WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 30, 2009

รัฐบาลแห่งชาติ...ลมหายใจสุดท้ายเผด็จการอมาตย์

ที่มา thaifreenews

เขียนโดย ปูนนก
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2009 เวลา 23:07 น.

title

เวลานี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 กำลังเข้าตาจนอย่างหนัก หันไปทางไหนก็มีแต่ทางตันและความมืดทึบไปหมด ไม่สดใสปลอดโปร่งเหมือนกับที่เริ่มตั้งรัฐบาลใหม่ ๆ เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว

ในเวลานั้นอะไร ๆ ก็ดูดีไปหมดมีแต่คนดาหน้าออกมาให้ความการสนับสนุน พันธมิตรก็ส่งเสียงเชียร์, ทหารก็คอยปกป้อง, อมาตย์ก็ออกมารับรอง, สื่อมวลชนก็ชื่นชม, ที่สำคัญยังแย่งตัว ส.ส. ให้แยกตัวมาจากพรรคเดิมมายกมือให้ได้อีกด้วย เรียกว่าปกป้องประคบประหงมยิ่งกว่า “แพนด้าน้อย” ที่เพิ่งคลอดในเมืองไทยเสียอีก... แต่ทว่าเวลาผ่านไปเพียงแ่ค่ 6 เดือนไอ้ที่เคยน่ารักกลับไม่น่ารักเสียแล้่ว

อ่านเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่


การบริหารประเทศล่มสลายอย่างสิ้นเชิงในทุก ๆ ด้าน ประชาชนต่างกลายเป็นคน “ไพร่ฟ้าหน้ามืด” กันเป็นแถว ๆ เพราะบริหารแบบไม่บริหาร มีแต่ “กู้” กับ “ขึ้นภาษี” ไม่รู้อนาคตจะ “ขายสมบัติ” ชาติ (อย่างที่พูดเอาไว้) อีกด้วยหรือเปล่า ราษฎรเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ไ่ม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน เดือดร้อนเท่าเทียมกัน รอบบ้านก็เป็นศัตรูกับเขาไปทั่ว ร่ำ ๆ จะเกิดสงครามไม่เว้นแต่ละวัน

เผด็จการอมาตย์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลที่บริหารขับเคลื่อนประเทศไปได้แม้จะไม่ดีนักแต่ก็ขอให้บริหารไปได้บ้าง แล้วจะใช้สื่อมวล, นักวิชาการ, และองค์กรอื่น ๆ ที่อยู่ในสังกัด เข้ามาส่งเสียงเชียร์เพื่อจะให้คนลืมความสุขในสมัยรัฐบาลท่านนายกทักษิณให้ได้ เพราะแม้ว่าประชาชนจะได้ไม่เท่าแต่การที่ได้บ้างก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย....แต่ที่ไหนได้กระแสทุกด้านกลับรุมเร้าหนักขึ้น และยิ่งหนัก ขึ้นจากการบริหารแบบ “กู้ ๆ” อย่างนี้

พันธมิตรที่เคยอุ้มชูพรรคประชาธิปัตย์อย่างออกหน้าออกตามาก่อน กลับกลายเป็นผู้ที่ออกมาประท้วงพวกเดียวกันเสียเอง โดยหยุดการเดินรถไฟสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ก็พากันออกมาขย่มรัฐบาลกันเป็นทิวแถว จนรัฐบาลอภิสิทธิ์ ต้องแบ่งปันผลประโยชน์จนเป็นที่พอใจกันทุกฝ่าย กิจกรรมขู่กรรโชกรัฐบาลโดยจับประชาชนเป็นตัวประกันจึงยุติลง

ไม่เพียงเท่านั้นรัฐมนตรี และ ส.ส. จำนวนมากของพรรคกำลังอยู่ในภาวะกระอักกระอ่วน เพราะไม่รู้ว่าตนเองจะถูกถอดถอนจากการถือครองหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐหรือเปล่า ขณะเดียวกันกลุ่ม ส.ว. กำลังจะโดนสอยร่วงระนาวด้วยกรณีเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดกำลังเดินเข้าไปสู่เส้นทางสุดท้ายของผู้กำหนดที่ยิ่งใหญ่คือ ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง ที่เผด็จการอมาตย์มีอำนาจครอบคลุมอยู่อย่างไม่อาจหลีกหนีพ้นได้

ดูอย่างไรรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์คงยากที่จะรอดพ้นการยุบสภาไปได้ เพราะยิ่งอยู่นานพรรคประชาธิปัตย์ก็ยิ่งทำลายตัวเองมากเท่านั้น ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลก็ร่วมกันทวงคำสัญญาที่เคยให้กันเอาไว้ก่อนการรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลขย่มจนรัฐบาลเป๋ไปเป๋มา และยิ่งหลังผ่านการเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนคร และศรีสะเกษ มาแล้ว กระแสพรรคเพื่อไทยและชูท่านนายกทักษิณ ยังคงเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย เผด็จการอมาตย์คงไม่เหลือทางเลือกอื่นใดในการที่จะรักษาอำนาจเอาไว้ได้อีกแล้ว... ที่จะยอมให้เกิดการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหญ่ทั่วไปนั้นก็มองเห็นแล้วว่า เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของท่านนายกทักษิณ คงจะชนะการเลือกตั้งมาเป็นแน่

อาวุธทุกชนิดก็ใช้ออกไปจนหมดแล้ว จะใช้พลังของกลุ่มพันธมิตรก็คงไม่ได้แล้วเพราะตั้งพรรคการเมืองไปแล้ว จะใช้พลังคนเสื้อสีน้ำเงินเนวินก็จะไปไม่ไปแหล่รอวันสิ้นอำนาจคงไม่มีใครกล้ัาเสี่ยงเข้าร่วมด้วย จะใช้อำนาจตุลาการบ่อยนักก็เป็นการทำลายตนเองเพราะแค่ที่ผ่านมาก็เสื่อมจนไม่รู้จะเสื่อมอย่างไรแล้ว ครั้นจะใช้กำลังทหารออกมายึดอำนาจอีกครั้งก็ไม่แน่ใจว่าคราวนี้จะสำเร็จง่ายๆ เหมือนครั้งก่อนอีกหรือเปล่า รวมความแล้วก็คือเผด็จการอมาตย์ไม่มีหนทางให้เลือกอีกแล้ว เหมือนการวิ่งหนีศัตรูบนถนนตรง ๆ ที่ไม่มีหนทางหลบหลีก จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากยังคงวิ่งหนีต่อไปตราบเท่าที่ยังมีแรงเท่านั้น แล้วในที่สุดก็ล้มลงขาดใจตาย

วิธีสุดท้ายที่เสี่ยงที่สุดและเป็นจุดแตกหักกับประชาชนมากที่สุดที่เผด็จการอมาตย์จะนำมาใช้ก็คือ การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลแห่งชาตินี้่จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วย ส.ส. , ส.ว., และ กกต. ถูกถอดถอนออกจนหมด ทำให้เกิดสุญญากาศในทางการเมือง จัดการเลือกตั้งไม่ได้.....แต่ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ โอกาสที่จะทำให้เกิดมีรัฐบาลขึ้นมาได้ก็คือต้องให้มีรัฐบาลแห่งชาติที่เผด็จการอมาตย์เป็นผู้เลือกสรรมาดำรงตำแหน่ง จึงจะทำให้เผด็จการอมาตย์จะยังครองอำนาจได้อีกต่อไป

แต่ทว่าการจะทำให้เกิดรัฐบาลแห่งชาติขึ้นนั้นในครั้งนี้จำเป็นต้องแลกมาด้วย “ความศรัทธา” ทีสูงลิบลิ่ว เพราะประชาชนไทยในเวลานี้ต่างก็รู้และเห็นกันจนหมดสิ้นแล้วว่า “ใคร” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความล่มสลายและความเลวร้ายของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ นับจากวัน “ตาสว่าง” เป็นต้นมา ต้นทุนความศรัทธาที่มีอยู่ของคนในชาติได้ถูกใช้ไปจนเกือบจะหมดสิ้นแล้ว ยังคงเหลือ “สายใยบาง ๆ” แห่งความศรัทธาอยู่อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งถ้าเกิดมีการแต่งตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ที่ไม่ไ้ด้มาจากการเลือกตั้งขึ้นมาอีกละก็ สายใยที่ว่านี้คงจะขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีชิ้ันดีแน่นอน

ทางเลือกเดินของเผด็จการอมาตย์ไม่เหลือให้เลือกอีกแล้ว ถ้าสายใยบาง ๆ ของความศรัทธาที่ประชาชนมีอยู่นี้หมดสิ้นลง ประเทศนี้คงจะมีหน้าประวัติศาสตร์ที่เศร้าสลดมากในยุคของพวกเรานี่แหละ.....อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้สำหรับ รัฐบาลแห่งชาิติ ก็ใช่ว่าจะปิดประตูเสียเลยทีเดียว เพราะอย่างไรคนไทย ก็ยังคือคนไทย เป็นผู้ที่ชอบความสงบสันติมากกว่าชอบใช้กำลัีง เพียงแต่ทว่าความอดทนต่อการถูกกดขี่ข่มเหงก็มีจุดสิ้นสุดเช่นกัน ดังนั้นสัญญาณว่า เผด็จการอมาตย์จะใช้กลยุทธในการเดินเข้าไปสู่ทางตันทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ ก็คงต้องคอยลุ้นดูว่าจะมีใครในจำนวน ส.ส. และ ส.ว. หรือแม้แต่ กกต. ที่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “เชือด” บ้าง เพราะถ้าศาลลงมือ “เชือด” เมื่อไร ก็แสดงว่าเผด็จการอมาตย์กำลังเลือดเข้าตามเมื่อนั้น


ปูนนก