ที่มา บางกอกทูเดย์
ใครไม่เคยโดนคลิปฉาว คงไม่มีวันรู้ว่าเจ็บปวดและขมขื่นเพียงใดแต่กับคนที่เคยโดนคลิปฉาว มันปวดร้าวยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น!!!หลายต่อหลายคนเสียอนาคต ต้องสูญเสียหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือครอบครัวบางทีแม้กระทั่งบ้านก็ต้องย้ายหนีนี่คือภัยร้ายที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นจนแนบเนียนมากขึ้น แต่จิตใจคนกลับไม่ได้พัฒนาตามสังคมจึงได้รับรู้ข่าวการล่วงละเมิดทางเพศแล้วถ่ายคลิปไว้ข่มขู่ประจานอยู่เป็นระยะๆที่ผ่านมาสังคมแวดวงดาราโดนมากที่สุด ใครได้ยินหรือเฉียดเข้าใกล้คำว่า “คลิปหลุด” เป็นต้องขนหัวลุกด้วยความสยดสยองสะพรึงกลัวนักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะเพศหญิง ถือเป็นเหยื่อโอชะอันดับ 2 ของคลิปหลุด ขนาดไม่ได้ไปพลาดพลั้งเสียท่าจิ้งจอกสังคม หรือไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ วิตถารมนุษย์ยังแอบไปซ่อนกล้องถ่ายใต้กระโปรงตามบันไดสะพานลอยตามห้างสรรพสินค้า หรือตามห้องน้ำกลายเป็นดาราคลิปหลุดไม่รู้ตัวกันมานักต่อนักแล้วในแวดวงคนการเมืองก็มีบ้างประปราย ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีไปเหมือนกันแต่วูบเดียวก็หาย เพราะคนส่วนใหญ่มองว่า คนเหล่านี้ คือ เหยื่อคลิปแต่ใครจะนึกถึงว่าคนระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่มีคุณสมบัติเต็มเปี่ยมในหลายๆ ด้านอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะตกเป็นเหยื่อคลิปเป็นคลิปเสียงที่ใครได้ยินได้ฟังแล้วยากที่จะเชื่ออย่าง
แน่นอนว่า นายอภิสิทธิ์จะเป็นคนพูดเช่นนั้น แต่อุตริมนุษย์ก็ยังอุตส่าห์เผยแพร่ขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนยิ่งกว่าระเบิดลงทั้งนายอภิสิทธิ์และครอบครัว รวมทั้งพลพรรคประชาธิปัตย์ต่างเดือดร้อนไปตามๆ กันเพราะนายอภิสิทธิ์ออกมายืนยันอย่างหนักแน่นว่าเสียงคลิปที่สั่งการจัดการคนเสื้อแดงนั้นเป็นการตัดต่อเนื่องจากไม่เคยสั่งการในลักษณะดังกล่าวเลยและจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ความจริงปรากฏ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทราบข้อเท็จจริงโดย นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีที่มีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต มีเนื้อหาสั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มเสื้อแดง โดยยอมรับว่าเป็นเสียงของตนเองจริง แต่มีการตัดต่อเพราะช่วงระดับเสียงไม่เท่ากัน และไม่เคยพูดในลักษณะเช่นนั้นพร้อมยืนยันว่า ตลอดมาจะใช้นโยบายแก้ไขปัญหาการชุมนุมที่อยู่บนพื้นฐานหลักกฎหมาย ในการเคารพสิทธิเสรีภาพอย่างชัดเจน ไม่เคยต้องการเห็นการใช้ความรุนแรงหรือการทำร้ายกัน“ผมพร้อมให้พิสูจน์เรื่องนี้ คนที่ทำมีเจตนาทำร้ายบ้านเมืองชัดเจน ต้องการยั่วยุให้บ้านเมืองเกิดความรุนแรงหรือจะเป็นการช่วยเหลือคดีบุคคลที่ผมฟ้องร้องอยู่ก็ดีก็อยากเตือนอีกครั้งว่ามันผิดกฎหมาย และอยากเตือนหลายคนที่ไม่เจตนาแต่ส่งคลิปนี้ต่อไปให้คนอื่น อาจจะมีความผิดทางกฎหมายเช่นกัน”นายกรัฐมนตรีประกาศด้วยว่า จะทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และหากพิสูจน์ได้มีหลายคนต้องรับผิดชอบ ซึ่งพอทราบเหมือนกันว่า คนที่เผยแพร่คลิปนี้อยู่กับพรรคการเมืองบ้าง อยู่กับเครือข่ายอดีตนายกรัฐมนตรีบ้างขณะเดียวกันก็จะนัดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาหารือเรื่องท่าทีที่จะไปทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมและต้องการให้ไปเจรจาเงื่อนไขการชุมนุมเพื่อให้ทุกอย่างและทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจว่า จะไม่เกิดความรุนแรงรวมถึงจะหารือเรื่องคลิปเสียงฉาวในครั้งนี้ด้วย“ผมพอมีที่อยู่ของคนที่ปล่อยคลิปคนแรกและจะพิสูจน์ตามลูกโซ่ โดยจะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรม ถ้าจับคนอยู่เบื้องหลังได้ก็ยิ่งดี เพราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้ไปเกิดกับใครอีก”ส่วนจะทำอย่างไร หากมีการนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อในการชุมนุมของคนเสื้อแดง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้บอกชัดเจน
แล้วว่า เป็นการตัดต่อ ดังนั้น หากยังนำไปเผยแพร่อีกก็แสดงว่ามีเจตนาที่จะทำความผิด ซึ่งในความผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ คนทำก็ผิด คนเผยแพร่ก็ผิด“ผมไม่อยากเชื่อว่าจะมีการใช้วิธีสกปรก และเป็นวิธีการล่อแหลมที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายรุนแรงในบ้านเมืองผมก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับคนที่ทำวิธีการเช่นนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นการใส่ร้าย เป็นการตัดต่อพร้อมสร้างเรื่องให้เกิดความรุนแรง ผมก็หวังว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คงจะเข้าใจ” นายกรัฐมนตรียืนยันและเพราะศิษย์รักโดนแรงขนาดนี้ มีหรือพระอาจารย์ใหญ่จะไม่ออกโรงช่วยเหลือศิษย์ที่ตกเป็นเหยื่อคลิปฉาว ซึ่ง นายชวน หลีกภัยประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้ยังไม่เห็นคลิปหรือข้อความที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการทหารให้ใช้ความรุนแรงแต่ขอรับประกันว่า นายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนอย่างนั้น!!!และไม่รู้สึกแปลกใจกับการปล่อยคลิปฉาว เพราะเป็นวิธีการหนึ่งในหลายวิธีที่ทำมาตลอด เพื่อสร้างสถานการณ์และเงื่อนไขให้เกิดเหตุวุ่นวาย“ผมคิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้คงไม่ได้สนใจอะไรและทำอะไรได้ทุกอย่างรวมถึงสามารถโกหกได้ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเข้าใจ แม้ไม่ทั้งหมดซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีจะพูดอะไรหยาบคายหรือพูดอย่างนั้น อย่าว่าแต่ชีวิตการเมืองเลย ชีวิตธรรมดาทั่วๆ ไปเราก็ไม่เคยได้ยิน”นายชวนยืนยันว่า รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีจะต้องอธิบายให้ชาวบ้านทราบว่า ความจริงคืออะไร ซึ่งอาจจะต้องเหนื่อยในการชี้แจงขณะที่รองนายกรัฐมนตรีอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องคลิปฉาวครั้งนี้เป็นการดิสเครดิตเป็นการตัดต่อ ขอให้ประชาชนใช้ความหนักแน่น เนื่องจากมีขบวนการต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวาย“รัฐบาลยืนยันไม่จำกัดสิทธิของประชาชนในการประชุมกอ.รมน.วันนี้ (28 ส.ค.) จะจัดตั้งศูนย์อำนวยการดูแลการชุมนุมซึ่งมีผมเป็นประธาน และจะอนุมัติใช้แผนดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ไม่ได้ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน และจะให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด”
ซึ่งนายสุเทพได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรณีการเผยแพร่คลิปเสียงนายอภิสิทธิ์อย่างจริงจังแล้ว“ผมอยู่กับนายกรัฐมนตรีมาตลอด ยืนยันไม่เป็นความจริงปัจจุบันนี้มีเทคนิคในการตัดต่อ ก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบ และข้อความที่มีการรายงานมาให้ผมทราบ มันเป็นเรื่องจริงไปไม่ได้เลย เป็นเรื่องตลกแต่เป็นตลกร้ายยืนยันว่าจะต้องหาทางในการที่จะนำไปตรวจสอบว่า ทำกันได้โดยวิธีไหนอย่างไร แต่เชื่อว่าเป็นขบวนการจงใจดิสเครดิตรัฐบาล เพราะมีการทำทุกอย่าง โดยทำให้คนวุ่นวายสับสนสงสัย ไม่เชื่อถือ ให้คนเข้าใจผิดกันมากมาย ทำกันหลายอย่างไม่ใช่เฉพาะคลิปเสียง แต่รัฐบาลก็พยายามทำให้สงบ”ส่วนกรณีฝ่ายค้านจะขอนำคลิปเสียงดังกล่าวไปเปิดในที่ประชุมสภาฯ รัฐบาลจะขัดข้องหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล แต่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมแต่การเผยแพร่คลิปเสียงผิดกฎหมายอยู่แล้ว และแม้คลิปดังกล่าวจะมีการเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ขอให้ประชาชนส่วนใหญ่มีวิจารณญาณ เพราะมีความจงใจก่อความวุ่นวายในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นอีกคนหนึ่งที่ยืนยันว่า ช่วงเวลาดังกล่าวอยู่กับนายกรัฐมนตรีตลอด ไม่ได้ยินว่ามีการสั่งการเช่นในคลิป และถ้ารู้จักนายกรัฐมนตรีดีจะทราบว่าไม่ใช่คนอย่างนั้นส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการตัดต่อ เรื่องนี้จะต้องสืบเสาะหาต้นตอส่วนจะฟ้องร้องหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อนว่าใครทำ และความเสียหายที่เกิดกับนายกรัฐมนตรีผิดกฎหมายใด?ขณะเดียวกัน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการนั่งฟังคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ที่มีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต และมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสั่งการในช่วงเหตุการณ์เดือนเมษายนที่ผ่านมา มีความยาวประมาณ 5 นาทีจากนั้น นายสาทิตย์ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ฟังผู้ที่กระทำการตัดต่อเผยแพร่ มีเจตนาให้เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากเนื้อหาในคลิปดังกล่าวยังมีความขัดแย้งกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอีกทั้งในช่วงระหว่างวันที่ 11-12 เม.ย. มีโอกาสอยู่ใกล้กับนายกรัฐมนตรีโดยตลอด ก็ไม่เคยได้ยินการพูดในลักษณะเช่นนี้อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการพิสูจน์
เสียงแล้ว เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรง และสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้“ถือว่าเป็นกรณีใหญ่ เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบแค่นายกรัฐมนตรี แต่ถือว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศด้วยอย่างไรก็ตาม การกระทำความผิดในเรื่องการปลอมแปลงเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เช่น การตัดต่อภาพ การตัดต่อเสียงหรือการปลอมแปลงเสียงเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต้องมีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะต้องเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายแต่การสาวถึงตัวต้นตอยอมรับว่าทำได้ยาก แต่ถ้ามีการส่งต่อกันสามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก”พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลระบุว่า จากการฟังคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีที่ถูกนำมาเผยแพร่ถ้าเป็นการตัดต่อก็ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยจะให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ละเอียดอีกครั้ง และหาต้นตอมือปล่อยคลิปและจุดเผยแพร่ เพื่อดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีอย่างช้าวันนี้ (28 ส.ค.) จะรู้ว่าใครเป็นคนทำ??แน่นอนเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะคนที่โดนคลิปฉาวเป็นถึงระดับนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางลากคอคนทำออกมาเล่นงานให้ได้เพียงแต่เรื่องนี้ซับซ้อนมาก นายอภิสิทธิ์เองอาจจะต้องนั่งทำใจสงบๆ และนึกไตร่ตรองดูให้ดีว่า ใครบ้างที่จะทำคลิปฉาวแบบนี้แต่ที่สำคัญ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าสิ่งที่นายกฯ อภิสิทธิ์และคนรอบข้างสงสัยนั้นจะเป็นจริงเสมอไปเพราะสิ่งที่คิดว่าใช่ อาจจะไม่ใช่ก็เป็นได้เพราะปกติคลิปฉาวใดๆ ก็ตาม มักจะไม่ได้เกิดจากฝีมือของฝ่ายตรงข้าม หากแต่เกิดขึ้นจากฝีมือของคนใกล้ชิดด้วยกันนั่นแหละยิ่งในสมัยนี้ที่วลี “รู้หน้าไม่รู้ใจ” หรือ “หน้าเนื้อใจเสือ” นั้น ในยุคที่เส้นคั่นระหว่างความกตัญญูกับเนรคุณห่างกันแค่พลิกฝ่ามือหรือมิตรแท้กับมิตรเทียมที่ยากจะพิสูจน์ได้ด้วยรอยยิ้มหรืออ้อมกอดนั้นอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้นนายอภิสิทธิ์จึงจำเป็นต้องหาให้ได้ว่า ช่วงนี้ไปขัดใจใครขึ้นมาบ้างหรือไม่เพราะคลิปฉาวปกติเผยแพร่ออกมาก็เพราะเกิดอาการขัดใจเกิดอาการไม่ได้อย่างใจแทบทั้งนั้น จึงได้เอาคลิปมาเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ถึงวันที่ “มาร์ค” เจอบทเรียนที่หนักหนาสาหัสบนถนนการเมืองอีกครั้งหลังจากนี้คงจะแกร่งและฉลาดมากขึ้นที่จะรู้ว่าใครคบได้ ใครคบไม่ได้เราเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือ?!? ■