WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 1, 2009

ฎีกามหาวินาศ... เดินหน้าก็พัง... ถอยหลังก็วินาศ...

ที่มา thaifreenews


เขียนโดย ปูนนก
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2009 เวลา 22:45 น.

altผมคงจะต้องยอมรับและให้เครดิตอย่างสูง สำหรับใครก็ตามที่คิด concept เรื่องการถวายฎีกา “เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษและเรียกร้องความเป็นธรรมให้ท่านนายกทักษิณ” โดยที่มีท่านวีระ เป็นผู้นำมาพูดสด ๆ บนเวทีสนามหลวงในวันที่ 27 ที่ผ่านมา....เพราะขณะนี้เรื่องการยื่นถวายฎีกา เพื่อท่านนายกทักษิณในครั้งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วในแทบทุกพื้นที่หน้าเวปไซด์, แม้แต่ในหมู่คนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตย หรือคนเสื้อสีอื่น ๆ ก็ตาม.... เสียแล้ว....

อ่านเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

ซึ่งไม่ว่าการถวายฎีกาที่ท่านวีระได้เปิดประเด็นเอาไว้นี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ประเด็นนี้ได้กลายเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ฝังเข้าไปในความคิดคำนึงของคนไทยส่วนมากในประเทศนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มีเหล่าผู้ทรงความรู้มากมายที่ได้อธิบายกันถึงเรื่องการถวายฎีกา ทั้่งในรูปแบบของค่านิยมตามประเพณีการปกครอง และตามตัวบทกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ความคิดในเรื่องการถวายฎีกาที่ท่านวีระจุดประเด็นเอาไว้นั้นยิ่งถูกขยายความมากขึ้น และกว้างขวางมากขึ้นไปอีก เลยยิ่งทำให้เกิดกระแสทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายในประเด็นนี้....

ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ... ว่าเหล่าพี่น้องคนเสื้อแดงผู้ัรักประชาธิปไตยทั้งหลาย ต่างมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การเรียกร้องให้ประเทศนี้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบและอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนทั้งมวล การเรียกร้องในครั้งนี้เป็นการต่อสู้กัีบระบอบเผด็จการอมาตย์ที่ครอบครองอำนาจและยึดครองประเทศนี้มาอย่างยาวนาน อุดมการณ์นี้ได้ “ฝังรากลึก” อยู่ในความคิด, จิตวิญญาณ และเจตนารมย์ ของคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยอย่างเหนียวแน่น และจะไม่มีสิ่งใดจะมาเปลี่ยนแปลงหรือคลอนแคลนได้อีกแล้ว ไม่ว่าฟ้าจะถล่ม, ดินจะทลาย, น้ำจะท่วมประเทศไทย, ทหารจะถือปืนออกมายิงประชาชนมือเปล่าอีกสักกี่ครั้ง, จะจับคนเข้าคุกอีกมากเท่าใด จิตวิญญาณแห่งการเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยก็จะไม่เปลี่ยนไป... และนี่คือ “เป้าหมาย หรือ Goal สูงสุด”

เมื่อทุก ๆ คนต่างก็ยึดมั่นในเป้าหมายเดียวกัน แต่หนทางเดินท่ามกลางสนามการต่อสู้เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นจะต้องมีหลากหลายยุทธวิธีเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมาย แน่นอนว่าท่ามกลางการต่อสู้ย่อย ๆ ในหลาย ๆ สนามรบนั้น ความหลากหลายในยุทธวิธีจะก่อให้เกิดความสับสนและการแบ่งแยกของแนวตั้งรับของข้าศึกออกมาเป็นส่วน ๆ ทำให้เกิดความอ่อนแอลง... ยุทธวิธีการถวายฎีกาเรื่องท่านนายกทักษิณนี้ก็เช่นกัน...

เคยมีผู้พยายามถวายฎีกาเกี่ยวกับการขอพระราชทานนิรโทษกรรมให้กับผู้ได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการรัฐประหาร 19 กันยายน มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแสไม่สามารถจุดให้ติดปากหรืออยู่ในความคิดของประชาชนส่วนใหญ่ได้ จะเป็นด้วยสิ่งใดก็ตามซึ่งตรงข้ามกับกรณีฎีกาของท่านวีระที่จุดประเด็นเรียกร้องให้มีการอภัยโทษท่านนายกทักษิณ โดยจะแสดงพลัีึงคนเสื้อแดงด้วยการเข้าชื่อถวายฎีกา 1 ล้านรายชื่อ... ข้อที่น่านำมาพิจารณาก็คือ ท่านวีระนำเรื่องที่ท่านนายกทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมมาจุดประเด็นและเสนอให้มีการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ “หลัีงจากผ่านการเลือกตั้งที่สกลนคร และที่ศรีสะเกษ” โดยที่พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลายด้วยการโฟนอินของท่านนายกทักษิณ แสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมในตัวของท่านนายกทักษิณได้พลิกฟื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสิ่งใดปฏิเสธได้ต่อหน้าของประชาชนทั้งมวล

และด้วยสถานการณ์นี้ท่านวีระได้จับเอากระแสนี้โยนลงมาให้ประชาชนชาวเสื้อแดงทั้งหลายร่วมกันแสดงพลังประชาธิปไตย เข้าเปิดการโจมตีในอีกสนามรบหนึ่งนั่นก็คือสนามรบการถวายฎีกา ผมเชื่อว่าท่า่นวีระทราบดีว่าประเด็นที่จุดเรื่องที่ท่านนายกทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมและถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ จะเป็นกระแสที่จุดติดในใจของคนไทยจำนวนมาก... เหมือนคราว สนธิ ลิ้มทองกุล จุดกระแส “ถวายคืนพระราชอำนาจ” แล้วบิดเบือนด้วยข้อกล่าวหาทุก ๆ สิ่ง กรณีการถวายฎีกาขออภัยโทษให้ท่านนายกทักษิณก็เช่นกัีน เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ท่านนายกทักษิณ มิได้กระทำสิ่งใดผิดดังที่ได้ถูกกล่าวหา มีแต่ได้รับความอยุติธรรม และถูกกลั่นแกล้งโดยอำนาจเผด็จการ ดังนั้นเมื่อในขณะที่กระแสท่านนายกทักษิณกำลังร้อนแรง สืบเนื่องจากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา การจุดประเด็นเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้จึงเท่าักับเป็นการเปิดแนวรบใหม่ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยได้เข้า่โจมตีฝ่ายเผด็จการอมาตย์อย่างรุนแรงชนิดเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลัีงก็ไม่ได้เลยทีเดียว...

ถ้าฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้สำเร็จและได้มีการทูลเกล้าขึ้นจริง นั่นก็หมายความว่า “ประชาชนชาวไทยกว่า 1 ล้านคนเห็นพ้องกันว่า ท่านนายกทักษิณเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่สมควรได้รับโทษใด ๆ และขอพระราชวินิจฉัยที่จะให้ท่านนายกทักษิณได้เดินทางกลับเข้าประเทศไทย” ซึ่งขณะที่ในปี 2549 ก่อนที่จะมีการทำรัฐประหาร ได้มีกลุ่มคน 7 คนจาก 7 กลุ่มอำนาจของเผด็จการอมาตย์ ได้ไปประชุมกันที่บ้านของ นายปีย์ มาลากุล และเห็นพ้องต้องกันว่า “ท่านนายกทักษิณมีความผิดและไม่สมควรจะอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป” จากนั้นก็เกิดการรัฐประหารขึ้นโดยได้รับพระราชทานพระปรมาภิไธยให้การรัฐประหารล้มล้างอำนาจประชาธิปไตยกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ดังนั้นการยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้จึงเป็นกลยุทธที่แหลมคมอย่างยิ่ง ในการนำเอา 2 พลัีงอำนาจที่แท้จริงและกำลังเิผชิญหน้ากัน เข้ามายืนกันคนละฝ่ายโดยมี เรื่องการถวายฎีกา เข้ามาอยู่ตรงกลาง เพราะในกรณีฎีกานี้เป็นพระราชอำนาจ, และพระราชวินิจฉัยอย่างสมบูรณ์ของพระองค์ท่านแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีผู้ใดไปก้าวก่ายได้ ซึ่งไม่ว่าการถวายฎีกาในครั้งนี้ผลจะออกมาอย่างไร ก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจุดสุดท้าย หรือจุดสิ้นสุดของการต่อสู้ในครั้งนี้เผด็จการอมาตย์จะมีสภาพอย่างไร เพราะจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ได้รับการรับรองว่ากระทำถูกต้องและอีกฝ่ายกระทำไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเผด็จการอมาตย์จากกลุ่ม 7 คนที่ล้มล้างอำนาจประชาธิปไตย หรือฝ่ายประชาชน 1 ล้านรายชื่อที่เรียกร้องประชาธิปไตย

ด้วยเหตุนี้โดยส่วนตัวของผมจึงพิจารณาว่า การจุดประเด็นเรื่อง “การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ท่านนายกทักษิณ” นั้น ไม่ว่าจะเป็นการถวายฎีกาืทางกฎหมาย, หรือเป็นฎีกาทางการเมือง ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใดเพราะ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมาย หรือทางการเมืองหรือไม่ ก็ไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจหรือเป้าหมายการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชนต่อไปได้ กรณีการยื่นถวายฎีกานี้เป็นเพียงเครื่องมือการต่อสู้เครื่องมือหนึ่งในสนามรบเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรวันหนึ่งเมื่อประเทศไทยได้มีการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงแล้ว วันนั้นท่านนายกทักษิณก็กลับมาประเทศไทยและได้รับพระราชอภัยโทษได้อยู่แล้วอย่างแน่นอน....

ดังนั้นผมจึงอยากให้พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ ท่านอย่าหลงประเด็นในเรื่องการถวายฎีกานี้อีกเลยครับ เพราะถึงแม้ไม่ว่าการถวายฎีกานี้จะมีผลอย่างไรในบั้นปลาย เช่นไม่ได้รับพระบรมราชานุญาติ หรือได้รับพระราชทานอภัยโทษ ผลในเวลานั้นก็ไม่แตกต่างกันสำหรับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเพราะเป็นเรื่องของเพียงคน ๆ หนึ่งที่ชื่อ (นายก)ทักษิณ เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยได้ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือเวลานี้เรื่องการถวายฎีกาในครั้งนี้ได้กลายเป็น “ฎีกามหาวินาศ” สำหรับใครบางคนไปแล้วครับ


ปูนนก

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2009 เวลา 23:07 น.