ที่มา บางกอกทูเดย์
ชะตากรรมของ เนวิน ชิดชอบ และกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะโทษใครที่ไหนไม่ได้เลยนอกจากโทษตัวเองการก้าวเดินที่ผิดพลาดการเชื่อมั่นในอำนาจ วาสนา บารมี ที่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืนจากการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างการหลงในคำสรรเสริญเยินยอจาก “คนรอบข้าง” หรือ“คนใกล้ตัว”สิ่งเหล่านี้ล้วนทำลายนักการเมืองเลือดใหม่ไฟแรงอนาคตไกล มานักต่อนักแล้วอันที่จริงมือระดับ “เนวิน ชิดชอบ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “กำนันชัย ชิดชอบ” ในอดีต หรือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชัย ชิดชอบ ในปัจจุบันนั้นน่าจะเห็นซึ้งถึงความจริงในจุดอ่อนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีเพราะในอดีต เนวิน ชิดชอบ ก็เคยเป็น “หนึ่งในคนรอบข้าง” หรือหนึ่งในคนใกล้ตัวของอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองหลายต่อหลายคนมาแล้ว!!!เนื่องจากความสามารถเฉพาะตัวของเนวิน ที่ถ้าจะเปรียบเป็นมีดก็ถือว่าเป็นมีดที่มีความคมกล้าเล่มหนึ่งในแวดวงการเมืองไทย
หัวหน้าพรรคการเมืองหลายๆ คน ใช้ความคมของมีดที่ชื่อเนวิน เป็นอาวุธในการถากถางเดินให้เรียบลื่นละมุนไปทุกย่างก้าวแต่หลายคนก็ต้องบาดเจ็บจากความคมของมีดที่ชื่อเนวินมาแล้วด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร เท่านั้น แม้แต่ บรรหาร ศิลปอาชา หรือแม้แต่ชวน หลีกภัย เองก็รู้ฤทธิ์รู้เดชกันเป็นอย่างดีแล้วซึ่งแน่นอนว่า บทเรียนทางการเมืองเหล่านี้ เนวินควรจะต้องรู้ซึ้งและเข้าใจได้ในทุกอณูของลมหายใจเข้าออก เพราะใกล้ชิด เห็น รู้ สัมผัส หรือแม้กระทั่งลงมือด้วยตนเองดังนั้น หลายๆ คนจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่า ในวันนี้ วันที่คนชื่อ เนวิน ชิดชอบ ได้ขึ้นมาเป็นผู้มากบารมี ซึ่งแม้จะไม่ได้อยู่ในสภา เพราะถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีก็ตามแต่ก็เป็นการเว้นวรรคแค่ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้เว้นวรรคในทางบารมีการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้นทำไมเนวินจึงไม่ย้อนนึกถึงวันคืนในอดีตที่ผ่านมา???ทำไมจึงทำท่าว่าจะพังเพราะคนรอบข้าง พังเพราะเชื่อมั่นในบารมี ซ้ำรอยนักการเมืองในอดีตหรืออำนาจบารมีทางการเมืองมันมีมนต์ขลัง จนกระทั่งไสยเวทแห่งดินแดนพระเจ้าชัยวรมันยังไม่อาจจะต้านทานได้ชะตากรรมของกลุ่มเพื่อนเนวินในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่นักการเมืองทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะพลาดบทเรียนสำคัญทางการเมือง ฉบับ “เนวิน”จอมอหังการ นี้ ไม่ได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเพราะชะตากรรมของกลุ่มเพื่อนเนวินในวันนี้ ไม่ได้เกิดจากฝีมือใครอื่นที่ไหนเลย ก็วนเวียนกันอยู่ภายในกลุ่มเดียวกันเองนั่นแหละ ที่ขยันหมั่นเพียรกันเหลือเกินที่จะทำให้คะแนนนิยมทางการเมืองหดหายไปเรื่อยๆการพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อมที่เกิดขึ้น ถามว่า ใครเป็นคนทำให้ประชาชนคนอีสานเกิดคำถามในเรื่องการเป็น“คนกตัญญูรู้บุญคุณคน” ขึ้นมา
จนแผ่นดินสกลนครสะเทือน และพลิกเกมชนะให้เป็นแพ้อย่างราบคาบเรื่องเหล่านี้ไม่ต้องไปหาหมอที่ไหนมาสแกนกรรมให้ต้องเสียเงินเปล่าๆปลี้ๆ บางกอกทูเดย์ สแกนกรรมให้ฟรีๆ เลยก็ได้ว่าเป็นกรรมเก่าหมาดๆและเจ้ากรรมนายเวรกำลังจะตามมาเอาคืนก็เท่านั้นจริง นั่นคือกรรมเกิดแต่เหตุ...เหตุเกิดจากการกระทำ...ถึงวันนี้ใครทำอะไรไว้บ้างแค่ไหนย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเองทั้งสิ้นดังนั้น ณ วันนี้...วินาทีนี้ ป่วยการที่กลุ่มเพื่อนเนวินผู้มากบารมีทั้งหลาย จะดิ้นรนพล่านกันไป พล่านกันมาการไล่บี้ หวังเช็กบิลข้าราชการประจำในพื้นที่สกลนคร เพื่อตอบสนองอารมณ์ผิดหวังนั้น จะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย มีแต่จะสร้างรอยแผลในใจของข้าราชการประจำมากขึ้นเพราะต้องยอมรับความจริงว่า การพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แพ้เพราะข้าราชการในพื้นที่นอกใจข้าราชการในพื้นที่ทุกระดับทำอย่างดีที่สุดแล้วแต่ที่แพ้เพราะสู้ไม่ได้จริงๆ แพ้เพราะเจอการตั้งคำถามที่ใครก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของมโนสำนึกล้วนๆแบบนี้สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องสวมวิญญาณชาติเสือ...ยอมกลืนเลือดแต่ต้องไม่ร้องออกมาเด็ดขาดเพราะหากร้องออกมา คนเขาจะมองว่าไม่ใช่เสือ...แต่เป็น...ยิ่งเรื่องที่บรรดาแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินทั้งหลายสั่งเช็กละเอียดถี่ยิบว่า หลังการพ่ายแพ้การเลือกตั้งแล้ว...ใครบ้างที่จะย้ายพรรค???ถึงขนาดไล่จี้การประชุมพรรคภูมิใจไทย โดยนายเนวินเรียกส.ส. มาหารือแบบเปิดใจเลยว่า มีใครต้องการที่จะย้ายกลับไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยบ้างหรือไม่แน่นอน ส.ส.ทั้งหมด ไม่มีใครระบุว่าต้องการย้ายพรรคเพราะคงไม่มีใครโง่พอที่จะตอบคำถามบ้องตื้นต่อหน้าผู้มีบารมีให้อนาคตตัวเองดับแน่ๆยิ่งโฟนอินล่าสุดยังย้ำว่า “จะไม่เอาคนทรยศต่อพรรค”แบบนี้ใครจะไปกล้าเสี่ยงสุ่มสี่สุ่มห้าส่วนคำสั่งที่ว่า “ต่อไปนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานให้หนักขึ้นและเชื่อว่าทุกคนจะอยู่กับพรรคภูมิใจไทยต่อไป”
กับการกำชับให้ ส.ส.ทุกคน ลงพื้นที่หนักขึ้น และทุ่มเทสร้างผลงานให้มากขึ้นนั้น...เป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นนักการเมืองต้องทำเป็นประจำอยู่แล้วการรับคำหัวหน้าในเรื่องพวกนี้ จึงไม่ใช่ความลำบากใจหรือโป้ปดแต่อย่างใดถ้าหัวหน้าเชื่อและสบายใจก็ดีไป...ถือเป็นชะตากรรมของหัวหน้าเองเช่นกันกับชะตากรรมของบรรดาแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินทั้งหลายนั่นแหละที่ในวันนี้ ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก ไปหมดทุกกรณีก็คนแพ้เลือกตั้ง มีหรือแกนนำรัฐบาลซึ่งเป็นเซียนการเมืองขนานแท้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีหรือจะอ่านเกมไม่ออกมีหรือจะไม่รู้ว่า นี่คือการพ่ายแพ้อย่างหมดรูปจริงๆแล้วธรรมชาติของมนุษย์...ใครที่ไหนจะโง่ให้คนแพ้ขี่คอ!!!ดังนั้น จนวันนี้ โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ยังคงไม่รู้ตัว ยังคงดิ้นพล่านทุกวิถีทางที่จะให้ผ่านโครงการโคตรรถเมล์เช่าฝังเพชร 4,000 คันให้ได้ล่าสุด ก็เพิ่งทุบทางสำนักงานขนส่งและจราจรหรือ สนข.ให้จัดสัมมนาเรื่อง รถเมล์...อนาคตของคนกรุง ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เสียเงินไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ฟรีๆ อีกเป็นล้านเพราะคนที่มานั่งฟังฟรี กินฟรี แถมหลับกรนฟรีในห้องสัมมนานั่นน่ะ...โรงแรมเขาชาร์จหัวละ 650 บาทรวด...ละเลงเงินละลายน้ำกันไปอีกรอบ...งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนทั้งน้านไม่ได้รู้เลยว่า ที่สภาพัฒน์รับเรื่องไปดองนั้น...คือ การเมืองตัดสินใจให้ดอง!!!ในขณะที่แกนนำอีกคนของกลุ่ม บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คนที่เคยล้มเหลวกับผลงานการจัดสินค้าโอท็อปในห้างและกลางสนามศุภฯ ที่ทำเอาบรรดาสินค้าโอท็อปสาปส่งกันมาแล้วมาครั้งนี้หวังเล่นเกมซื้อใจบรรดารัฐวิสาหกิจ เผื่อจะได้ช่วยขย่มรัฐบาล “มาร์ค” ไม่ให้กล้าหือ...ก็เลยหนุนค่าครองชีพ 2,000บาท ให้รัฐวิสาหกิจเต็มที่ ไม่ว่าจะเงินเดือนเท่าใดก็ตามเจอพิษสงหมัดเด็ดของประชาธิปัตย์ไปเต็มๆ โดยปล่อยข่าวให้สังคมรู้เรื่อง
เท่านั้นเอง รัฐวิสาหกิจและบุญจงกลายเป็นจำเลยสังคมถูกชยันโตเละเทะเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ ไม่นึกถึงความเดือดร้อนของประชาชนก่อนที่เดอะมาร์คจะเล่นบทนายสะอาด ตบท้ายง่ายๆจะช่วยค่าครองชีพ ต้องคนเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาทเท่านั้น!!!ประชาธิปัตย์ได้ใจประชาชนไปสบายๆในขณะที่คนที่พล่านอย่างบุญจง...ติดลบไปเต็มๆและแม้ว่าสุดท้าย นายกฯ อภิสิทธิ์ จะเล่นบท “ลูบหลัง” ด้วยการไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับ นายเนวิน ชิดชอบแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่บ้านพิษณุโลกแต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันว่า โครงการต่างๆ ของภูมิใจไทยที่ชะงักงันจะราบรื่นขึ้นมาเพราะนายอภิสิทธิ์พูดชัดเจนว่า การพบกันไม่มีการเคลียร์ปัญหาคาใจเรื่องโครงการต่างๆ ของพรรคภูมิใจไทยแค่พบกันเพื่อให้การทำงานของรัฐบาลเป็นไปโดยมีเอกภาพเท่านั้นที่สำคัญ ไม่มีนัยทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นนี่คือความนิ่งสไตล์ประชาธิปัตย์แต่เป็นการนิ่งแบบพร้อมจะเชือดนิ่มๆ ทางการเมืองอยู่ตลอดเวลาดังนั้น วันนี้ หาก เนวิน ชิดชอบ และกลุ่มยังไม่นิ่ง ยังพล่านที่จะอาละวาดเอาโครงการนั้นเร่งโครงการนี้อยู่แบบนี้ยิ่งพล่าน...ก็จะยิ่งพัง...เพราะการที่นายอภิสิทธิ์จะลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์บอกได้เลยว่าไม่ได้เป็นการไปเพื่อชื่นชมบารมีของนายเนวินแต่อย่างใดแต่น่าจะเป็นการไปวัดพลังของนายเนวินเสียมากกว่า...ว่าถึงวันนี้เหลือน้ำยา เหลือน้ำจิ้มแค่ไหนกันแน่เพราะแม้แต่คนอย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ยังถึงกับไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกระแสข่าวกลับไปร่วมทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณแต่กลับให้คำพูดที่หลายๆ คนไม่อาจไม่รับฟัง“ในทางการเมืองผมเคยบอกแล้วว่า หากต้องการที่จะสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณ จะทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ เพราะไม่มีทางที่จะสู้ได้แน่นอน”แฝดคนละฝา “อภิสิทธิ์–เนวิน” น่าจะได้คิดอะไรบ้างนะ ■