ที่มา ประชาไท
Mon, 2012-10-01 21:22
(1 ต.ค.55) พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)
แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ว่า
ที่ประชุม กสท.
มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การแบ่งสัดส่วนคลื่นความถี่สำหรับการให้บริการ
โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล
สาระสำคัญของหลักเกณฑ์กำหนดให้แบ่งสัดส่วนคลื่นความถี่สำหรับผู้ประกอบ
กิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล
ในช่วงการออกอากาศแบบคู่ขนานในระบบแอนะล็อกและระบบดิจิตอล ออกเป็น
บริการชุมชนไม่น้อยกว่า 20% บริการสาธารณะประมาณ 20% และบริการธุรกิจประมาณ
60% และในช่วงหลังจากยุติระบบแอนะล็อกและให้บริการระบบดิจิตอลอย่างเดียว
จะแบ่งสัดส่วนคลื่นความถี่ออกเป็นบริการชุมชนไม่น้อยกว่า 20%
บริการสาธารณะประมาณ 30% และธุรกิจประมาณ 50%
พ.อ.นที กล่าวว่า ทั้งนี้
ในช่วงการออกอากาศแบบคู่ขนานในระบบแอนะล็อกและระบบดิจิตอลจะมีช่องรายการ
Digital Tv จำนวน 48 ช่องรายการ แบ่งเป็น ช่องรายการที่เป็นการบริการชุมชน
12 ช่องรายการแบบ Standard Definition (หรือ SD)
ช่องรายการที่เป็นการบริการสาธารณะ 12 ช่องรายการแบบ SD
ช่องรายการที่เป็นการบริการธุรกิจ 24 ช่องรายการ ซึ่งจะจัดแบ่งย่อยออกเป็น 4
กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ช่องรายการสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว 5
ช่องรายการ กลุ่มที่ 2 ช่องรายการสำหรับข่าวสาร และสาระประโยชน์ 5
ช่องรายการ กลุ่มที่ 3 ช่องรายการทั่วไปแบบ SD 10 ช่องรายการ กลุ่มที่ 4
ช่องรายการทั่วไป แบบ High Definition (หรือ HD) 4 ช่องรายการ
การดำเนินการหลังจากนี้ จะนำหลักเกณฑ์นี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม
กสทช. ในวันที่ 10 ตุลาคม 2555 ก่อนจะนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อไป
พ.อ.นที กล่าวว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
จะมีการให้ใบอนุญาตผู้ประกอบการโครงข่าย
และดิจิตอลทีวีในกลุ่มช่องบริการสาธารณะ จากนั้นในช่วงเดือนมีนาคม 2556
จึงเปิดให้มีการประมูลช่องรายการในกลุ่มธุรกิจ
และในกลุ่มช่องบริการชุมชนในเดือนพฤศจิกายนปี 2556 ซึ่ง
กสท.ยังได้ให้คณะอนุกรรมการศึกษาในเรื่องของการกำหนดอัตราถือครองช่องรายการ
ขั้นต่ำของผู้ประกอบการ
โดยจะทำการประเมินจากศักยภาพด้านการดำเนินงานของผู้ประกอบการ
พ.อ.นที กล่าวว่า ส่วนราคาตั้งต้นของการประมูล
ขณะนี้กำลังรอผลการศึกษาจากทีมอนุกรรมการ
แม้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะสามารถรู้ผลเมื่อไร
แต่คาดว่าราคาที่ออกมาได้จะไม่สูงมากนัก
เนื่องจากต้องการให้ผู้ประกอบการนำเงินลงทุนไปใช้ในการสร้างเนื้อหารายการ
ดีๆ มากกว่าเอามาใช้ลงทุนประมูล
ทั้งนี้ในการศึกษาการกำหนดราคาจะใช้วิธีการประเมินมูลค่าคลื่นเช่นเดียวกับ
การคิดมูลค่าในกิจการโทรคมนาคม
พ.อ.นที กล่าวว่า
นอกจากนี้ในส่วนของเนื้อหารายการหากผู้ประกอบการจะนำช่องรายการที่มีการแสดง
ความคิดเห็นทางการเมืองสนับสนุนเสื้อสี หรือกลุ่มพรรคการเมือง ในเบื้องต้น
กสท.สามารถอนุญาตให้ทำได้ แต่ห้ามฝ่าฝืน ม.37
พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551
ว่าด้วยการไม่เผยแพร่รายการที่ออกอากาศจะต้องไม่กระทบกระเทือนหรือดูหมิ่น
สถาบันกษัตริย์ แสดงออกโดยจงใจก่อให้เกิดการเหยียดหยามประเทศชาติ รัฐบาล
เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือกลุ่มชนใด ลบหลู่ศาสนา ปูชนียบุคคล
ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีของคนในชาติ
หรือกระทบต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ ขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม
และขนบธรรมเนียมอันดีงาม กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ
ยั่วยุกามารมณ์หรือลามกอนาจาร
รวมทั้งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้พรรคการเมืองห้ามเป็นเจ้าของสื่อ
ที่มา: บางส่วนจากมติชนออนไลน์