WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, July 3, 2009

ศพแล้วศพเล่า

ที่มา ไทยรัฐ

คอลัมน์ เหล็กใน




พลทหารณัฐพงษ์ ใฝ่ใจดี อายุ 21 ปี ซึ่งป่วยเป็นไข้หวัดพันธุ์ใหม่อยู่ 6-7 วันก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

เป็นคนไทยรายที่ 3 ที่เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

แพทย์ระบุว่าเกิดภาวะปอดติดเชื้ออย่างรุนแรงทั้ง 2 ด้าน ระบบการหายใจล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา แม้จะให้ยาต้านไวรัสอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้

ถัดมาอีก 2 วันก็มีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นชาย 1 และหญิง 1

ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย

กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดติดเชื้อไข้หวัด 2009 ภายในประเทศ

การเสียชีวิตของทั้ง 5 ราย ทำให้นึกถึงคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งไข้หวัด 2009 ระบาดในเมืองไทยใหม่ๆ เมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

ที่เตือนประชาชนอย่าแตกตื่น เพราะมั่นใจว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และย้ำด้วยว่าจะไม่ให้เกิดการเสียชีวิตขึ้นจากไข้หวัดมรณะนี้

เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว นายกฯ คงต้องกลับไปทบทวนนโยบายการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหวัดมรณะนี้ใหม่

ต้องทบทวนด้วยว่าการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มข้นด้วย

การเสียชีวิตของผู้ป่วยถึง 5 รายในช่วงเวลาแค่ 4-5 วันนั้น ตอกย้ำว่าการเปลี่ยนนโยบายจากการ "ป้องกัน" เป็นการ"เร่งรักษา" นั้นล้มเหลว

เข้าใจได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคนี้รวดเร็วยังกับไฟลามทุ่ง ทำให้การป้องกันทำได้ยาก จึงต้องเน้นการรักษาที่รวดเร็ว

แต่ไม่ใช่จะละเลยเรื่องการป้องกันไปเลย

เพราะกลุ่มผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นกลุ่มนักเรียนชั้นประถม-มัธยม คนในวัยทำงาน และผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีการระบาดรุนแรง

แสดงให้เห็นว่าช่องทางใหญ่ของการทะลักของโรคหวัด 2009 เข้าเมืองไทยก็คือสนามบิน

แต่การป้องกันตรงนี้ถือว่าล้มเหลว การตรวจนักท่องเที่ยวไม่เข้มงวด เครื่องเทอร์โมสแกนก็ใช้แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น

เมื่อด่านแรกสกัดไม่อยู่ จะมาป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศ

ไหวหรือ

โดยเฉพาะโรงเรียนที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดที่รวดเร็วที่สุด เพราะนักเรียนจะเรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน และกินด้วยกัน จึงติดเชื้อกันง่ายดายมากๆ

แต่ทุกวันนี้ การป้องกันของโรงเรียนต่างๆ หละหลวมมาก ไม่เข้มงวดเหมือนช่วงแรกๆ ที่จะสั่งปิดโรงเรียนทันทีเมือพบว่ามีนักเรียนป่วยเป็นหวัด 2009

ไม่รู้ว่าเพราะกลัว "แตกตื่น" เกินไปหรือเปล่า จึงทำให้ยอดเด็กติดเชื้อหวัด 2009 พุ่งพรวด

บางโรงเรียนมีนักเรียนเป็นหวัดหยุดเรียนวันละเป็นร้อยคน เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นหวัดพันธุ์ใหม่หรือเปล่า

ผู้ปกครองรู้ข่าวก็ไม่กล้าให้ลูกๆ ไปโรงเรียน เพราะไม่แน่ใจความปลอดภัย

จนเกิดคำถามว่า มาตรการการป้องกันหายไปไหน?

อย่าให้มีศพต่อๆ ไปอีก แล้วค่อยมาล้อมคอกกันภายหลัง