ที่มา มติชน
"ชัยสิทธิ์"แจงแค่แผ่เมตตา ปปช.เอาผิด"ขวัญชัย"หนัก "ผู้การอุดร"เจอวินัยร้ายแรง
"พะจุณณ์"สวด"อดีต ผบ.สส."ร่วมพิธี"แก้กรรมแม้ว"พวกไร้สาระ อายชาวบ้านทำกองทัพหมดไว้วางใจ เตือนควรให้เกียรติกัน เผย"ป๋าเปรม"เฉยๆ ไม่เชื่อหมอดู "ชัยสิทธิ์"โต้แค่แผ่เมตตาให้ศัตรู อย่าคิดมากมองแง่ร้าย เล่นการเมืองมากไปไม่จบ ลั่นลูกผู้ชายตัวจริงไม่มีลับๆ ล่อๆ มติ"ป.ป.ช."ส่งสำนวนอัยการฟ้อง"แม้ว" คดีปล่อยกู้ ธ.กรุงไทย นปช.อ้างเหตุสภาเลื่อนถก รธน. "คปพร."ประกาศตั้งเวทีสนามหลวง 19 ก.พ. ระดมพลร่วมเสื้อแดงบุกทำเนียบ 24 ก.พ.
@ ผบ.สส.ชี้สืบชะตาไม่กระทบมั่นคง
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ไม่ทราบเจตนารมณ์กรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. และอดีต ผบ.ทบ. ไปร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงทำพิธีสืบดวงชะตาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีการเขียนชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญมากมายใส่ลงในบาตรพระขณะทำพิธี โดยให้สัมภาษณ์ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ถึงการทำพิธีดังกล่าวว่า ถือเป็นพิธีของคนต้องการจะทำ อาจเป็นการช่วยทำบุญก็ได้ เหมือนตนเวลาไปทำบุญประชาชนก็เขียนชื่อตนและเอาไว้ใต้ฐานพระก็ได้ อยากให้คิดในทางที่ดี ที่สร้างสรรค์ ทั้งนี้ เรื่องไสยศาสตร์บางคนเชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ ถือเป็นส่วนประกอบในความคิด เรื่องความเชื่อแต่ละคนเราบอกกันไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องการให้เกิดความแตกสามัคคีหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่ทราบ อาจจะต้องการให้เป็นข่าวก็ได้ และคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพราะเรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องที่จับต้องได้ ซึ่งทุกคนมีความเคารพนับถือศรัทธา พล.อ.เปรมทุกคน
"ผมเคารพวิจารณญาณของประชาชน เคารพความรู้สึก ความรับผิดชอบแต่ละท่านที่เกิดมาบนแผ่นดินไทย ที่มีความภูมิใจในความเป็นคนไทย มีความรักชาติและเผ่าพันธุ์ อยู่รวมกันมีจุดรวมอันเดียวกัน คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ความเป็นคนไทยอยู่ในสายเลือด สมัยก่อนคนเราอยู่ในหมู่บ้าน ตำบลเดียวกัน เวลากินข้าวก็กินหม้อเดียวกัน มีการแบ่งบัน ให้เพื่อนบ้านรับประทานเป็นครอบครัวเป็นหมู่บ้าน แต่สมัยนี้ทำไมเราต้องมาแยกข้าวหม้อแกงหม้อ แต่เชื่อมั่นว่าประเทศไทยอยู่มายาวนาน ไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนได้ ความเป็นคนไทยยังมีอยู่ หันหน้าเข้าหากันคุยกัน" พล.อ.ทรงกิตติกล่าว
@ "เด็กป๋าเปรม"ซัดพวกไร้สาระ
ด้าน พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี กล่าวว่า คงต้องไปถามคนที่ทำ ทำไมถึงทำเช่นนั้น อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ตนไม่รู้ว่าใครริเริ่ม "ผมมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ คนที่ไปทำเรื่องนี้ และเชื่อเกี่ยวกับเรื่องหมอดู ผมคิดว่า เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี และอย่าไปใส่ใจ เพราะผมไม่รู้ว่าคนที่ทำเรื่องนี้มีระดับความคิดแค่ไหน คงไปทำห้ามให้เขาทำหรือไม่ให้ทำไม่ได้ แต่การกระทำสามารถบ่งบอกอะไรได้มาก โดยเฉพาะคนที่ทำมีโลกทรรศน์แค่ไหน ซึ่งผมเห็นแล้วสงสารมากกว่าที่ไปทำแบบนั้น เพราะขณะนี้ชาติบ้านเมืองต้องการให้เกิดความสงบและเดินหน้าต่อไป
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ไปร่วมพิธีและมีการพาดพิงถึง พล.อ.เปรมที่ทหารให้ความเคารพนับถือ พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า เราให้เกียรติในความเป็นรุ่นพี่ แต่เขาทำจะให้เกียรติใครหรือไม่ให้เกียรติใครเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่ตนจะให้เกียรติให้ฐานะที่เป็นทหารรุ่นพี่ เรื่องความคิดห้ามกันไม่ได้ แต่ทหารจะทำอะไรควรระมัดระวัง และจะต้องนึกถึงน้องๆ ที่ยังรับราชการอยู่ เพราะเรามีหน้าที่ในการดูแลชาติบ้านเมืองและช่วยเหลือประชาชน
@ เตือนเป็นทหารอย่าไปปล่อยไก่
"ทหารมีภารกิจที่ชัดเจน ประชาชนอาจมองว่าจะไปฝากฝังชาติบ้านเมืองได้อย่างไร ซึ่งการทำเช่นนี้อาจทำให้เกิดความเสียหาย นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่รับราชการอยู่ หรือออกจากราชการไปแล้ว การจะทำอะไรต้องคิดถึงน้องๆ ที่ยังอยู่ในราชการ โดยเฉพาะเรื่องของความไว้วางใจที่ประชาชนมีให้กองทัพ เพราะหากเป็นเช่นนี้กองทัพเกิดความเข้าใจผิด น้องๆ ทหารเวลาเดินออกไปจะอายคนอื่นเขา"
เมื่อถามว่า พล.อ.เปรมรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นภาพข่าวที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า ไม่เห็น พล.อ.เปรมพูดอะไร เฉยๆ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.เปรมไม่เชื่อเรื่องหมอดู และยิ่งเรื่องนี้ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ ทั้งนี้เห็นว่าคนที่เป็นทหารต้องช่วยกัน อย่าไปปล่อยไก่ เพราะจะอายชาวบ้านเขา การที่มีความคิดเช่นนี้จะทำให้เราอาย ทหารที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองควรให้เกียรติกัน
@ "อภิสิทธิ์"เล่นมุขบอกเกิดไม่ทัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ร่วมพิธีทำบุญสืบชะตา พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีการเปรียบ พ.ต.ท.ทักษิณในชาติปางก่อนเป็น "เจ้ามูลเมือง-เจ้าษิณ" ว่า "ผมไม่ขอวิจารณ์ เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย ผมเกิดไม่ทัน"
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีการใส่ชื่อ พล.อ. เปรมและนายธานินทร์ กรัยวิเชียร องค์มนตรี ลงในบาตรพิธีกรรมดังกล่าวด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้
@ "ชัยสิทธิ์"แจงแค่แผ่เมตตาอย่าคิดมาก
ขณะที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางร่วมพิธีแก้กรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องนี้มีกำหนดการมานานแล้ว ตนไม่เกี่ยว เผอิญไปที่ จ.เชียงใหม่ พอดี จึงมีการเชิญตนไปเป็นประธาน งานนี้มีการกรวดน้ำ แผ่เมตตาให้ประชาชนคนไทยทุกคนเป็นมิตร ไม่ให้เป็นศัตรูกัน รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ความจริงไม่มีอะไร ซึ่งการไปครั้งนี้มีการจัดงานอยู่แล้ว จึงกำชับว่าทำอย่างไรก็ได้ให้คนไทยรักกันและเทิดทูนสถาบัน ซึ่งการแผ่เมตตาใครก็ทำกัน เจ้ากรรมนายเวรว่ากันไปไม่น่ามีปัญหา เพราะไม่ได้สาปแช่งใคร
เมื่อถามว่า งานพิธีดังกล่าวมีการเขียนชื่อ พล.อ.เปรมและนายอภิสิทธิ์ลงบาตรด้วย พล.อ. ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่ามีหรือไม่ เพราะไม่เห็น แต่หากมีก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะแผ่เมตตาไปให้ มีการแผ่เมตตาให้ศัตรู คือ ให้ศัตรูเจริญจงเป็นสุขเป็นสุขเทิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย ไม่เห็นมีอะไร อย่าไปคิดอะไรมาก "เพราะไม่ได้ไปสาปแช่ง ตำพริกตำห่าอะไร เพียงแต่อุทิศส่วนกุศลให้เป็นสุขเป็นสุขเถิด เป็นเรื่องปกติแผ่เมตตาธรรมดา"
@ สวนกลับมองแง่ร้าย-ขัดแย้งไม่จบ
เมื่อถามว่า ภาพที่ออกมาดูจะรุนแรงไป โดยเฉพาะมีคนเสื้อแดงมาร่วมจำนวนมาก พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า พยายามที่จะโยงกัน ความจริงไม่ใช่ งานที่จัดขึ้นอยากให้ประเทศชาติเกิดความสงบไม่รู้ทำไมมีคนไปจุดชนวนเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง ขณะนี้ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตนเองไป สักวันต้องมาจับมือกัน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน หากมัวไปจับประเด็นมาชนกันรับรองไม่มีทางจบ ประเทศชาติและคนไทยจะเดือดร้อน
"พิธีดังกล่าวเพื่อไถ่โทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำอะไรมา ให้หมดเวรกันไป ถือว่าเป็นของดีทั้งนั้น เราตั้งใจด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากไปมองอย่างอื่นช่วยไม่ได้ ทั้งนี้ อยากให้เขียนชื่อผมไปด้วยก็ได้ ไม่มีปัญหา เพราะจะได้ไม่มีเวรมีกรรมกับใคร ทั้งนี้ อยากฝากนักการเมือง อย่าเล่นการเมืองให้มากเกินไป เพราะจะไม่จบ อยากให้ดำเนินการตามธรรมชาติ เอาของจริงมาพูด ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ไหน และไม่มีการพูดคุยกัน แต่คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงปลงแล้ว" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า การสืบชะตาเชื่อว่า พ.ต.ท. ทักษิณจะพ้นกรรมในอดีต พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความเชื่อโบราณของคนในพื้นที่ เพราะ เขาไม่มีทางออกอื่น จึงคิดว่าเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตาม พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ จะได้แก้ไขให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ การที่ตนเข้าร่วมกิจกรรมดีเสียอีก เพราะเขาลดทิฐิไปเยอะ โดยเฉพาะเกี่ยวกับสถาบัน ตนบอกว่าไม่ได้นะ เราเป็นคนไทยต้องรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกอย่างอย่าไปแตะต้องให้ระคายเคือง ตนลูกผู้ชายตัวจริงว่ากันซึ่งหน้า ไม่มีลับๆ ล่อๆ
@ พท.ปัดไม่เกี่ยวสืบชะตา"แม้ว"
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ และชาวบ้านเสื้อแดงที่รักและศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เหมือนกับวันที่ใกล้หวยออกแล้วชาวบ้านไปหาเลข ไปดูเรือโบราณหรือดูกบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสังคมกำลังงมงายอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีที่พึ่ง เพราะการบริหารของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น หรือการจะหันไปพึ่งพากระบวนการยุติธรรม ก็ยังเชื่อถือไม่ได้ ชาวบ้านจึงต้องหันไปพึ่งไสยศาสตร์
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในด้านประวัติศาสตร์ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีเรื่องเจ้าเมืองมูลหรือเจ้าษิณ ตามที่ชาวบ้านพูดกัน เพราะเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ล้านนาหรือเป็นนิยายปรัมปราที่เล่าต่อๆ กันมาเหมือนเรื่องกระสือหรือวิญญาณในภาพถ่าย ซึ่งก็เชื่อว่า คนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
ส่วนที่มีการเขียนชื่อประธานองคมนตรีและองคมนตรีลงในบาตรนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าจะกระทบกระเทือนกับพรรค เพราะพรรคไม่ได้สั่งให้ใครไปทำแบบนี้
@ "มาร์ค"ยื้อให้รอปปช.สรุป7ตุลาฯ
ส่วนความคืบหน้ากรณีรัฐบาลไม่มีการรายงานรายละเอียดผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงเรื่องนี้ ว่า ปกติจะไม่มีการเปิดเผยผลการสอบ แต่ได้หารือในที่ประชุม ครม.เพื่อขอมติ ครม. โดยได้หารือกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ เนื่องจากต้องเป็นไปตามเกณฑ์ และมีการคุ้มครองพยานด้วย เท่าที่ได้อ่านคิดว่าไม่มีประเด็นที่เป็นปัญหาในแง่การเปิดเผย จึงให้นายสาทิตย์ไปดู ไม่จำเป็นต้องนำเข้า ครม. เปิดได้มากที่สุดเท่าที่จะเปิดได้
เมื่อถามว่ารู้สึกพอใจกับผลสอบที่ออกมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พอใจไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากคณะทำงานคนที่สอบสวนยังระบุว่าไม่รู้สึกพอใจ คนสอบบอกเองว่าต้องหยุดทำงานเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ เป็นคณะทำงานที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นผู้แต่งตั้งโดยมีนายปรีชา พานิชวงศ์ ประธานคณะกรรมการอิสระฯ ได้ส่งผลการสอบก่อนที่รัฐบาลนายสมชายจะหมดวาระ ระบุว่าสอบต่อไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้รับความร่วมมือ แต่เมื่อนายสมชายพ้นวาระ คณะกรรมการอิสระฯก็ต้องพ้นวาระไปด้วยตามคณะกรรมการตามคำสั่งสำนักนายกฯ
"ส่วนจะสอบใหม่หรือไม่นั้นคงไม่ต้อง เพราะทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนตั้งคณะกรรมการสอบอีกหนึ่งชุด สรุปสถานการณ์เบื้องต้น แล้วส่งสำนวนให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะสอบได้ละเอียดที่สุด ชี้ผิดถูกที่สุดคือ ป.ป.ช. ระยะเวลาในการเปิดเผยข้อมูลนั้นจะทำให้เร็วที่สุด" นายอภิสิทธิ์กล่าว
@ "สุเทพ"ยันไม่ออกกม.คุมม็อบ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า ภายในวันสองวันนี้ จะรีบนำตำรวจที่ทำคดีมาแถลงให้ทราบถึงความคืบหน้า เพราะรู้ว่าสังคมอยากรู้ และถ้าอยากรู้อะไรก็ให้ไปซักกันในวันนั้น
เมื่อถามว่า ในอนาคตรัฐบาลมีแนวคิดจะออกกฎหมายควบคุมชุมนุมในพื้นที่สาธารณะหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มี เพราะกฎหมายที่มีอยู่ ก็ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกคนต้องเคารพกฎหมายเท่านั้นเอง
@ ปปช.ชี้มูลคดีคนรักอุดรทำร้ายพธม.
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษก ป.ป.ช.แถลงผลการประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้พิจารณาเรื่องกล่าวหา นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กับพวก ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปล่อยให้กลุ่มประชาชนจำนวนมากพร้อมอาวุธหลายชนิดบุกเข้าทำร้ายประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี
"จากการพิจารณาสำนวนไต่สวน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 กลุ่มชมรมคนรักอุดรได้กระจายข่าวว่าจะจัดการชุมนุมขึ้นในวันที่ 24-25 กรกฎาคม ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง และต่อมากลุ่มพันธมิตร จ.อุดรธานีจะ จัดการ ชุมนุมเช่นกัน โดยวันที่ 24 กรกฎาคม ได้ทำหนังสือถึงจังหวัดอุดรธานีเพื่อขอใช้สวนสาธารณะหนองประจักษ์ ทั้งนี้ นายสุพจน์ อดีต ผู้ว่าฯอุดร ธานีได้ประชุมส่วนราชการต่างๆ เพื่อสรุปความพร้อมในการรักษาความสงบการ ชุมนุม และมอบหมายให้ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์เป็น ผู้ควบคุมบังคับบัญชาปฏิบัติการทั้งหมด โดยกำชับนโยบายเด็ดขาดไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละกลุ่มทำร้ายกัน"
@ สำนวนระบุ"ขวัญชัย-อุทัย"ปลุก
"ทั้งนี้ ในวันที่ 24 กรกฎาคม ชมรมคนรักอุดรโดยการนำของนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา นักจัดรายการวิทยุ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดเวทีปราศรัยที่ทุ่งศรีเมืองเพื่อขับไล่กลุ่มพันธมิตร โดยในเวลา 15.00 น. นายขวัญชัย และนายอุทัย แสนแก้ว แกนนำกลุ่มชมรมคนรักอุดร ปลุกระดมผู้ชุมนุมให้เคลื่อนขบวนจากทุ่งศรีเมืองไปขับไล่และขัดขวางการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตร โดยฝ่าแนวกั้นของตำรวจและเจ้าหน้าที่จังหวัด พร้อมอาวุธ เข้าไปในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ และทำร้ายทำลายทรัพย์สินและร่างกายของกลุ่มพันธมิตร จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก โดยระหว่างที่เกิดเหตุ นายสุพจน์ และนายยุทธนา วิริยะกิตติ ปลัดจังหวัดอุดรธานี ได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอด แต่ไม่ได้เดินทางไประงับเหตุ ขณะที่ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ไม่ได้ใส่ใจที่จะติดตามดูแล ควบคุมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มชมรมคนรักอุดรจนเกิดเหตุการณ์ทำร้ายประชาชนเกิดขึ้น"
@ ผู้การอุดรฯทิ้งหน้าที่ผิดวินัยร้ายแรง
นายกล้านรงค์กล่าวว่า ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของนายสุพจน์ นายยุทธนา พ.ต.อ.ภัทราวุธ เอื้อมศศิธร พ.ต.อ.บุญลือ กอบางยาง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี มีมูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ส่วน พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ฐานละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายต่อราชการ
"ขณะที่นายขวัญชัยทั้งที่เป็นข้าราชการเมืองแต่กลับยุยงส่งเสริมกลุ่มชมรมคนรักอุดรให้ใช้กำลังอาวุธบุกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของประชาชน การกระทำของนายขวัญชัยจึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนนายอุทัยมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนให้นายขวัญชัยกระทำผิด มีความผิดตามมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 เช่นเดียวกัน"
นายกล้านรงค์กล่าวอีกว่า ได้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษกับผู้มีความผิดทางวินัย และส่ง ให้อัยการสูงสุดดำเนินการส่งฟ้องนายขวัญชัย กับนายอุทัย ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป โดยโทษ สำหรับความผิดตามมาตรา 157 นั้นมีตั้งแต่จำคุก 1-10 ปี ปรับ 2,000-20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
@ ส่งคดีกรุงไทยให้อัยการฟ้องแม้ว
นายกล้านรงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังมีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการส่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพวก กระทำผิดต่อตำแหน่งราชการตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีที่ปล่อยให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อจำนวนมากโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ต่อไป หลังจากคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดได้ทำการพิจารณาพยานและหลักฐานเป็นเวลากว่า 6 เดือนจนเสร็จสิ้นแล้ว โดยคดีนี้ ป.ป.ช.รับโอนมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551
สำหรับคดีนี้มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. กับอัยการพิจารณาสำนวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท. ทักษิณ และพวก กระทำผิดกฎหมาย กรณีให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อแก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งมีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 3 ราย ประกอบด้วย บริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเตรียล พาร์จ จำกัด และการอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ บริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านบาท โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ในคดีนี้นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยังประกอบด้วย ผู้บริหารของธนาคารกรุงไทยในขณะนั้น อาทิ นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ ด้วย
@ พธม.บุกให้กำลังใจรองผบ.ตร.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กลุ่มพันธมิตร 30 คน ซึ่งมีนายตี๋ แซ่เตียว ผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาดจากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม พร้อมภรรยา นำกระเช้าดอกไม้และผลไม้มามอบให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เพื่อขอบคุณที่ทำหนังสือกำชับให้ตำรวจใน จ.อุดร ธานี ดูแลความสงบเรียบร้อยในการจัดชุมนุมสัญจรที่ ต.หนองประจักษ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยไม่เกิดเหตุรุนแรง พร้อมให้กำลังใจในการทำคดีสังหารชิปปิ้งหมู และคดีทนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่ง พล.ต.อ.ธานีได้ออกมารับมอบด้วยตนเอง
@ นปช.ฉุนสภาเลื่อนรธน."คปพร."
วันเดียวกัน นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร เลื่อนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรม นูญ (คปพร.) ว่า จะต้องพิจารณาในวาระแรกๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็เลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่การพิจารณากรอบการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) ซึ่งเราเข้าใจว่ามีความสำคัญจึงรับได้ แต่ครั้งนี้แค่ต้องการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อยกร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กลับเอามาแซงกันดื้อๆ ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลไม่เห็นหัว ไม่ให้เกียรติประชาชน
@ ตั้งเวที19ก.พ.สนามหลวงระดมพล
"เพื่อตอบโต้ กลุ่ม นปช.จะเปิดเวทีปราศรัยการทำงานของรัฐบาลที่สนามหลวงในวันที่ 19-23 กุมภาพันธ์ เพื่อชำแหละให้ประชาชนทราบถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่รับพิจารณารัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร. การไม่ให้ความเป็นธรรมกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง เช่น กรณี ป.ป.ช.ชี้มูล ให้คนเสื้อแดงมีความผิด จากกรณีที่ปะทะกับกลุ่ม พธม.ที่ จ.อุดรธานี เป็นต้น โดยกลุ่ม นปช.จะปักหลักอยู่ที่ท้องสนามหลวงจนกระทั่งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ก็จะยกพลไปรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งคาด ว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน เพื่อปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล