WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 2, 2009

"ผมเป็นข้าราษฏร" โดย........จักรภพ เพ็ญแข

ที่มา thaifreenews



เขียนโดย จักรภพ เพ็ญแข
วันพฤหัสบดีที่ 02 กรกฏาคม 2009 เวลา 02:51 น.

alt “ทำไมต้องกัมพูชา?”


ใคร อยากจะรบกับกัมพูชาเต็มแก่เพราะกรณีปราสาทพระวิหารก็ดี เพราะเชื่อว่าเขาอนุเคราะห์คุณทักษิณในทางการเมืองก็ดี หรือเพราะหาเหตุแห่งความล้มเหลวไม่เป็นท่าของเมืองไทยในวันนี้ไม่พบเลยอยาก โทษคนอื่นว่าเขาเป็นต้นเหตุก็ดี โปรดฟังทางนี้ก่อน

การหาเหตุทะเลาะกับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ถึงขนาดขู่เข็ญจะยกทัพข้ามพรมแดน ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย หากเป็นสันดานเก่าแก่หลายร้อยปี และเป็นสันดานชนิดแก้ไม่หายของชนชั้นปกครองเมืองไทย

ไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาทั้งนั้น

ลองทบทวนดูสิครับว่าเหตุพิพาทคราวนี้เกิดขึ้นอย่างไร?

อ่านต่อ และแสดงความคิดเห็น

เริ่มต้นก็ให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแต่งเรื่องขึ้นมา “เล่น” โดยทำประหนึ่งว่าได้เกิด “การสูญเสียบูรณภาพแห่งดินแดน” ขึ้นมาแล้ว ช่วยกันตีฆ้องร้องป่าวกันราวกับคนบ้า ทำทุกอย่างเพื่อให้กระทบต่อรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีประชาธิปไตย ๒ ท่านคือคุณสมัคร สุนทรเวชและคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถึงขนาดส่งคนปีนข้ามรั้วไปนั่งสมาธิอยู่ในบ้านเขาก็ยังอุตส่าห์ทำ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องลาออกไปหนึ่งคน และรัฐบาลของประชาชนก็อยู่ไม่ได้

จากนั้นก็สั่งให้ทหาร “เล่น” ต่อ ด้วยการส่งกำลังจากกองทัพภาคที่สอง ล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายถือปฏิบัติตลอดมาว่าจะไม่ละเมิดกัน จนเกิดยิงกัน งามหน้ามาจนถึงวันนี้ว่าฝ่ายไทยสูญเสียไปกว่า ๒๐ ชีวิตในขณะที่ฝ่ายเขาไม่เสียทหารเลยสักนาย

ก็กำลังของเขาอยู่ในที่สูงคือรอบองค์ปราสาท พอฝ่ายไทยฮึกเข้าไปเขาก็สอยร่วงหมด

บัดนี้กำลังฝ่ายไทยก็ยังตรึงอยู่ตามตะเข็บชายแดน จะบุกเข้าไปก็ไม่กล้า เพราะขาดเหตุผลด้วยประการทั้งปวง จะถอยกลับก็ไม่ได้ เพราะคนสำคัญคอยสั่งการอยู่ในที่สูงว่าเอามันให้ได้

ประชาชนใน พื้นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ รักพื้นที่ทำมาหากินของตน ต้องเกิดปะทะกับคนใส่เสื้อเหลืองที่ถูกเขาหลอกให้ขึ้นไป “รักษาเอกราช” ที่ไม่เคยสูญเสียถึงเชิงเขาพระวิหารโน่น คนไทยด้วยกันต้องหลั่งเลือดสังเวยเหตุการณ์ที่ไม่สมควรแก่เหตุเลยสักนิด

alt

ขณะ ที่ทุกอย่างตึงเครียดขึ้นทุกวัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนกัมพูชาสองวัน นัยว่าจะได้สางปัญหาต่างๆ ในเรื่องปราสาทเสียให้เรียบร้อย ปรากฏว่าไปถึงแล้วก็ทำเป็นบ้าใบ้ นายกรัฐมนตรีฝ่ายเขาคือสมเด็จฮุนเซ็นเสนออ้าซ่าว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่อง ปราสาทก็พูดได้ เขายินดีรับฟังทั้งนั้น แต่ฝ่ายไทยกลับตัดบทเอาดื้อๆ ว่าไม่สามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยได้

แต่พอกลับถึงบ้านก็ทำทีเหมือนได้พูดกับเขาแล้ว จัดการตามคำสั่งของคนที่เหนือขึ้นไปอีกว่า
ให้ทำหนังสือไปถึงองค์การยูเนสโกแสดงความมีกรรมสิทธิ์ของไทย

ดูสิครับ

เขา เปิดทางให้เจรจาโดยสันติ ก็ไม่ยอมพูดอะไรกับเขา พอลับหลังเขากลับทำท่าเป็นคนกล้าหาญเสียเต็มประดา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจคนสำคัญที่มีอำนาจล้นพ้นอยู่ในบ้านเมืองของตัว เพราะคนตรงนั้นเขาอยากปลุกคนไทยให้เกลียดชังและอยากทำสงครามกับกัมพูชาขึ้น มา เพื่อเล่นเกมคลั่งชาติที่หวังจะสร้างความนิยมยกย่องให้กับตนเองมากขึ้น

ไม่ น่าแปลกใจหรอกครับที่รัฐมนตรีกลาโหมของเขาจะบอกว่ารัฐบาลไทย “หักหลัง” และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเขาบอกเรียบๆ ว่าทางเขาพร้อมทุกอย่าง ทั้งในทางเศรษฐกิจ ทางทหาร และการเจรจาอย่างสันติ พูดอย่างนักเลงก็คือจะเอาอย่างไรกันก็ได้ สุ้มเสียงของเขาคือเหนื่อยใจอย่างหนักกับท่าทีชนิดคาดเดาไม่ได้ของไทย

อภิสิทธิ์ ก็ฝังตัวเองลึกลงไปอีกด้วยการให้สัมภาษณ์ว่า “เราจะไม่ถอย” (we won’t back down) ซึ่งเป็นการแสดงออกที่สวนทางอย่างยิ่งกับความเป็นอาเซียน เพราะอาเซียนเป็นสมาคมประชาชาติที่ตกลงกันว่าเราจะไม่ทะเลาะกัน มีอะไรก็จะใช้กลไกรอมชอมให้เต็มที่ จะได้ไม่ระเบิดเถิดเทิงขึ้นมา

ผมเข้าใจล่ะครับว่าเขาพูดอย่างนั้นเพื่อหาเสียงกับใคร และเพื่อเอาใจใคร
แต่นี่คือประเทศไทยทั้งประเทศ เอามาใช้สนองตัณหาใครได้อย่างไร

ก่อนหน้านั้นก็มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเล่ากันลับหลัง
และแสดงอาการไม่สู้ดีของความสัมพันธ์มาก่อนแล้ว



ตอน ที่ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของพันธมิตรฯ แอบนั่งรถเข้ามายังจังหวัดเกาะกงของกัมพูชาซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดตราดไม่นาน มานี้ วันนั้นฝนฟ้าก็ตกกระหน่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ขนาดลงจากรถไม่ได้ แถมยังเกิดฟ้าผ่าข้างรถที่นายกษิตนั่งมาอย่างน่าหวาดเสียวเป็นที่สุด คนที่นั่นเขาก็เลยพูดกันว่าฟ้าดินเขาปฏิเสธคนอย่างนี้

พอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเอง ก็เกิดเหตุที่รู้กันทั่วไปในข่าว คือเครื่องบินขากลับเกิดเสียอยู่ที่สนามบินโปเช็นตง
ต้อง รอเป็นเวลานานเพื่อเอาเครื่องบินลำใหม่ไปรับ ระหว่างนั้นคนที่ฝ่ายอำมาตย์สั่งมาให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนี้ก็นั่งคอตก เหงื่อแตกอยู่ในสนามบิน
เป็นที่ขบขันและหมดสง่าราศีอันควรมีควรเป็นของคนในตำแหน่งนี้
เขาก็พูดกันในหมู่การทูตอีกว่าไม่มีการเยือนครั้งใดจะอนาถยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว

ทั้งหมดนี้มาจากสาเหตุเพียงประการเดียวเท่านั้นครับ ผู้มีอำนาจจริงในสังคมไทยเขาชอบที่เราจะทะเลาะเบาะแว้งกับประเทศเพื่อนบ้าน
สมัยที่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีและกำลังจะร่วมมือในหลายทางกับสหภาพเมียนมาร์
ข่าววงในว่าเขาก็ใช้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น
จัดการส่งทหารไทยไปในนามชนกลุ่มน้อยไทยใหญ่
และเข้าโจมตีสังหารทหารฝ่ายเมียนมาร์ไปนับร้อยคน
เพื่อทำลายความสัมพันธ์ ในขณะที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเขา

พลเอกหม่องเอ กำลังเยือนไทยอยู่ในขณะนั้น
กรณีมาเลเซียก็สั่งให้เล่นเรื่องพุทธกับอิสลามและกรณีคนสองสัญชาติ
จนแทบจะวางมวยกันหลายครั้ง เติมไฟเข้าไปปัญหาห้าจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งมักจะหลอกกันว่าครอบคลุมเพียงสามจังหวัด

การหาเรื่องกับราชอาณาจักรกัมพูชาก็เกิดขึ้นตามกรอบความคิดแคบๆ อย่างนี้
ใครที่มองตัวเองว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเหมือนศักดินาเมืองไทย
และหลงละเมอไปว่าของขนาดปราสาทพระวิหารหรือนครวัตนครธมเป็นสมบัติส่วนตัว
ถึงขนาดเอาบ้านเมืองไปเดิมพันได้ ก็ประกาศสงครามแทนคนทั้งประเทศตามอกุศลมูลของตัวคือ
โลภะ โทสะ และโมหะ ได้ทั้งนั้นล่ะครับ

ผมอยากให้พวกเราที่รักประชาธิปไตยช่วยกันจดจำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ไทยเราเป็นประชาธิปไตยอยู่บ้าง
ความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านรอบทิศจะแข็งแรงรุ่งเรือง
และช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนได้อย่างดียิ่ง
แต่เมื่อใดก็ตามที่ศักดินาไทยได้ครองเมือง หรืออำมาตย์สามารถชี้นำทิศทางของชาติได้
เมื่อนั้นความสัมพันธ์และความร่วมมือกับเพื่อนบ้านจะกลับเสื่อมทรามตกต่ำ
จนถึงขั้นมีเรื่องกันในที่สุด เดือดร้อนไปจนถึงพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนนั้นเอง
โดยพวกที่มาก่อเรื่องจากส่วนกลางไม่เคยตามมารับผิดชอบเลยสักนิด

เหตุการณ์ล่าสุดกับกัมพูชาเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชิ้นล่าสุดว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยไทยนั้น
โง่และโลกแคบ ใช้การไม่ได้และอยู่ร่วมโลกไม่ได้กับการพัฒนาประเทศไทยในสากล

ตรงกับศัพท์เดิมที่เรียกว่าดักดานนั้นแล

แก้ไขล่าสุด ใน วันศุกร์ที่ 03 กรกฏาคม 2009 เวลา 00:46 น.