อ่านเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
ท่ามกลางสายฝน ผมก็ยังได้ยินเสียงร้องเพลง เสียงปราศรัยบนเวทีไม่ได้ขาดหายไป
คลิ๊กตรงนี้ดู ปฏิบัติการ "ตากฝน 2" มิใช่ ตากสิน2 ภาพจากสนามหลวง
ผมคิดว่าขณะนี้คนเสื้อแดงได้กลายเป็นกระบวนการ หรือ ขบวนการที่เรียกกันว่า Social Movement จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในสังคมแล้วครับ มันมีสภาพเหมือนกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหยุดยั้งได้แล้ว ไม่ว่าใครจะมีบารมี หรือเคยมีบารมี หรือคุมอำนาจกองทัพยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม กองทัพที่รบกับประชาชนส่วนใหญ่ของตัวเอง ไม่มีทางชนะในสงครามเช่นนี้ได้ เพราะยิ่งใช้กำลังยิ่งสร้างเงื่อนไขสงครามปฎิวัติ ตายสิบเกิดแสนอย่างในอดีตที่มีคนกล่าวเอาไว้
การหยุดหรือเบี่ยงเบนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งนี้ ไม่มีทางทำได้ด้วยกำลังทหารหรือด้วยยุทธวิธีทางการทหาร
ในช่วงสงกรานต์เลือดที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้ว่า การใช้ยุทธวิธีทางทหาร จัดการกับการเคลื่อนไหวทางสังคมขนาดใหญ่ทั้งสังคมนั้นทำไม่ได้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายสังคมจะเคลื่อนไปสู่จุดแห่งการเปลี่ยนแปลงจนได้ การยิง ฆ่าทำลาย ใช้ความอยุติธรรม ยิ่งกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ดีกว่าเติบโตต่อไปเรื่อยๆ
การเอาชนะกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมแบบนี้ได้ จะต้องมีอุดมการณ์ที่เหนือกว่าเท่านั้น หากอาศัยแต่ กรอบความคิดเดิมของลัทธิเทวราชา กับระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เดิมมานั้น ผมไม่คิดว่าจะสามารถเอาชนะ อุดมการณ์ประชาธิปไตย ความยุติธรรมในสังคมครั้งนี้ได้
ช่วยไม่ได้ที่ ด้วยความระแวง อำมาตย์ไปจุดไฟที่สุมอยู่ใต้ขอนแห่งความไม่เท่าเทียมกัน ระเบิดขึ้นมา
ในศตวรรษที่ 21 แนวคิดบูชาตัวบุคคล ไม่อาจปรับมาใช้ได้หรอกครับ เพราะ "โลกทรรศน์" ของประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่กรอบแบบ พุทธปนฮินดูแบบหนังสือไตรภูมิพระร่วงเดิมๆ คนรุ่นใหม่มีน้อยคนที่มีกรอบความเชื่อเรื่องบุญบารมีข้ามภพข้ามชาติแบบนั้น และมันก็ยังค้านกับคติพุทธที่บริสุทธิ์ด้วย
ผมจึงไม่กลัวว่า ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยหรือ กอ.รมน. จะวางแผนให้หัวแตกอย่างไร ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนคนที่ตาสว่างให้หลับตาไปได้หรอกครับ
ยกเว้นแต่จะเปลี่ยนกรอบแนวคิด ชิงปฎิรูประบอบประชาธิปไตยเหมือนในสมัย ร. 5 ที่ชิงปฎิรูปสังคม ก่อนตะวันตกจะมาบังคับให้ปฎิรูป
บ้านเมืองเปลี่ยนไปแล้ว กรอบแนวคิดล้าหลังแบบเดิม ไม่อาจดึงรั้งสังคมได้ อีกแล้วครับ
ผมว่าคนยุคนี้เชื่อในนิยายจักร ๆ วงศ์ ๆ น้อยมาก และการโปรประกันดา ในยุคอินเตอร์เน็ตไม่มีทางได้ผล เพราะประชาชนสามารถสื่อกันได้หลายทาง แนวคิดแบบครอบงำ เจอแนวคิดตอบโต้ที่เหนือกว่าก็พังแล้วครับ
อีกอย่าง การโปรประกันดา แต่ฝ่ายเดียว คนก็ไม่ยอมรับการยัดเหยียดความคิดแบบนั้นแล้ว เราจึงเห็นสื่อทั้งวิทยุและโทรทัศน์ทำงานไม่ได้ผลแต่อย่างใด