ปราจีนฯ สระแก้ว
ท่วมแล้ว พวกเราไม่ได้มาไล่รัฐบาลครับ แต่พวกเราต้องการคำตอบจากรัฐบาลว่า
เมื่อไหร่จะเอาใจใส่ดูแลว่า เงินที่เอาของประชาชนไปจากภาษีอากร
และจากที่ทำให้ลูกหลานเราต้องเป็นหนี้ 3 แสน 4 แสน 5 แสนล้าน
เอาไปใช้ที่ไหนอย่างไร ทำไมสถานการณ์น้ำท่วมจึงไม่ได้แตกต่างจากปีที่ผ่านมา
ในหลายจังหวัดในขณะนี้”
“นี่เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งเรายังเรียกร้องอยู่
แล้วก็จะติดตามอย่างละเอียดว่า สรุปแล้วเงินเป็นแสนล้านหายไปไหน
พวกผมเริ่มตรวจสอบกันแล้วครับ แล้วก็คงจะได้มีโอกาสนำเสนอต่อไปว่า
ถ้าบริหารจัดการเงินแบบนี้ใช้ไม่ได้ มีทั้งการทุจริต
ข้าราชการไปตรวจพบการทุจริต ถูกย้าย
และมีการใช้จ่ายเงินซึ่งผมไล่ดูตามจังหวัดที่น้ำท่วมแต่ละจังหวัด
บางจังหวัดไปเป็นพันล้าน ได้ไปหลายร้อยล้าน
แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์การบริหารจัดการน้ำดีขึ้น
นี่เรื่องหนึ่งละครับที่เราบอกว่า เราไม่ได้ไล่รัฐบาล”
นโยบายจำนำข้าวเกษตรกรไม่ได้ประโยชน์ และจะเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้เวียดนาม
นายอภิสิทธิ์วิจารณ์นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลด้วยว่า
“นโยบายที่เคยมาให้คำมั่นสัญญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ
คือพี่น้องเกษตรกร ถึงวันนี้เกิดอะไรขึ้น พี่น้องติดตามข่าวสารเห็นไหมครับ
ตอนนี้มีเกษตรกรที่ต้องผูกคอตายเพราะเข้าโครงการจำนำข้าวแล้วไม่ได้เงิน
แล้วเวลานี้ปัญหาโครงการจำนำข้าวชัดเจนมากขึ้นทุกวัน
เกษตรกรไม่สามารถเอาข้าวไปจำนำได้
เพราะนโยบายนี้เก็บข้าวเข้าไปจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว
และนโยบายนี้ใช้เงินเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท
และรัฐบาลก็พยายามผลักภาระไปให้ ธกส. ธนาคารต่าง ๆ ออกเงินไปก่อน
แต่เขาก็ไม่ไหวแล้ว เพราะรัฐบาลไม่เอาเงินมาคืนเขาสักที”
“และที่สำคัญที่สุดในอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ครับ
นอกจากข่าวที่ครึกโครมออกไปทั่วว่ามีนักวิชาการ
ทนไม่ไหวแล้วบอกว่านโยบายอย่างนี้เจ๊งแน่ ขาดทุนปีละแสนล้าน มีการทุจริต
คอร์รัปชั่นมากมาย เกษตรกรจำนวนมากก็ไม่ได้ประโยชน์
แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือว่า เราสูญเสียความเป็นแชมป์การส่งออกข้าว
แล้วคนที่มาให้ข่าวที่ผมว่าคนไทยรู้สึกเจ็บมากที่สุดก็คือรัฐมนตรีของประเทศ
เวียดนาม ที่เขาบอกว่าเขามั่นใจว่าจากนี้ไปในอนาคตเขาจะเป็นแชมป์ส่งออกข้าว
และที่เขาเป็นแชมป์ส่งออกข้าว แซงประเทศไทยได้
เขาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ใช้นโยบายจำนำข้าว นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้น”
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงปัญหาราคายางพาราตกต่ำด้วยว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
สัญญาไว้ตอนต้นปีว่าราคายางพาราจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท
แต่จนถึงวันนี้ก็ยังขยับไปไม่ถึงร้อย ใช้เงินไปแล้วหมื่น 5 พันล้าน
ขออนุมัติจาก ครม.ไปอีก 3 หมื่นล้านครับ เราก็บอกนี่ต่างหาก
ปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่ยากครับ
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายจำนำข้าวจากนักวิชาการในประเทศ
ต่างประเทศ อาทิตย์ที่ผ่านมา มีเสียงมาจากแดนไกล จากคน 1 คน
ที่บอกว่านโยบายนี้ต้องเดินต่อ อีก 2 ปี 3 ปี 4 ปี
จะขาดทุนเท่าไหร่ก็ต้องเดินต่อ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
“ให้จับตาดูว่าจะมีคนบางคนมีความสุขกับนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาลกลายเป็นเจ้า
มือใหญ่ในการค้าข้าวและมีการแสวงหาผลประโยชน์กัน เพราะซื้อแพง ขายถูก
ภาระเป็นของประชาชน แต่รั่วไหลตรงไหน
ได้ประโยชน์กันตรงไหนเป็นของคนหยิบมือเดียว
นี่คือสิ่งที่เราเรียกร้องว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องแก้ไข”
อัดรัฐบาลยังคิดปรองดองจอมปลอม ล้างผิดทักษิณ
นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ ได้ปราศรัยว่า
“เพราะจนถึงวันนี้ความพยายามเรื่องการปรองดองจอมปลอม
คือการจะล้างผิดให้กับทักษิณ ในเรื่องการทุจริต
ก็ยังคงเป็นเป้าหมายของรัฐบาลชุดนี้อยู่ ดูเหมือนจะเงียบไป แต่ไม่ใช่
เดี๋ยวคุณนิพิฏฐ์ (อินทรสมบัติ) จะมาเล่าให้ฟังว่า
เขากำลังวางแผนทำโครงการที่เรียกว่าสานเสวนา ขอเงินไป 90 ล้าน
เพื่อที่จะอ้างว่าไปทำประชาพิจารณ์
สานเสวนาแล้วสรุปว่าประชาชนสนับสนุนกฎหมายปรองดอง และการรื้อรัฐธรรมนูญ
เพื่อเป้าหมายกลับไปที่เดิมครับ ล้างผิดให้กับคนโกง
เราถึงต้องเอาความจริงเหล่านี้เล่าอย่างต่อเนื่อง กฎหมายปรองดอง 4 ฉบับ
ยังอยู่ในวาระการประชุมสภา แล้วคุณทักษิณ
และหลายคนส่งสัญญาณอยู่อย่างต่อเนื่องนะครับว่า ตอนนี้รอจังหวะ
โดยบอกว่าเป้าหมายไม่เกินสิ้นปีนี้จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
และจะกลับมาประเทศไทย”
“พี่น้องยอมหรือเปล่าล่ะครับ เพราะถ้าพี่น้องยอม รับรองว่า
ภายในสิ้นปีนี้เขาทำสำเร็จแน่ ถ้าพี่น้องบอกไม่ยอม แต่อยู่เฉย
ผมก็ยืนยันว่า เขาทำสำเร็จแน่ แต่ถ้าไม่ยอมแล้วช่วยกันบอกต่อ ๆ ไปว่า
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สังคมจะยอม และต้องแสดงออกด้วยว่าไม่ยอม
ผมยังเชื่อครับว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ เราไม่ได้ห้ามคุณทักษิณกลับบ้าน กลับได้
แต่มารับโทษตามกฎหมายเสียดี ๆ ใช่มั้ยครับพี่น้องครับ
(ผู้ฟังการปราศรัยตอบว่า - ใช่) นี่คือสิ่งที่เราเรียกร้อง
และเรารู้ไงครับว่า ความพยายามที่จะผลักดันกฎหมายปรองดองนั้น
เขาจึงใช้ทุกวิธี”
ชี้รัฐบาลจะล้างผิดให้คนที่สั่งฆ่าประชาชนพ่วงคนโกง
“วันนี้หลังจากที่เขาพยายามมาหลายเดือนครับ
ทำกระบวนการพยายามที่จะกดดันผม กดดันคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ
โดยอ้างว่าเหตุการณ์เมื่อปี 2553 จะต้องนำมาสู่การจับผม และคุณสุเทพ
มาลงโทษ เขาต้องการกดดันบอกว่า ถ้าผมและคุณสุเทพ ไม่ยอมไปผ่านกฎหมายปรองดอง
ซึ่งจะล้างผิดให้กับคนผิดในปี 53 ที่ผมเสียดายว่า
พี่น้องเสื้อแดงไม่ได้ฟังนั้น ไม่ได้ฟังตรงนี้”
“กฎหมายที่รัฐบาลนี้กำลังทำนั้น กำลังจะล้างผิดให้ใครก็ตามที่ทำผิดในปี
53 จะสั่งฆ่าประชาชน หรืออะไรก็ตามที่คุณพยายามกล่าวหานั้น
กฎหมายนี้ล้างผิดให้หมด เพราะเขาต้องการอย่างเดียว
ทำอย่างไรก็ได้ให้ล้างผิดคนโกงไปด้วย เขาเลยกดดันมาโดยตลอด
พยายามเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ แต่เขียนไม่ได้หรอกครับ ความจริงคือความจริง”
“เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลได้ตัดสินอีก 1 คดีครับ
ผมฟ้องคุณจตุพรอยู่ 4 คดี คดีแรกตัดสินไปแล้ว ศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว
คดีที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือคุณจตุพร กล่าวหาว่าผมกับคุณสุเทพ
วางแผนฆ่าประชาชน อ้างว่ามีการประชุมกัน สุดท้ายศาลพิพากษาว่า
สิ่งที่นายจตุพรพูด นายจตุพรคิดเอง ทำขึ้นมาเอง เพื่อที่จะยั่วยุ
เพื่อที่จะปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง ศาลจึงลงโทษจำคุก 6 เดือน
แต่ยังรอลงอาญา นี่คดีที่ 2 ผมก็จะอุทธรณ์ไปละครับ อุทธรณ์ไปว่า
เนื่องจากศาลลงโทษคดีแรกไปแล้ว ก็ไม่น่าจะต้องรอลงอาญาในคดีนี้
ให้ติดคุกไปเลย”
“และผมจะต้องอุทธรณ์เพราะว่าในประเด็นที่ 2 ที่ฟ้องไปนั้น
ศาลบอกว่าจตุพรหมิ่นประมาทที่มากล่าวหาผมว่าหนีการเกณฑ์ทหาร ใช้เอกสารเท็จ
แต่เนื่องจากจตุพรเอาเอกสารมา ศาลบอกว่าเป็นการติชมได้ โดยสุจริตได้
โดยไม่ได้วินิจฉัยเรื่องข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ก็เลยยกฟ้องไป
ผมก็จะอุทธรณ์ด้วย”
จวกแกนนำเสื้อแดงบิดเบือนประวัติศาสตร์ไม่หยุด ด้วยการเปิดคลิปตัดต่อเสียง
“แต่สิ่งที่ผมย้ำก็คือว่า คุณบิดเบือนประวัติศาสตร์ไม่ได้
และความพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ไม่หยุดนะครับ เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา
ยังมีเสื้อแดงเอารถที่เปิดคลิปเสียงผม ตัดต่อเนี่ยครับ
ที่อ้างว่าผมพูดว่าจะสั่งฆ่าประชาชน สร้างสถานการณ์นั้น
ยังมาเปิดอยู่หน้าพรรคฯ ตอนนี้ผมรวบรวมหลักฐานไว้ครับ จริง ๆ
ไม่อยากขึ้นศาลอีก แต่คงต้องเอาอีกซักคดีครับ งานนี้
เพราะผมไม่ต้องการให้มีการบิดเบือนความจริง”
จวกแกนนำเสื้อแดง เพื่อไทย เป็นโรคมองไม่เห็นชายชุดดำ
“แล้วเขาพยายามมากครับ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ
เฉลิม ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ ตอนหลังเป็นโรคที่พิสดารที่สุด
ผมเคยได้ยินแต่คนที่ตาบอดสี คือไม่เห็นสีที่เป็นสี
มองไปเหมือนลักษณะเป็นขาวดำ แต่เกิดโรคใหม่ขึ้น คือโรคไม่เห็นสีดำ
ไม่เห็นชายชุดดำครับ เพิ่งเกิดขึ้นที่นี่ ในประเทศไทย
เป็นกันมากก็โรคนี้ระบาดอยู่แถวพรรคเพื่อไทย ในหมู่แกนนำเสื้อแดง
ระบาดอยู่แถวกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้วก็คงระบาดอยู่ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด
กับมติชน”
ปฏิเสธ ไม่มีชุดดำ ไม่มีชุดดำ ชุดดำเป็นวาทกรรม
แต่นับวันตอนนี้รายงานจากคนที่เขาเป็นกลาง เป็นอิสระ ความคืบหน้าในหลายคดี
และการที่คนหลายคนทนไม่ไหว เอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มา จะเป็นภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว และหลักฐานอื่น ๆ วันนี้ชัดเจนครับว่าชายชุดดำมีจริง
และเราจะเดินหน้าต่อในการผ่าความจริงเร็ว ๆ นี้จะมี
ผ่าความจริงตอนพิเศษว่าด้วยเรื่องชายชุดดำเป็นการเฉพาะให้ประชาชนทั้งประเทศ
และคนเสื้อแดงได้รู้ว่า
ที่สุดแล้วความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาจากการวางแผนเอากองกำลังติดอาวุธ
มาปะปนอยู่กับการชุมนุม เพื่อหวังให้เกิดการปะทะ การสูญเสีย การตาย
แล้วมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง อดใจรอสักนิดครับ”
จะออกหนังสือฉีกหน้ากาก ให้เห็นว่ามีคนสร้างเรื่องเท็จ และไม่มีการปรองดองอยู่ในใจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่าจะออกหนังสือเล่มใหม่ เพื่ออธิบายเหตุการณ์ในปี
2552 และ 2553 “และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันครับ
ผมก็กำลังจะออกหนังสือเล่มใหม่ออกมา ที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งในปี 2552
และ 2553 เพื่อที่จะฉีกหน้ากาก คนที่พยายามโกหกกล่าวเท็จ
สร้างเรื่องตลอดเวลา แล้วชี้ให้เห็นว่า
การปรองดองที่เขาพูดถึงนั้นมันไม่ได้มีอยู่ในใจของเขาเลย
วันอังคารที่ผ่านมา พี่น้องเห็นไหมล่ะครับ
ที่กลุ่มคนที่ไปให้กำลังใจครูคนหนึ่ง ซึ่งเขาพยายามที่จะปกป้องสถาบันฯ
ต้องมาเจอกับกลุ่มเสื้อแดง แล้วก็ปะทะกัน ตีกัน เลือดตกยางออกอีก
ไหนล่ะครับ รัฐบาลที่มีนโยบายปรองดอง พูดอะไรบ้างที่บอกว่า
จะพยายามหาทางไม่ให้ปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้นอีก”
ชี้ ปชป.ถูกรังควาญมาตั้งแต่ปี 49 ถูกปาอิฐในปี 51 โดยที่ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปี 53
“ไม่มีการพูดไปเลยครับว่าทำไมล่ะ
ไม่ปล่อยให้คนที่เขาจัดกิจกรรมทางการเมือง ต่างคนก็ทำไป
ไม่ใช่คุณตามไปรังควาญเขาไปทั่ว แล้วแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งมาบอกว่า
ห้ามไม่ได้หรอก เพราะคนเสื้อแดง ทำเรื่องนี้เนื่องจากเจ็บแค้นผม
กับคุณสุเทพ ที่ไปสั่งฆ่าประชาชน ผมบอกได้คำเดียวครับ โกหก”
“ทำไมโกหก ถ้าทั้งหมดเกิดจากการที่มีเหตุการณ์ปี 2553 ผมถามว่า ปี 49
ผมไปเปิดเวทีปราศรัยที่เชียงใหม่ เสื้อแดงมาไล่ตี พังเวที
ขว้างของใส่อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ใส่ผม มันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ปี 53
ซึ่งยังไม่ได้เกิดขึ้น ผมถามว่าปี 2551 ผมได้รับเลือกตั้งเป็นนายกฯ
คุณองอาจนั่งรถออกมาจากสภา มีความผิดข้อเดียวคือเลือกผมเป็นนายกฯ เอาอิฐ
เอาตัวหนอนปาใส่รถคุณองอาจ พยายามจุดไฟเผา ศาลตัดสินจำคุกไปแล้ว
มันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ปี 53 ซึ่งยังไม่ได้เกิดขึ้น ผมถามว่าปี 2552
ไปพังเวทีการประชุมอาเซียนที่พัทยา
มันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น ปี 53
แล้วที่มาทุบรถผมที่กระทรวงมหาดไทย สารพัดเหตุการณ์ ทำคนนางเลิ้งตายไป 2 คน
ผมจึงสรุปคำเดียวว่าคุณโกหก”
และหยุดได้แล้ว ผมบอกว่าปล่อยให้คนฟังเรื่องโกหกมามาก
พวกเราขอพูดความจริงบ้าง แล้วเราจะเอาความจริงเหล่านี้เปิดเผยอีก
วันพฤหัสที่ผ่านมา คุณเฉลิมมาตอบกระทู้ถามคุณนิพิฏฐ์ถาม
บอกกระบวนการยุติธรรมตอนนี้เป็นยังไง รัฐมนตรียุติธรรมอยู่ดี ๆ
เอาตัวเองไปพยายามประกันตัวเจ๋ง ดอกจิก พยายามไปล็อบบี้คนที่เป็นอธิบดี
หรือระดับนั้นในศาล กระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างไร
ดีเอสไอซึ่งเคยสอบเหตุการณ์ 10 เมษา ถึงขั้นรู้ตัวว่า ใครเป็นคนทำให้
พล.อ.ร่มเกล้า เสียชีวิต วันนี้ทำไมคดีเหล่านี้หายไป เฉลิมมาตอบ
ถามคดีร่มเกล้า ตอบคดีนายพัน คำกอง แล้วก็ตอบไม่หมด ผมก็บอกว่า
ตอบอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ เพราะที่ตอบก็พูดไม่ตรง กรณีนายพัน คำกอง
ศาลเพียงแต่บอกว่า ในการชันสูตรเพื่อไต่สวนว่าตายเพราะเหตุใดนั้น
ศาลเชื่อว่ากรณีที่เกิดการตั้งด่านแล้วมีรถตู้พยายามฝ่าด่านมา
มีการยิงรถตู้ นายพัน คำกองนั้น วิ่งออกมาดูเหตุการณ์ เลยพูดง่าย ๆ ก็คือ
โดนลูกหลงไปนั้นเกิดการเสียชีวิต แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่คุณเฉลิมบอก
อันนี้เป็นเจตนาฆ่า แล้วคนเจตนาฆ่าคือผมกับคุณสุเทพสั่งให้ไปฆ่า ผมบอก
ไม่ได้
ลั่นยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ขอให้ “นายใหญ่” มาเข้าด้วย
ผมยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่เคยปฏิเสธ ถามคุณเฉลิมดีกว่าว่า
นายใหญ่คุณน่ะ ทำไมไม่มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
และยอมรับกระบวนการยุติธรรมบ้างล่ะครับ
ผมบอกเฉลิมไปแล้วงานนี้ห้ามมีไอ้ปื้ด เวลานี้มันจะมีไอ้ปื้ด ภาคพิศดาร
ไอ้ภาคก่อนนั้นคนหนึ่งยิง แต่กลายเป็นไอ้ปื้ดยิง ภาคนี้จะบอกว่า
ไอ้ปื้ดเป็นใครไม่รู้ยิง ไม่ต้องรู้ว่าไอ้ปื้ดเป็นใคร แต่เอาคนสั่งมาลงโทษ
ไม่มีตำรากฎหมาย ไม่มีกระบวนการยุติธรรมที่ไหนในโลกทำอย่างนี้
แล้วสุดท้ายคุณเฉลิมก็เลยบอกว่า เอาละ ๆ เราไม่พูดเรื่องว่า
เจตนาในมุมที่ว่าอยากให้เกิดขึ้น หรือว่าจงใจให้เกิดขึ้น แต่พูดบอกว่า
ต้องเล็งเห็นผล ถ้าเล็งเห็นผลถือว่าเจตนา ก็ดีครับ
เพราะในวันเดียวกันขณะนี้ผมเห็นแล้ว มติชน ข่าวสด
เริ่มจะคลายอาการมองสีดำไม่เห็นแล้ว เปลี่ยนแนวใหม่บอก ไม่เป็นไร ชายชุดดำ
มีก็มี แต่ไม่สำคัญเท่ากับ ชายใจดำ
บอกมติชน-ข่าวสด “ชายใจดำ” ตัวจริงคือผู้ที่หลอกคนมาชุมนุม แล้วเจอกองกำลังติดอาวุธป่วนจนเสียชีวิต
“แต่ว่าชายใจดำของมติชน ข่าวสด ผมบอกได้ มองผิดคนแล้ว ชายใจดำ ตัวจริง
คือคนที่เล็งเห็นผลว่า เอาคนที่รักสนับสนุนตัวเองทางการเมือง หลอกเขามา
บอกว่ามาชุมนุม เอากองกำลังติดอาวุธมายั่วยุ มาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย
ให้กับเหตุการณ์บ้านเมือง จนผู้สนับสนุนเหล่านั้นเสียชีวิต นี่ชายใจดำ
ตัวจริงอยู่ต่างแดน
“ใจดำกับผู้สนับสนุนตัวเองไม่พอ ใจดำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
ที่ต้องมาเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ไม่พอ ใจดำกับประเทศไทย
ใจดำกับประเทศไทยในคำพูดที่ว่า ถ้าผมอยู่ไม่ได้
ก็อย่าให้คนอื่นอยู่ได้อย่างมีความสุข ชายใจดำ ตัวจริง”
“ถ้าหนังสืออย่างมติชน ข่าวสด เขียนเป็นเรื่องอื่น เรื่องชายใจดำ
ไม่ต้องไปอ่าน อ่านก็ได้ แต่อย่าไปซื้อ ผมอยากจะย้ำครับ เรามาถึงจุดนี้แล้ว
เราต้องชี้ให้เห็นชัดว่าสุดท้ายปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากใคร
และวันนี้อย่าเอาความใจดำกับประเทศ มากดดัน มาใช้เล่ห์ มาใช้อำนาจรัฐ
มาใช้อำนาจเงิน เพียงเพื่อที่จะเอาเงิน 4 หมื่น 6 พันล้าน
หรือจะเอาเรื่องของการที่ตัวเองถูกศาลตัดสินลงโทษแล้วล้างผิดไปง่าย ๆ
เพราะเราไม่ยอมครับ พวกเราจะไม่ยอม แล้วก็จะปักหลักสู้ ผมยืนยัน
และก็ยืนยันแทนคุณสุเทพ เพราะตอนนี้คุณสุเทพไม่อยู่ อาทิตย์หน้ากลับมาแล้ว
ว่าจะกดดันพวกผมอย่างไร จะพยายามข่มขู่ คุกคาม จะเอาไปต่อรองอย่างไร
ไม่เป็นผลหรอกครับ พวกผมสู้ต่อ เพราะผมไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง
พวกเราสู้เพื่อประเทศไทย และประชาชนคนไทย”
“เราจะไม่ยอมให้ ชายใจดำ ที่เอา ชายชุดดำ มาป่วนบ้าน ป่วนเมือง
ทำลายประเทศและทำลายโอกาสของประเทศไม่จบไม่สิ้น
เราจะยืนยันว่าประเทศนี้จะอยู่บนความถูกต้อง ความเป็นธรรม
และยึดมั่นผลประโยชน์ของส่วนรวมตลอดไป ใช่ไหมครับ”