ฎีกา..แปลว่า..คำร้องทุกข์ที่ราษฎรทูลเกล้าฯถวายต่อพระมหากษัตริย์เมื่อราษฎร 1 หรือ 1.000.000 คน หรือมากกว่า จะทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต่อพระมหากษัตริย์ของเขา..ในเรื่องเช่นใด..ตั้งแต่ต้นปฐมกษัตริย์ครั้งกรุงสุโขทัยยังเป็นราชธานี..ปีพุทธกาล 1822 ผ่านมาแล้ว 730 ปีครั้งนั้น.พระมหากษัตริย์ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช..ก็โปรดเกล้าฯ ให้แขวนกระดิ่งไว้หน้าพระราชวังพสกนิกรผู้ใด..มีเหตุให้ทรงบรรเทาบำบัด..ก็จะไปสั่นกระดิ่งระฆัง..ทราบถึงพระเนตรพระกรรณ..ก็ทรงเสด็จลงมาบำบัดทุกข์ บำรุงสุข..ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า..หากผู้ใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในกรณีพิพาท ก็มีสิทธิไปสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้หน้าวัง
เพื่อถวายฎีกาต่อพระมหากษัตริย์ได้เป็นปิตุราชาธิปไตย..พ่อปกครองลูก800 ปี..ที่แผ่นดินนี้มีพระมหากษัตริย์..ทุกๆบรรพกษัตริย์เป็นปิตุราชา..ไม่ว่าศึกหนัก
หนาสาหัสเช่นไร..ราษฎรทั้งหลายก็ถวายชีวิตเป็นราชพลี..เพื่อความดำรงคงอยู่ของเจ้าเหนือหัวแห่งแผ่นดิน..ด้วยความสำนึกที่ปลูกถ่ายทอดกันมาพระราชา คือ บิดาแห่งทวยราษฎร์ผู้กระทำความผิดเรือนแสนเรือนล้าน..ได้รับพระมหากรุณาธิคุณกลับคืนสู่ครอบครัว..พ่อแม่ลูกผัวกลับได้รวมตัวผาสุก..ก็เพราะฎีกา..ถึงวันนี้..เพราะแผ่นดินมีความแตกแยกวุ่นวาย..ผู้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย..ชักธงหลายสี มีมุมมองหลากหลายแตกต่าง..มากศพถูกปลิดปลงบูชาความขัดแย้ง..ความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกขณะ..ไม่เว้นวันพระวันโกนเห็นกันว่า..พระมหากรุณาธิคุณเป็นเนื้อนาบุญที่จะเยียวยาแผ่นดินให้สิ้นทุกข์คืนสุข..ความแตกแยกหลากหลายจะผสานผสมนำความเกลียวกลมกลับมาสู่ปฐพีอำนาจแห่งมหาราชผู้เป็นบิดาแห่งแผ่นดินเท่านั้น..คือ ความสิ้นสุดของทุกข์ในชาติที่ไร้ความสมานฉันท์..ราษฎรเหล่านั้นเขาถึงรวมตัวกัน..ร่างสารถวายฎีกา..จึงมิใช่..ภาระหน้าที่ของอ้ายอีใด..จะขวางขัด..ประเพณีที่สืบต่อกันมายาวนานเกือบพันปี..ของแผ่นดินนี้ปฐพีไทยพระราชาวินิจฉัย..รักษาแผ่นดินไทยมาแล้วจากมหาภัยรอบหล้า..สยามประเทศจะคืนสุขสิ้นทุกข์ก็ด้วย..ปิตุราชาธิปไตย ■